ตอนฤดูร้อน พวกเราก็ไม่ค่อยทรมานกันเท่าไหร่ แต่สำหรับกุหลาบแล้วโหดร้ายมากครับ กิ่งใบทนกับความร้อนไ่ม่ได้ก็แห้งเหลืองไหม้กันหลายต้น ที่ร้ายไปกว่านั้น คือรากกุหลาบก็ต้องรับมือกับความร้อนที่สะสมอยู่ทั้งวัน ลำพังจะมีชีวิตอยู่รอดไปวัน ๆ ก็เป็นเรื่องยากแล้วครับ เรื่องจะออกดอกให้หรูหราคงไม่ไหว ผมใช้วิธีปล่อยวางครับ ยาก็ไม่ฉีด ปุ๋ยก็ไม่ใส่ น้ำรดบ้าง ไม่รดบ้าง แต่ที่ทำอยู่ไม่ขาด คือการเติมวัสดุคลุมดิน เวลาสังเกตุเห็นว่าของเก่าเริ่มบางลงเพราะผุพังไปตามกาลเวลาครับ วิธีนี้ทำให้ผมได้มีโอกาสพักผ่อน ไม่ต้องดูแลกุหลาบทั้งปี เพราะถึงดูแลอย่างไร ก็คงออกมาได้อย่างกระพร่องกระแพร่ง ก็ในเมื่ออากาศเป็นอย่างนี้ เราก็ถือโอกาสพักร้อนไปในตัวครับ กุหลาบด้านล่างนี้เป็นกุหลาบตัดดอกของบริษัทเดวิดออสตินครับ เพื่อนจากสังคมเฟสบุ๊คให้ผมมาต้นนึง ดอกดกดีครับ แต่ไม่มีกลิ่นนะครับ


ผมคิดว่าการดูแลบำรุงกุหลาบตลอดทั้งปี อาจทำให้เราท้อถอยต่องานอดิเรกที่ต้องใช้กำลังกาย และกำลังสมาธิมากขนาดนี้ ปัญหาคือคนเลี้ยงกุหลาบส่วนมากที่รู้จักเป็นพวกรักแต่ความสมบูรณ์แบบ ใบจะมีตำหนินิดนึง ก็กังวลแล้วครับ ถ้าปล่อยให้ธรรมชาติได้ดูแลบ้าง เราดูแลบ้าง ก็คงเหนือ่ยน้อยลงนะครับ กุหลาบพันธุ์นี้คือ our lady of gaudalupe พละกำลังในการออกดอก ไม่แพ้กุหลาบชนิดใด ๆ เลยครับ นี่เป็นดอกชุดแรกที่ไม่ได้เร่งด้วยปุ๋ยเคมีเลย เดี๋ยวรอให้อากาศเย็นชื้นกว่านี้อีกนิด จะลองบำรุงด้วยปุ๋ยเคมีซักหน่อยครับ นาน ๆ ใช้ทีดินไม่เสียหรอกครับ บางครั้งเราก็อยาก spoil ตัวเองด้วยน้ำอัดลมบ้าง สุขภาพไม่น่ามีปัญหาอะไร


กุหลาบด้านล่างนี้ชื่อ walking on sunshine ครับ เป็นกุหลาบพุ่มที่ผมว่าทรงพุ่มเค้าเข้าท่า กลม สวยดีครับ แต่สีใบอ่อนไปนิดนึง อาจเพราะผมอ่อนบำรุงปุ๋ยไป ใบเลยจืด ไม่ขับให้ดอกที่สีซีดอยู่แล้วเด่นขึ้นมาได้


ต้นนี้ sister elizabeth ครับ ผมว่าเค้าก็ดกดีนะครับ แต่ทรงพุ่มเกะกะไปนิดนึง กุหลาบฤดูฝนผมว่าสวยนะครับ ถ้ามั่นใจว่าวัสดุปลูกระบายน้ำดี ไม่ต้องกลัวเรื่องโรคภัยเลยครับ บำรุงเค้าให้แข็งแรงสมบูรณ์ กุหลาบที่แข็งแรงจะมีภูมิคุ้มกันโรคในระดับหนึ่งครับ


ปัญหาคือเรามักจะพ่นยาป้องกันโรคกุหลาบกันเป็นประจำ นี่คือปัญหาครับ เพราะยาพวกนี้ก็จะไปทำลายภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติของใบกุหลาบด้วย เอ แล้วจะทำยังไงดีครับ ผมใช้วิธี พ่นยาก็ต่อเมื่อเห็นว่าอาการของโรคกำลังระบาดครับ ปกติแล้วนักเลี้ยงกุหลาบจะพ่นยารักษาใบกุหลาบทันทีที่เห็นว่าใบเริ่มเป็นโรค แต่ผมจะรอไปซักพักครับ ถ้ากุหลาบแข็งแรงพอ โรคก็จะหายไปเอง เค้าเยียวยาตัวเองได้ ต่อเมื่อใบในต้นกุหลาบติดโรคเกิน 30 เปอร์เซนต์ของใบทั้งต้นเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็จำเป็นต้องใช้ยาแล้วครับ แล้ววิธีการใช้ยา วิธีการพ่นยาผมจะมีแนวทางที่อาจต่างไปจากเพื่อนนิดนึงครับ คือเมื่อผมสังเกตเห็นว่าโรคเริ่มระบาด(ไม่ใช่ทันทีที่สังเกตเห็นโรคนะครับ) ก็ฉีดยารักษาโรค ซึ่งจะไ่ม่ผสมสารจับใบใด ๆ ทั้งสิ้น อันที่จริงแล้ว เราต้องการให้เมื่อยาถูกตัวโรคปุ๊บก็รอ 30 นาที แล้วผมก็จะใช้น้ำฉีดล้างออกทันทีครับ ไม่อยากให้ล้างยาออกยากเพราะมีสารจับใบครับ ยารักษาโรคที่มี base เป็นกำมะถัน ออกฤทธิ์แบบที่ฝรั่งเรียกว่า contact eradicant คือไม่ต้องรอซึมซาบอะไร โดนปุ๊บ ก็ทำงานปั๊บ ผ่านไป 30 นาที ก็ล้างออกได้เลย ทุกอย่างจบแล้ว ยาได้ทำงานของตัวเองครบถ้วนแล้ว การค้างอยู่บนใบกุหลาบของยารังแต่จะทำลายภูมิคุ้มกันโรคของกุหลาบต่อไป กุหลาบด้านล่างเป็นกุหลาบสีม่วงครับ ชื่อ enchanted evening ปลูกมาได้ประมาณ 8 เดือนแล้วครับ ผมว่าดอกดกดี แต่สีไม่ค่อยสวยครับ


ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นคือ ถ้าโรคไม่หยุด อาการยังคงแย่อยู่ รออีกซักอาทิตย์นึงค่อยฉีดพ่นอีกทีครับ แต่นั่นเป็นสัญญาณบอกอย่างหนึ่งว่าเครื่องปลูกของเราอาจระบายน้ำได้ไม่ดีพอ ไม่งั้นทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยตั้งแต่ฉีดยาครั้งแรกแล้วครับ หรือไม่อย่างนั้นกุหลาบเราก็อาจอยู่ในภาวะทุพโภชนา ได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ปุ๋ยสกัดจากสาหร่ายยช่วยได้เยอะัครับ  ภาพด้านล่างนี้เป็นกุหลาบอังกฤษทาโมร่าครับ หอมดีครับ ดอกดก ทรงพุ่มสวย แต่ก่อนผมนึกว่าเป็นพันธุ์แอมบริดโรส ตอนหลังที่ท่านผู้รู้ช่วยแก้ให้


เมื่อเข้าสู่กลางฤดูฝน ถ้าสามารถจัดการเรื่องโรคกุหลาบได้ กุหลาบหน้าฝนก็น่าจะสวยงามไม่แพ้กุหลาบหน้าหนาวเลยครับ