ในวันที่ฉันอยาก ‘ลอง’ แต่งนิยายสยองขวัญ

เรื่องสยองขวัญ ไม่น่าภิรมย์นักสำหรับคนกลัวผีขึ้นสมองอย่างฉัน  ฉันเป็นนักเขียนนิยายรักโรแมนติก เรียกได้ว่าเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่น้อยคนนักจะรู้จักและเคยอ่านผลงานของฉัน ฝีมือไม่ต้องพูดถึง ยังรู้สึกอายตัวเองที่จะบอกว่าเป็นนักเขียนมืออาชีพ ฉันยังห่างไกลจากคำนี้อีกโข แต่ก็ฝันว่าสักวันฉันจะเป็นให้ได้

              “เบื่อจัง พี่อยากเลิกเขียนนิยายแล้วล่ะน้องน้ำ” เป็นคำบ่นของนักเขียนรุ่นพี่ที่แชทคุยกับฉันผ่านโปรแกรมสไกด์
             “ทำไมอ่ะ” ฉันถาม งงงวยแท้ พี่แกเขียนสนุกออก ยอดขายก็ดี ทำไมจะหยุดเขียนซะดื้อๆ
             “นักเขียนหน้าใหม่เกิดเยอะ แล้วนิยายที่ขายดีตอนนี้ก็มีแต่พวกอีโรติก แนวตลาดน่ะเป็นที่นิยม”

         ฉันอ่านข้อความที่พี่แกพิมพ์ให้เหตุผล ก็จริงของแกนะ นิยายประเภทตบจูบ มีฉากเรททั้งเรื่อง เป็นที่นิยมมากขึ้น แต่มันก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

        “หากเขียนไม่มีฉากอย่างว่านั่นก็ขายไม่ออก บก.ก็สั่งแก้งาน พี่เบื่อน่ะ พล็อตเรื่องแบบนั้นมันจะมีซักเท่าไหร่เชียว ซ้ำๆ เดิมๆ ปล้ำกันทั้งเรื่อง พระเอกรวย ซื้อนางเอกเป็นนางบำเรอ ไม่ก็จับนางเอกไปเป็นเชลย”

                  “พี่ก็คิดพลอตแปลกๆ ให้นางเอกจับพระเอกไปเป็นเชลยบ้างสิ ไม่ก็จ้างเป็นนายบำเรอ” ฉันย้อนพี่แกไปอย่างนึกสนุก
                 “โอ๊ย มีคนเขียนแล้วแบบนั้นน่ะ พลอตตอนนี้มันซ้ำๆ กันเยอะ จนไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วล่ะ”
                  “เห้อ นั่นสิเนอะ แล้วนิยายที่ไม่ค่อยมีฉากอย่างว่าของเราจะขายออกมั้ยล่ะ แต่ของน้ำก็มีนะ มีฉากนึงเอง แต่ไม่ได้อีโรติกหรอก เป็นธรรมชาติของมนุษย์ชายหญิงนิ”

                 “เราต้องเขียนแหวกแนวแล้วล่ะน้องน้ำ ลองเขียนแนวอื่นบ้าง พี่ว่าจะเขียนแฟนตาซี”
                 “น้ำคงไม่ไหวค่ะ แฟนตาซีอ่ะ ขนาดหนังแฟนตาซียังไม่ชอบดูเลยมันเหนือจินตนาการเกินไป หัวไม่ไปทางนั้น”
                 “ก็ต้องหัดนะ เราไม่ใช่นักเขียนโด่งดัง เขียนงานออกมาก็ใช่จะขายได้ง่ายๆ พี่ว่าจะลองไปเขียนเรื่องสั้นบ้าง เขียนแนวอื่นบ้าง”
                “พี่ไปก่อนนะน้องน้ำ ลูกร้อง เดี๋ยวไปเลี้ยงลูกก่อน” พี่แกส่งอีโมชั่นมาบอกลาทิ้งท้ายแล้วออฟไลน์จากระบบ ทิ้งให้ฉันนั่งทบทวนในบทสนทนานั้นเงียบๆ  

                 จริงอย่างที่พี่แกกังวล ตอนนี้นักเขียนใหม่เกิดขึ้นมากมาย พลอตก็หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดเป็นเท่าทวี บางครั้งในการเขียนนิยายสักเรื่องหนึ่งของฉัน ยังกังวลอยู่เสมอว่า พลอตจะซ้ำกับใครเขาหรือไม่ กลัวจะถูกฟ้องร้องทางกฏหมายโทษฐานคัดลอกงานหรือแนวคิดของผู้อื่น

         ฉันเปิดโฟลเดอร์นิยายในคอมพิวเตอร์แล้วมองมันด้วยความคิดหลากหลาย พลอตมากมายที่วางค้างไว้ไม่มีโอกาสแต่งให้จบลงเลยสักเล่ม ส่วนใหญ่เป็นนิยายรักของหนุ่มสาว ไม่มีอะไรแปลกหรือแตกต่าง นิยายรักเขียนง่ายจะตายไป ใครๆ ก็อยากเขียน  หากไม่ให้เขียนนิยายรัก แล้วฉันจะเขียนนิยายอะไรดี วิชาการไม่ไหว มันเครียดเกินไป ข้อมูลเยอะ ฉันกลัวจะสำลักข้อมูลตายก่อนปิดต้นฉบับ
    
                ‘สยองขวัญดีมั้ย เคยเขียนเรื่องสั้นแนวสยองจบได้เรื่องนึงนี่นา’ ฉันคิดในใจแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะเข้าเว็บกูเกิ้ลค้นหาข้อมูลการเขียนนิยายสยองขวัญ หาสำนักพิมพ์ที่เปิดรับต้นฉบับ หางานเขียนและนักเขียนแนวสยอง

        เมื่อความคิดนั้นเกิดขึ้นในสมองฉันก็เริ่มด้วยการฝึกดูหนังผี สยองขวัญ ฆาตกรรม ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คอหนังแนวนี้เลย ผับพ่าสิ ฉันต้องทนทรมานขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย

        “ตัวเอง วันนี้ดูหนังผีกันนะ” แฟนฉันเป็นคอหนังแนวนี้ตัวยง ฉันชวนเขาเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คบกันมา
               “นึกไงล่ะ กลัวไม่ใช่เหรอ” แฟนมองหน้าฉันราวพบสิ่งอันน่าอัศจรรย์ใจ
               “ก็ตัวเองชอบดู ก็อยากลองดูบ้าง จะได้ดูเป็นเพื่อนตัวเองไง” ฉันประจบเอาใจ เก็บงำวัตถุประสงค์หลักเอาไว้
               “งั้นไปตลาดนัดกัน เห็นว่ามีหนังใหม่ลงดีวีดี น่ากลัวมาก” เขาทำเสียงยะเยือกแล้วแหย่ให้ฉันสะดุ้งก่อนจะหัวเราะชอบใจที่แกล้งคนกลัวผีให้หวีดร้องได้

                หลังจากวันนั้น แฟนฉันก็สรรหาหนังผีชวนสยองมาชวนดูอย่างต่อเนื่อง น่าแปลกที่ฉันไม่เคยฝันร้าย ไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเท่าไหร่เมื่อหนังจบลง เคยคิดเอาไว้ก่อนหน้าจะดู ว่าฉันต้องหลอน จนนอนไม่หลับ แต่ไม่เลย ฉันหลับปุ๋ยทุกวัน ไม่ได้ฝันถึงผีน่ากลัว แต่ก็ฝันเลอะเทอะวุ่นวายที่ไม่ใช่ผี

                 ฉันปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อฉันอีกคน แน่นอนว่าพ่อเชียร์ลูกสาวสุดใจขาดดิ้น แถมยังเล่าเรื่องลึกลับที่พ่อเคยเจอะเจอให้ฟังหลายต่อหลายเรื่อง เรื่องที่พ่อเล่า มันชวนสยองและน่าจดจำกว่าหนังสยองขวัญหลายเรื่องที่เคยดูเสียอีก คงเพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิด และไม่อาจหาสาเหตุของมันได้ว่าเพราะผี วิญญาณ หรือสิ่งลี้ลับอื่นที่ตามองไม่เห็น

               สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจ ‘ลอง’ ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ฉันจะเขียนนิยายสยองเล่มแรกในชีวิต และตั้งใจว่านิยายสยองเล่มนี้ ฉันจะเขียนเป็นของขวัญให้กับพ่อ เพราะท่านเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ฉันเริ่มเอาจริงเอาจัง ด้วยการเดินเข้าร้านหนังสือ ยืนอ่านนิยายสยองขวัญในร้านนั่นอยู่นานนับชั่วโมง และเลือกซื้อนิยายสยองสักเล่มติดไม้ติดมือมาเรียนรู้หลักการดำเนินเรื่องแนวสยอง

       ฉันเปิดอ่านนิยายเล่มที่ซื้อติดมือมาทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน เนื้อเรื่องน่าสนใจ เป็นเรื่องราวที่พบเจอได้จริงแต่สยดสยองมากกว่า ฉันอ่านหนังสือในมือไปไม่กี่บท ราวสามสิบหน้า สมองก็เริ่มทำงาน คำบอกเล่าของพ่อเริ่มผสมผสานแล้วฉันก็ตาวาวเมื่อจู่ๆ พลอตๆหนึ่งมันวาบเข้ามาในสมองพร้อมภาพสถานที่หลักในการดำเนินเรื่องราว

         ฉันยิ้มยินดี ใจเต้นระรัวแล้วรีบหยิบสมุดข้างตัวมาเขียนพลอตไว้คร่าวๆ กันลืม ก่อนจะนึกหาชื่อนิยายที่เหมาะสมกับพลอต แต่ชื่อที่ฉันคิดคงใช้ไม่ได้ เพราะเคยมีผลงานมากมายในรูปแบบหนัง ละคร บทความ เมื่อฉันค้นหามันในเว็บกูเกิ้ล

          ฉันละจากชื่อเรื่อง มุ่งความสนใจไปที่พลอต มันวิ่งอยู่ในหัวจนฉันต้องวางหนังสือในมือลง ฉันเดินไปหลังบ้านด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เข้าไปเล่นกับน้องหมาที่เลี้ยงเอาไว้ ทำความสะอาดคอกของมัน ถูบ้าน ให้อาหาร เป็นหน้าที่ประจำของฉัน มือยังไถไม้ถูพื้น ตายังจ้องมองไป แต่หัวกลับโลดแล่นพลอตนิยายสยองไม่หยุดหย่อน แล้วหัวใจแทบหลุดออกจากทรวง อาการใจหายไปในอากาศวาบขึ้นเมื่อจู่ๆ ประตูขั้นระหว่างโถงรับแขกกับส่วนหลังบ้านกระแทกปิดดัง ปัง!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่