เวลา 23.45 น. วันที่ 21 พ.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.ต.สันตศิริ เมตตาวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงสี่แยกไทยแอร์โร่ หมู่ 11 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก หลังจากรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหัวรอและพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่กู้ภัยข่าวภาพโดยบ้านเกิดเหตุเป็นเป็นไม้ชั้นเดียวไม้ยกพื้นสูง เลขที่ 334 ม.11 ต.หัวรอ พบเพลิงกำลังลุกโหมไหม้บ้านทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงกว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
ตรวจสอบในกองเพลิงพบผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย สภาพศพนอนกอดกันกลมเนื้อตัวไหม้เกรียมน่าเวทนายิ่ง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตรายแรกชื่อ ด.ช.สัณพิชญ์ พลนอก อายุ 13 ปี สภาพสวมกางเกงบอกเซอร์เพียงตัวเดียว และอีกราย ชื่อด.ญ.ณัฐปภา พลนอก อายุ 9 ปี สภาพไหม้เกรียม นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย ทราบชื่อคือนางชุติกาญจน์ พลนอก อายุ 39 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ได้รับบาดเจ็บแขนทั้งสองข้างจากเปลวเพลิงเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้น
จากการสอบสวนนางชุติกาญจน์ มารดาของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนให้การว่า ด.ช.สัณห์พิชญ์ บุตรชายกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพุทธชินราช ส่วน ด.ญ.ณัฐปภา บุตรสาวเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดน้อย เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันขณะที่ตนเองอยู่ในบ้านพัก มีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าได้มาทำการตัดหม้อแปลงไฟของตนเอง โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เนื่องจากตนเองลืมจ่ายค่าไฟฟ้าที่ค้างไว้ 441 บาท กระทั่งไฟฟ้าดับ จึงทราบว่าถูกตัดกระแสไฟแต่ ช่วงนั้นตนยังไม่มีเวลาว่างที่จะไปจ่ายค่าไฟ ช่วงเย็นลูกทั้งสองคนกลับมาจากโรงเรียน และอยู่บ้านตามปกติ
จนกระทั่งช่วงเย็นตนต้องไปทำงานที่ร้านหมูกระทะ ซึ่งอยู่หน้าปากซอย จึงปล่อยให้ลูกสองคนอยู่บ้านพักตามลำพัง โดยลูกของตนได้จุดเทียนไขให้ความสว่างทำการบ้าน และตนได้ซื้อเทียนไขนำมาให้ลูกอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ กระทั่งมีเพื่อนบ้านวิ่งไปตามบอกว่าบ้านพักถูกไฟไหม้ ตนเองได้พยายามเข้าไปช่วยเหลือลุกทั้งสองคนแต่เปลวเพลิงได้โหมรุนแรงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทำให้ลุกทั้งสองคนเสียชีวิตในกองไฟ
จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องตนคาดว่าเด็กทั้งสองคนน่าจะจุดเทียนไขในห้องนอนและเผลอหลับไปเทียนอาจจะล้มไปทับกับมุ้งหรือที่ก่อนทำให้ไฟลุกลามบ้านทั่วทั้งหลังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk9URTVNVFEwT1E9PQ==&subcatid=
เห็นแล้วสงสารมาก อยากให้รัฐวิสาหกิจปรับปรุงบ้าง น่าเวทนาเหลือเกินกับ เงิน แค่ไม่กี่ร้อย
ทำให้ 2 ชีวิตที่กำลังเติบโต ต้องจากไป
สลดสองพี่น้องจุดเทียนทำการบ้านไฟไหม้วอด แม่ช็อก!!กลับมาเจอศพลูกกอดกันกลมคากองเพลิง
ตรวจสอบในกองเพลิงพบผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย สภาพศพนอนกอดกันกลมเนื้อตัวไหม้เกรียมน่าเวทนายิ่ง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตรายแรกชื่อ ด.ช.สัณพิชญ์ พลนอก อายุ 13 ปี สภาพสวมกางเกงบอกเซอร์เพียงตัวเดียว และอีกราย ชื่อด.ญ.ณัฐปภา พลนอก อายุ 9 ปี สภาพไหม้เกรียม นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย ทราบชื่อคือนางชุติกาญจน์ พลนอก อายุ 39 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ได้รับบาดเจ็บแขนทั้งสองข้างจากเปลวเพลิงเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้น
จากการสอบสวนนางชุติกาญจน์ มารดาของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนให้การว่า ด.ช.สัณห์พิชญ์ บุตรชายกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพุทธชินราช ส่วน ด.ญ.ณัฐปภา บุตรสาวเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดน้อย เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันขณะที่ตนเองอยู่ในบ้านพัก มีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าได้มาทำการตัดหม้อแปลงไฟของตนเอง โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เนื่องจากตนเองลืมจ่ายค่าไฟฟ้าที่ค้างไว้ 441 บาท กระทั่งไฟฟ้าดับ จึงทราบว่าถูกตัดกระแสไฟแต่ ช่วงนั้นตนยังไม่มีเวลาว่างที่จะไปจ่ายค่าไฟ ช่วงเย็นลูกทั้งสองคนกลับมาจากโรงเรียน และอยู่บ้านตามปกติ
จนกระทั่งช่วงเย็นตนต้องไปทำงานที่ร้านหมูกระทะ ซึ่งอยู่หน้าปากซอย จึงปล่อยให้ลูกสองคนอยู่บ้านพักตามลำพัง โดยลูกของตนได้จุดเทียนไขให้ความสว่างทำการบ้าน และตนได้ซื้อเทียนไขนำมาให้ลูกอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ กระทั่งมีเพื่อนบ้านวิ่งไปตามบอกว่าบ้านพักถูกไฟไหม้ ตนเองได้พยายามเข้าไปช่วยเหลือลุกทั้งสองคนแต่เปลวเพลิงได้โหมรุนแรงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทำให้ลุกทั้งสองคนเสียชีวิตในกองไฟ
จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องตนคาดว่าเด็กทั้งสองคนน่าจะจุดเทียนไขในห้องนอนและเผลอหลับไปเทียนอาจจะล้มไปทับกับมุ้งหรือที่ก่อนทำให้ไฟลุกลามบ้านทั่วทั้งหลังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk9URTVNVFEwT1E9PQ==&subcatid=
เห็นแล้วสงสารมาก อยากให้รัฐวิสาหกิจปรับปรุงบ้าง น่าเวทนาเหลือเกินกับ เงิน แค่ไม่กี่ร้อย
ทำให้ 2 ชีวิตที่กำลังเติบโต ต้องจากไป