ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 21 พ.ค. นางเอกสาว “กรีน อัษฎาพร” พร้อมมารดา “กนกวรรณ จีระเวทยะนันท์” ได้เปิดโต๊ะแถลงข่าวขึ้นที่ออฟฟิศ ทรู แฟนเทเซีย สุขุมวิท36 หลัง “เคลลี่ ธนะพัทธ์” ถอนฟ้องหมิ่นประมาท บิดาของนางเอกสาว “คุณฉัตรฎรัฐ สิริวัฒน์ธนกุล” ไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยคุณแม่ของกรีนก็เผยว่า หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้ตัวเคลลี่ เป็นฝ่ายเข้าหาครอบครัวของกรีนมากกว่านี้ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรัก ซึ่งตนเองก็ไม่ได้กีดกัน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของลูกสาว ส่วนคุณพ่อที่ถูกฟ้องนั้น หลังได้รับการขอขมา ก็ไม่ติดใจอะไรอีก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแบบพ่อหวง และเป็นห่วงลูกสาวมากกว่า ซึ่งใครก็เป็นกัน พร้อมวอนสังคมอย่าประณามลูกสาวตนเลย เนื่องจากแท้จริงแล้วกรีนเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ส่วนประเด็นที่นางเอกสาวถูกมองว่าพักอยู่กับเคลลี่นั้น ก็ได้รับการเปิดเผยว่า เป็นข่าวที่ไม่มีมูล สร้างความเสื่อมเสียพอสมควร ความจริงแล้วกรีนเลือกที่จะอยู่หอพักมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพราะการเรียนสถาปัตยกรรมนั้น เป็นเรื่องที่หนักมาก ต้องทำงานส่งเป็นประจำ จึงไม่สะดวกที่จะตื่นเช้า เพราะอาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ จึงขออยู่หอพักดีกว่า สำหรับกรณีกระแสข่าวที่ว่าถูกทางช่องสั่งพักงานนั้น ให้ไปถามผู้ใหญ่ทางช่องดีกว่า
กรีน เปิดเผยว่า " อันดับแรกที่กรีนอยากจะพูดตอนนี้ก็คือ ที่มีข่าวว่ากรีนไม่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่งานนะคะ กรีนก็ต้องกราบขอโทษนักข่าวทุกคนจริงๆ คือวันนั้นมันมีความผิดพลาดในเรื่องของการสื่อสารค่อนข้างเยอะ เลยทำให้มีการเข้าใจผิดกันกับพี่ๆนักข่าว กรีนก็ต้องขอโทษที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่วันนี้ที่กรีนมาคือจะมาพูดถึงเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มีแม่คนนึงมากับกรีนด้วยนะคะ ก็จะมาบอกกับทุกคนว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง จริงๆถ้าจะให้เล่าทั้งหมด เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วค่ะ มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว อย่างที่ทุกคนเห็นในข่าว เราพูดได้ไม่หมด แต่เรารู้ว่าเรื่องเป็นยังไง ทุกคนอยากจะถามก็ถามได้เลยค่ะ
เริ่มจากเรื่องถอนฟ้อง จริงๆเรื่องมันก็ดำเนินมานานแล้วค่ะ มีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันบ้าง ก็เลยเกิดปัญหาขึ้นมา แต่สุดท้ายเรื่องมันก็จบลงด้วยดีค่ะ คุณพ่อก็ให้โอกาสพี่เคลลี่ พี่เคลลี่ก็เข้าใจในตัวคุณพ่อทุกอย่าง ทุกอย่างจบลงด้วยดีไม่มีอะไรที่ติดขัด ไม่มีการข้องใจกัน และไม่มีการบาดหมางกันอีกค่ะ กรีนก็จะไม่ย้อนกลับไปพูดนะว่าเรื่องราวมันมีอะไรมากมาย ”
ส่วนการทำใจรับกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น กรีนก็ยอมรับว่า “ก็มีลำบากใจ เสียใจค่ะ เราก็ต้องสู้ แต่วันนี้ที่ออกมาพูด กรีนก็อยากกราบขอโทษคุณพ่อ คุณแม่ที่อาจจะทำเรื่องที่ผิดพลาดและไม่เหมาะสมเลยทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น กรีนอาจจะมองว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบแต่เราอาจจะไม่รอบคอบในชีวิตของเรา ณ วันนี้ก็เป็นบทเรียนให้กับตัวกรีนแล้ว สำหรับคนที่พูดเราก็ห้ามเขาไม่ได้แต่เรารู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง เราอยู่ตรงจุดไหน เอาแค่ว่าครอบครัวและกรีนเข้าใจกันก็พอแล้ว ไม่อยากทำให้ท่านเสียใจไปมากกว่านี้แล้วค่ะ"
ด้านคุณแม่ ก็เปิดเผยถึงหัวอกของคนเป็นแม่ วอนทุกคนอย่าประณามลูกสาวตนเอง เพราะบอบช้ำพอแล้ว ซึ่งช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์คุณแม่ก็เกือบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ก่อนอื่นคือเรื่องข่าวที่ว่าน้องเขาไม่กลับบ้าน ต้องบอกก่อนว่าน้องกรีนเรียนสถาปัตย์ ก็จะจบแล้วเขาต้องทำวิทยานิพนธ์ เวลาอยู่หอก็เดินไปมหาวิทยาลัยได้เลย ถ้าจะมาอยู่บ้านก็ลำบาก บ้านอยู่นอกเมือง เวลามาเรียนเขาต้องตื่นเช้าเพราะรถติดมาก ก็เป็นเหมือนนักศึกษาทั่วไปที่อยู่หอ ซึ่งลูกสาวคนกลางก็อยู่เหมือนกัน
ยอมรับค่ะว่า เห็นลูกโดนด่าก็เสียใจ (เสียงเริ่มสั่น) เรื่องความรักของทั้งคู่ ก็ยังคบได้ค่ะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอนาคตของเด็กสองคน กให้เขาเรียนให้จบมากกว่า ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง แม่ก็อยู่ข้างเขาคอยแนะนำเพราะเราก็ไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจไปมากกว่านี้ (น้ำตารื้น) ไม่อยากให้สังคมประณามเขาว่าเขาเป็นเด็กอกตัญญู เขาไม่ใช่นะคะ เขาเป็นเด็กที่รักครอบครัวมาก ถ้าใครติดตามเขามาตั้งแต่เอเอฟ ได้สัมผัสกับเขาจะรู้ว่าน้องกรีนเป็นเด็กที่รักครอบครัวมากนะคะ
ที่เขาถูกคนโจมตีต่างๆนานา แม่ก็ให้กำลังใจเขา เพราะแม่ก็เคยอดทนมานานมากแล้ว เคยสู้กับชีวิตตัวเองตั้งแต่เด็กมาแล้ว ก็ปลอบใจเขาทุกอย่างค่ะ ต้องใช้เวลาเป็นเรื่องพิสูจน์ทั้งกรีนและเคลลี่ ฝ่ายชายก็ต้องค่อยๆปรับเข้าหาครอบครัวเรา เราก็คุยกันแต่ว่ายังเหมือนเดิมทุกอย่างนะคะ ข่าวนี้ทำให้เข้มแข็งกันทั้งคู่ค่ะและให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรบ้าง อยากให้เขาเคลลี่เข้าหาครอบครัวอีกนิดนึงเท่านั้นเอง เพราะพ่อเขาก็อยู่ต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่เลยเป็นห่วงลูกสาว หวงลูกเพราะมีลูกผู้หญิง 3 คนแล้วพ่อเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน นานๆมาทีเพราะเขาทำงานต่างจังหวัดตลอด นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดี เขาก็เป็นคนดีแต่บางเรื่องเราอาจจะคุยกันน้อยหน่อยเท่านั้นเอง แต่เขาก็ดูแลลูกเขาดีเหมือนกัน”
ที่มา :
http://entertain.smmonline.net/news.php?id=87195
“แม่กรีน” วอน “เคลลี่” เข้าหาครอบครัวมากขึ้น แถลงข่าวเปิดใจ ไม่ติดใจหลังถอนฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 21 พ.ค. นางเอกสาว “กรีน อัษฎาพร” พร้อมมารดา “กนกวรรณ จีระเวทยะนันท์” ได้เปิดโต๊ะแถลงข่าวขึ้นที่ออฟฟิศ ทรู แฟนเทเซีย สุขุมวิท36 หลัง “เคลลี่ ธนะพัทธ์” ถอนฟ้องหมิ่นประมาท บิดาของนางเอกสาว “คุณฉัตรฎรัฐ สิริวัฒน์ธนกุล” ไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยคุณแม่ของกรีนก็เผยว่า หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้ตัวเคลลี่ เป็นฝ่ายเข้าหาครอบครัวของกรีนมากกว่านี้ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรัก ซึ่งตนเองก็ไม่ได้กีดกัน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของลูกสาว ส่วนคุณพ่อที่ถูกฟ้องนั้น หลังได้รับการขอขมา ก็ไม่ติดใจอะไรอีก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแบบพ่อหวง และเป็นห่วงลูกสาวมากกว่า ซึ่งใครก็เป็นกัน พร้อมวอนสังคมอย่าประณามลูกสาวตนเลย เนื่องจากแท้จริงแล้วกรีนเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ส่วนประเด็นที่นางเอกสาวถูกมองว่าพักอยู่กับเคลลี่นั้น ก็ได้รับการเปิดเผยว่า เป็นข่าวที่ไม่มีมูล สร้างความเสื่อมเสียพอสมควร ความจริงแล้วกรีนเลือกที่จะอยู่หอพักมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพราะการเรียนสถาปัตยกรรมนั้น เป็นเรื่องที่หนักมาก ต้องทำงานส่งเป็นประจำ จึงไม่สะดวกที่จะตื่นเช้า เพราะอาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ จึงขออยู่หอพักดีกว่า สำหรับกรณีกระแสข่าวที่ว่าถูกทางช่องสั่งพักงานนั้น ให้ไปถามผู้ใหญ่ทางช่องดีกว่า
กรีน เปิดเผยว่า " อันดับแรกที่กรีนอยากจะพูดตอนนี้ก็คือ ที่มีข่าวว่ากรีนไม่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่งานนะคะ กรีนก็ต้องกราบขอโทษนักข่าวทุกคนจริงๆ คือวันนั้นมันมีความผิดพลาดในเรื่องของการสื่อสารค่อนข้างเยอะ เลยทำให้มีการเข้าใจผิดกันกับพี่ๆนักข่าว กรีนก็ต้องขอโทษที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่วันนี้ที่กรีนมาคือจะมาพูดถึงเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มีแม่คนนึงมากับกรีนด้วยนะคะ ก็จะมาบอกกับทุกคนว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง จริงๆถ้าจะให้เล่าทั้งหมด เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วค่ะ มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว อย่างที่ทุกคนเห็นในข่าว เราพูดได้ไม่หมด แต่เรารู้ว่าเรื่องเป็นยังไง ทุกคนอยากจะถามก็ถามได้เลยค่ะ
เริ่มจากเรื่องถอนฟ้อง จริงๆเรื่องมันก็ดำเนินมานานแล้วค่ะ มีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันบ้าง ก็เลยเกิดปัญหาขึ้นมา แต่สุดท้ายเรื่องมันก็จบลงด้วยดีค่ะ คุณพ่อก็ให้โอกาสพี่เคลลี่ พี่เคลลี่ก็เข้าใจในตัวคุณพ่อทุกอย่าง ทุกอย่างจบลงด้วยดีไม่มีอะไรที่ติดขัด ไม่มีการข้องใจกัน และไม่มีการบาดหมางกันอีกค่ะ กรีนก็จะไม่ย้อนกลับไปพูดนะว่าเรื่องราวมันมีอะไรมากมาย ”
ส่วนการทำใจรับกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น กรีนก็ยอมรับว่า “ก็มีลำบากใจ เสียใจค่ะ เราก็ต้องสู้ แต่วันนี้ที่ออกมาพูด กรีนก็อยากกราบขอโทษคุณพ่อ คุณแม่ที่อาจจะทำเรื่องที่ผิดพลาดและไม่เหมาะสมเลยทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น กรีนอาจจะมองว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบแต่เราอาจจะไม่รอบคอบในชีวิตของเรา ณ วันนี้ก็เป็นบทเรียนให้กับตัวกรีนแล้ว สำหรับคนที่พูดเราก็ห้ามเขาไม่ได้แต่เรารู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง เราอยู่ตรงจุดไหน เอาแค่ว่าครอบครัวและกรีนเข้าใจกันก็พอแล้ว ไม่อยากทำให้ท่านเสียใจไปมากกว่านี้แล้วค่ะ"
ด้านคุณแม่ ก็เปิดเผยถึงหัวอกของคนเป็นแม่ วอนทุกคนอย่าประณามลูกสาวตนเอง เพราะบอบช้ำพอแล้ว ซึ่งช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์คุณแม่ก็เกือบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ก่อนอื่นคือเรื่องข่าวที่ว่าน้องเขาไม่กลับบ้าน ต้องบอกก่อนว่าน้องกรีนเรียนสถาปัตย์ ก็จะจบแล้วเขาต้องทำวิทยานิพนธ์ เวลาอยู่หอก็เดินไปมหาวิทยาลัยได้เลย ถ้าจะมาอยู่บ้านก็ลำบาก บ้านอยู่นอกเมือง เวลามาเรียนเขาต้องตื่นเช้าเพราะรถติดมาก ก็เป็นเหมือนนักศึกษาทั่วไปที่อยู่หอ ซึ่งลูกสาวคนกลางก็อยู่เหมือนกัน
ยอมรับค่ะว่า เห็นลูกโดนด่าก็เสียใจ (เสียงเริ่มสั่น) เรื่องความรักของทั้งคู่ ก็ยังคบได้ค่ะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอนาคตของเด็กสองคน กให้เขาเรียนให้จบมากกว่า ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง แม่ก็อยู่ข้างเขาคอยแนะนำเพราะเราก็ไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจไปมากกว่านี้ (น้ำตารื้น) ไม่อยากให้สังคมประณามเขาว่าเขาเป็นเด็กอกตัญญู เขาไม่ใช่นะคะ เขาเป็นเด็กที่รักครอบครัวมาก ถ้าใครติดตามเขามาตั้งแต่เอเอฟ ได้สัมผัสกับเขาจะรู้ว่าน้องกรีนเป็นเด็กที่รักครอบครัวมากนะคะ
ที่เขาถูกคนโจมตีต่างๆนานา แม่ก็ให้กำลังใจเขา เพราะแม่ก็เคยอดทนมานานมากแล้ว เคยสู้กับชีวิตตัวเองตั้งแต่เด็กมาแล้ว ก็ปลอบใจเขาทุกอย่างค่ะ ต้องใช้เวลาเป็นเรื่องพิสูจน์ทั้งกรีนและเคลลี่ ฝ่ายชายก็ต้องค่อยๆปรับเข้าหาครอบครัวเรา เราก็คุยกันแต่ว่ายังเหมือนเดิมทุกอย่างนะคะ ข่าวนี้ทำให้เข้มแข็งกันทั้งคู่ค่ะและให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรบ้าง อยากให้เขาเคลลี่เข้าหาครอบครัวอีกนิดนึงเท่านั้นเอง เพราะพ่อเขาก็อยู่ต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่เลยเป็นห่วงลูกสาว หวงลูกเพราะมีลูกผู้หญิง 3 คนแล้วพ่อเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน นานๆมาทีเพราะเขาทำงานต่างจังหวัดตลอด นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดี เขาก็เป็นคนดีแต่บางเรื่องเราอาจจะคุยกันน้อยหน่อยเท่านั้นเอง แต่เขาก็ดูแลลูกเขาดีเหมือนกัน”
ที่มา : http://entertain.smmonline.net/news.php?id=87195