...
Welcome to Superleague............จากพรีเมียร์ลีก สู่ "ซูเปอร์ลีก"..
...
"พรีเมียร์ลีกกำลังจะกลายเป็นซูปเปอร์ลีกของทศวรรษนี้" สิ่งแรกที่ผมเริ่มคิดหลังจากที่เห็น ข่าวที่โค๊ชชาวชิลีอย่างมานูเอล หลุยส์ เปเยกรินี่ กำลังจะก้าวมาที่ลีกอย่างพรีเมียร์ลีก..อันที่จริงมันไม่เชิงซะทีเดียวหรอกว่าโค๊ชอย่าง เปเยกรินี่ จะเข้ามายกระดับของพรีเมียร์ขึ้นมา แต่สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงคือคลาสในการเลือกผู้จัดการทีมต่างหากที่จะยกระดับของพรีเมียร์..ก่อนอื่นคุณต้องมองก่อนว่ามันยากมากแค่ไหน หากเรามองย้อนหลังไป 10-15 ปีก่อนแล้วจะบอกว่าโค๊ชของทีมจากอังกฤษที่มีศักยภาพทางการเงินมากที่สุดจะเป็น ชิเลี่ยน?..
สำหรับเจเนอเรชั่นอย่างผมเองที่เติบโตมาจากสมัยของกัลโช่เซเรียอา..ลีกเดียวในยุโรป ที่ตอนนั้นได้รับอนุญาติพ่วงท้ายด้วยสมยานามแสนจะเท่ระเบิดว่า "ลีกที่หินที่สุดในโลก"...ฟุตบอลอิตาลี่ในยุค 90' คือที่ๆรวมเอา แท็คติกส์ เทคนิค และเหล่าทวยเทพทั้งหลายในยุคนั้นมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนที่จะห่อหุ้มพวกเค้าไว้ด้วยเงินลีร์..เท้าชั่งทองอย่าง มานูเอล รุยคอสต้า,กาเบรียล บาติสตูต้า, เดลปิเอโร่, ฮวน เวรอน หรือ ซีเนอดีน ซีดาน ปะทะกับโคตรแนวรับอย่าง อเลซซานโดร เนสต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ จอมเก๋าอย่าง คอสตาร์คูตาร์ หรือว่า ลิลิยอง ตูราม มันทั้ง คลาสสิคเต็มไปด้วยเทคนิค และ พลังในการเล่น การที่เห็นนักเตะจอมทัพใช้ทักษะคลึงบอลหลบคู่แข่งแล้วผ่านบอลตัดหลังแนวรับระยะ 35 หลา ให้ศูนย์หน้าวิ่งเข้าไปชิพข้ามหัวผู้รักษาประตู คือสิ่งที่เราจะจินตนาการได้ในสมัยนั้น..
จากอดีตอันมั่งคั่งของอิตาลี่เรื่อยมาจนถึงยุคที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ สร้างในสิ่งที่เราเคยได้แต่พยายามจินตนาการถึงมันเท่านั้น กาลาคติกอสเกิดขึ้นครั้งแรกที่นี่ เรอัลมาดริดที่มี ซีดาน ฟิโก้ ราอูล มาเกเลเล่ หรือ นักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมาอย่าง โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เดลิมา ต่อสู้ในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับบาร์เซโลน่าของ โรนัลดิญโญ่ ปูโยล ซามูเอล เอโต้ หรือ เจ้าหนูมหัศจรรย์ในตอนนั้นอย่าง ลิโอเนล เมซซี่..มันน่าเหลือเชื่อมากเมื่อมองไปในตอนนั้น..แต่ว่าไม่ใช่ในแง่ของการแข่งขันในลีก.. พวกเค้าแกร่งเกินไป ไม่มีทีมไหนในลาลีกาที่จะต่อกรกับพวกเค้าได้ และเมื่อวัดจากสิ่งที่บาเลนเซียทำได้ในตอนนั้น มันคือเครดิตที่เราควรให้กับเจ้าพ่อแท็คติกส์อย่าง ราฟา เบนิเตซ ...
คำถามคือจากช่วงเวลาที่ว่ามาทั้งหมดนั้น พรีเมียร์ลีกที่ชาวอังกฤษภูมิใจนักหนานั้นอยู่ที่ไหน?....พรีเมียร์ลีกคือลีกที่สนุกที่สุด นั่นคือเรื่องจริงแต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า ผมไม่เคยมองพวกเค้าคือลีกที่ดีที่สุดในโลกเลย..ฟุตบอลที่นี่มีสเน่ห์ พวกเค้าจริงจัง บรรยากาศของการเชียร์ยอดเยี่ยม และเต็มไปด้วยสปิริตแรงกล้าในการเล่น แต่ไม่ใช่ในแง่ของ
ระดับเทคนิคของการเล่น ระดับของผู้เล่น และแท็คติกส์ของผู้จัดการทีม พรีเมียร์ลีกไม่เคยขึ้นไปแตะในระดับนั้นมาก่อน.. ผมคือแฟนบอลของยูไนเต็ด แต่ก่อนที่โจเซ่ มูริญโญ่ จะมาที่นี่ ยูไนเต็ดของเฟอร์กูสันจะเล่นด้วยระดับความสามารถประมาณ 90% เพื่อเป็นแชมป์ลีก..พวกเค้าบอกว่ายูไนเต็ดคือทีมที่ดีที่สุดของอังกฤษ และในความหมายที่ว่านั้น แฟนบอลที่นี่หมายถึงว่า ยูไนเต็ดดีที่สุดในโลก..
พรีเมียร์ลีกในตอนนั้น พวกเค้าเน้นการสาดบอลยาว อาศัยความแข็งแกร่งของผู้เล่นเป็นหลัก และ ระบบการเล่นแบบอังกฤษโบราณ มองอย่างไม่อดติ ทีมอย่าง คาร์ดิฟซิตี้ หรือ เลสเตอร์ซิตี้ ในตอนนี้มีดีพอสำหรับพรีเมียร์ในยุคนั้น .. เช่นเดียวกัน ยูไนเต็ดทำได้ดี แต่ปัญหาคือต่อมา เมื่อพวกเค้าลองเร่งระดับการเล่นถึง 100% แล้วแต่กลับพบมันไม่พอสำหรับการที่จะเป็นแชมป์ และแน่นอนว่า เชลซีของมูริญโญ่ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมาแล้วในตอนนั้น...เมื่อมาตรฐานใหม่เกิด ทีมอื่นๆก็ต้องยกระดับขึ้นมาเช่นกัน ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล และ แมนยูไนเต็ด ต่างได้รับผลกระทบและนั่นทำให้เกิดการพัฒนาครั้งใหญ่ขึ้น..
พวกเค้าเริ่มก้าวออกมา และกล้าที่จะยอมรับในความจริงว่านักเตะจากบริเทนไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกลุ่มนักเตะที่ดีที่สุดสำหรับพรี้มียร์ลีก ลีกที่ดีที่สุดย่อมต้องใช้นักเตะที่ดีที่สุดเช่นกัน และไม่จำเป็นต้องเป็นอังกฤษเสมอไป..."หากเด็กที่นี่ดีพอ พวกเค้าก็จะได้เล่น"..คำพูดของวองแจร์ยังคงถูกเสมอ...ในเมื่อนักเตะอย่าง เกล็น ฮอดเดิ้ล แกรี่ ลินิเกอร์ หรือ อัจฉริยะฟุตบอลคนสุดท้ายอย่าง พอล แกสคอยก์ ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว..พวกเค้าจะไปหาบางอย่างเหล่านี้มาจากไหน เหล่าผู้จัดการทีมจากอังกฤษจึงเริ่มมองหาสิ่งที่พวกเค้าขาดหายจากอเมริกาใต้ บราซิล อาร์เจนติน่า หรือ ยุโรปอย่าง สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศษ เน้นที่พละกำลังเหมือนเดิมแต่ให้น้ำหนักกับเทคนิคมากขึ้น..แต่เมื่อทุกอย่างกำลังจะพัฒนา....ปัญหาคือพวกเค้าไม่รู้ว่าจะใช้งานนักเตะเหล่านี้อย่างไร?..
90% ของผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกในตอนนั้นคืิอบริเทน อังกฤษ สก๊อตแลนด์ เวลส์ หรือ ไอร์แลนด์ จะมีก็แต่ทีมอย่างอาร์เซน่อลของวองแจร์, ลิเวอร์พูล, ฟูแล่ม หรือ เชลซีของอับราโมวิชที่ไม่เคยใช้บริการของโค๊ชบริเทน เช่นเดียวกับสถานการณ์ของแมนซิตี้ในปัจจุบัน... ปัญหาใหญ่คือ นักเตะประเภทจอมเทคนิค ตัวรุกอิสระ ปีกสมัยใหม่ หรือ ตัวรับธรรมชาติ จะเล่นในตำแหน่งไหนในระบบ 4-4-2 โบราณของที่นี่..ครึ่งนึงต้องหมดโอกาศเพราะไม่สามารถเป็นปีกโบราณ กระชากแล้วเปิดเข้ากลางให้กุณซือของพวกเค้าได้ ตัวรุกต้องมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง เต็มที่คือพอได้ในตำแหน่งหน้าต่ำ พร้อมๆกับเสียงเย้ยหยันของเหล่าอดีตนักเตะชาวผู้ดี ที่มักเชิดชูชาติเดียวกัน หรือแฟนบอลที่เข้าใจและถูกฝังแนวคิดเชิงอนุรักษ์นิยมจากสื่ออังกฤษที่ว่า พวกนี้มีแต่เทคนิคและไม่เก่งพอที่จะเล่นในลีกที่ดีที่สุดในโลกของพวกเค้าได้?...
แต่บังเอิญสิ่งที่เราเห็นกันอยู่คือ นักเตะถนัดซ้ายอย่าง อาร์เยน ร๊อบเบน ไม่เคยเล่นตำแหน่งปีกโบราณด้านซ้ายในระบบ 4-4-2 เกินสิบเกมส์ให้กับเชลซี..จากวัฒนธรรมของที่นี่ พวกเค้าไม่รู้จริงๆว่านักเตะเหล่านี้ต้องเล่นในระบบ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 เป็นหลัก เล่นบอลกับพื้น ผ่านบอลเพื่อเข้าทำจากตรงกลาง เชื่อมเกมส์ด้วยแท็กติกส์และเซ้นท์บอลระดับสูง ผู้จัดการทีมบริเทนไม่สามารถใช้งานพวกเค้าได้เต็มประสิทธิภาพ ตำแหน่งอะไร วิ่งในลักษณะไหน เล่นยังไง .. วัฒนธรรมของบอลอังกฤษเล่นเร็ว เร็วเกินไปด้วยซ้ำ ฟุตบอลที่นี่เล่นกันเร็วที่สุดในโลก แต่ถ้าเร็วอย่างเดียวแล้วต้องศูนย์เสียคุณภาพทางเทคนิคไปจะมีประโยชน์อะไร...คุณก็เห็นว่าในเกมส์ระดับชาติอังกฤษครองบอลสู้ทีมอื่นๆไม่ได้ และ ผมคงไม่ต้องบอกว่าสาเหตุมันมาจากไหน...
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน เปลี่ยนตัวเองเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุโรปทันทีที่อยู่ในมือของ เปเยกรินี่...และพวกคุณคงรู้จัก ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ โค๊ชของแอตเลติโกมาดริดใช่ไหมล่ะ เค้าเคยเป็นผู้เล่นที่เก่งนะ เป็นมิดฟิลด์ที่เล่นเกมส์รับได้แข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังทำได้แค่วิ่งตัดเกมส์ให้ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ... ที่อังกฤษ พวกเค้าไม่ค่อยชอบให้พวกนี้อยู่เหนือกว่าคนอื่นนักหรอก มิดฟิลด์ที่นี่ต้องวิ่ง สู้ ฟัด เทคนิคไว้ว่ากันทีหลัง...และถึงแม้ในกรณีที่ต่างออกไป พวกเค้าก็ยังจะพูด พูด และพูดอีกนั่นแหละ เหมือนที่ เจมี่ เร็ดแนป เคยบอกว่า มาชเคราโน่ คือมิดฟิลด์ที่ห่วยเกินกว่าจะไปเล่นให้บาร์เซโลน่าได้ มิดฟิลด์ที่ เปิดบอลยาวไม่ได้ เลี้ยงบอลไม่ได้ และ ยิงประตูไม่ได้ บาร์ซาจะเอาไปทำอะไร บางทีพวกเค้าอาจจะยังงงอยู่ว่าทำไมบาร์เยิร์นมิวนิคถึงกล้าที่จะดึงตัวมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง ฆาบี มาร์ติเนซ ด้วยค่าตัวถึง 46 ล้านยูโร และขอให้เชื่อผมเถอะว่าจนถึงตอนนี้โค๊ชชาวอังกฤษบางคนก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำแหน่งที่ อันเดรส อิเนียสต้า เล่นให้บาร์เซโลน่า เรียกว่าตำแหน่งอะไร?..พวกเค้ามองในแบบที่ว่านักเตะที่อาศัยเทคนิคเซ้นท์บอลระดับสูงไม่สามารถมาเล่นที่นี่ได้ ทั้งๆที่ปัญหาจริงๆคือบุคลากรที่พวกคุณมีอยู่เชี่ยวชาญพอที่จะใช้นักเตะเหล่านี้หรือเปล่าต่างห่าก!! ....
จนถึงวันที่พรีเมียร์ลีกในทุกวันนี้ พร้อมทุกอย่าง กำลังเงินมหาศาลที่จะดึงดูดสุดยอดนักเตะให้มาอยู่ที่นี่ สนามฟุตบอลระดับมาตรฐาน แฟนบอลที่เหนียวแน่น วัฒนธรรมการแข่งขัน รวมไปถึงสเนห์ของฟุตบอล ทุกอย่าง...สปิริตของฟุตบอลยังอยู่ที่นี่ สิ่งที่เห็นคือ พวกเค้ากำลังเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า ระดับของผู้จัดการทีมต่างหากที่สามารถเปลี่ยนศักยภาพมากมายที่พวกเค้ามี ให้ออกมาได้อย่างตามที่มันควรจะเป็น.. มันไม่ผิดหรอกที่แฟนบอลมักจะคิดเสมอว่าเมื่อสุดยอดนักเตะอยู่ด้วยกันจะกลายเป็นยอดทีม แต่พวกเค้าไม่รู้หรอกว่าแท็กติกส์ หรือ ระบบการเล่นต่างหาก ที่ขับความสามารถเหล่านั้นออกมา สิ่งทีี่น่าตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่ว่า นักเตะอย่าง ฮวน มาต้า อาซาร์ หรือ ออสก้า เก่งขนาดไหน มันอยู่ที่ว่าคุณจะใช้พวกงานเค้าอย่างไรให้ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดต่างหาก นั่นหละสำคัญที่สุด..
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่คุมเซาแทมป์ตันโดยพูดอังกฤษไม่ได้ และเริ่มมีเสียงโห่ตั้งแต่เกมส์แรกของเค้า แต่สุดท้ายก็แสดงให้เราเห็นว่าแท็คติกส์ที่ดีทำอะไรได้บ้าง แฟนบอลต้องอ้าปากค้างตอนที่เค้าพาทีมคว่ำทั้ง แมนซิตี้ เชลซี หรือ ลิเวอร์พูล..หรือการที่ เลาดรุ๊ป สร้างให้สวอนซีเป็นทีมที่ครองบอลได้สวยงามที่สุดในลีกนั่นแหละ เค้าทำให้เกมส์นัดชิงลีกคัพเป็นเหมือนกับโคปาเดลเรย์ สวอนซีในตอนนี้เล่นเหมือนกับพวกเค้ามาจากสเปนไม่มีผิด.... มันก็เหมือนกับที่ แฟนบอลหลายคนไม่ชอบ ราฟา เบนิเตซ หลายคนไม่ชอบหมอนี่ แต่ดันลืมไปว่า สตีเฟ่น เจอร์ราด พีคที่สุดในชีวิตตอนเล่นกับ อลองโซ่ และ มาชเชราโน่ และการนำ เฟอร์นันโด ตอร์เรส มาที่อังกฤษสร้างให้เป็นดาวยิงที่ดีที่สุดในยุโรปคือผลงานของใคร...ไม่ใช่บุคคลอย่าง เฟอร์กูสัน มูริญโญ่ วองแจร์ หรือ เบนิเตซ เหรอที่มีส่วนสร้างพรีเมียร์ลีกให้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้...
จนถึงตอนนี้ มันอยู่ในจุดที่ผมกล้าที่จะพูดว่าไม่มีลีกไหนอีกแล้วที่จะมีเงื่อนใขในการเป็นแชมป์ยากไปกว่าพรีเมียร์ลีก พวกเค้ามี
ท๊อปหก ในสภาพแวดล้อมที่ทุกทีมจากครึ่งบนของตารางสามารถที่จะสู้กันได้ทั้งหมด ทั้งในแง่ของการเอนเตอร์เทน หรือ คุณภาพของผู้เล่น ในฤดูกาลหน้าเรามีโอกาสจะได้เห็นผู้จัดการทีมคุณภาพอย่าง มูริญโญ่ เปเยกรินี่ วองแจร์ ดาวิด มอยส์ หรือ ไมเคิล เลาดรุ๊ป เผชิญหน้าในลีกเดียวกัน รวมไปถึงผู้จัดการทีมหนุ่มรุ่นใหม่แต่เชี่ยวชาญระบบแท็กติกส์อย่าง โบอาส ร็อดเจอร์ส หรือ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่ยังคงอยู่ที่นี่ อิงลิชขนานแท้ระดับคุณภาพอย่าง แซม อัลาไดซ์ สตีฟ คล๊าก รวมไปถึงสีสันจากผู้จัดการทีมอย่าง เปาโล ดิคานิโอ...พวกเค้าเริ่มที่จะเรียนรู้ จากการที่มักจะมองหานักเตะที่เก่งพอที่จะเล่นที่นี่ สู่การพัฒนาในรูปแบบของแนวคิด คนที่สุดยอดเท่านั้นถึงจะสร้างทีมที่สุดยอดได้ ....นั่นหละฤดูกาลที่น่าตื่นเต้นที่สุดกำลังจะเริ่มขึ้น พรีเมียร์ลีกกำลังจะกลายเป็นลีกที่แกร่งที่สุด สุดยอดผู้จัดการทีม และ สุดยอดนักเตะจากที่นี่ ที่ๆ
"ซูเปอร์ลีก" กำลังจะอุบัติขึ้น....
จากพรีเมียร์ลีก สู่ "ซูเปอร์ลีก"..
...Welcome to Superleague............จากพรีเมียร์ลีก สู่ "ซูเปอร์ลีก"..
..."พรีเมียร์ลีกกำลังจะกลายเป็นซูปเปอร์ลีกของทศวรรษนี้" สิ่งแรกที่ผมเริ่มคิดหลังจากที่เห็น ข่าวที่โค๊ชชาวชิลีอย่างมานูเอล หลุยส์ เปเยกรินี่ กำลังจะก้าวมาที่ลีกอย่างพรีเมียร์ลีก..อันที่จริงมันไม่เชิงซะทีเดียวหรอกว่าโค๊ชอย่าง เปเยกรินี่ จะเข้ามายกระดับของพรีเมียร์ขึ้นมา แต่สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงคือคลาสในการเลือกผู้จัดการทีมต่างหากที่จะยกระดับของพรีเมียร์..ก่อนอื่นคุณต้องมองก่อนว่ามันยากมากแค่ไหน หากเรามองย้อนหลังไป 10-15 ปีก่อนแล้วจะบอกว่าโค๊ชของทีมจากอังกฤษที่มีศักยภาพทางการเงินมากที่สุดจะเป็น ชิเลี่ยน?..
สำหรับเจเนอเรชั่นอย่างผมเองที่เติบโตมาจากสมัยของกัลโช่เซเรียอา..ลีกเดียวในยุโรป ที่ตอนนั้นได้รับอนุญาติพ่วงท้ายด้วยสมยานามแสนจะเท่ระเบิดว่า "ลีกที่หินที่สุดในโลก"...ฟุตบอลอิตาลี่ในยุค 90' คือที่ๆรวมเอา แท็คติกส์ เทคนิค และเหล่าทวยเทพทั้งหลายในยุคนั้นมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนที่จะห่อหุ้มพวกเค้าไว้ด้วยเงินลีร์..เท้าชั่งทองอย่าง มานูเอล รุยคอสต้า,กาเบรียล บาติสตูต้า, เดลปิเอโร่, ฮวน เวรอน หรือ ซีเนอดีน ซีดาน ปะทะกับโคตรแนวรับอย่าง อเลซซานโดร เนสต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ จอมเก๋าอย่าง คอสตาร์คูตาร์ หรือว่า ลิลิยอง ตูราม มันทั้ง คลาสสิคเต็มไปด้วยเทคนิค และ พลังในการเล่น การที่เห็นนักเตะจอมทัพใช้ทักษะคลึงบอลหลบคู่แข่งแล้วผ่านบอลตัดหลังแนวรับระยะ 35 หลา ให้ศูนย์หน้าวิ่งเข้าไปชิพข้ามหัวผู้รักษาประตู คือสิ่งที่เราจะจินตนาการได้ในสมัยนั้น..
จากอดีตอันมั่งคั่งของอิตาลี่เรื่อยมาจนถึงยุคที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ สร้างในสิ่งที่เราเคยได้แต่พยายามจินตนาการถึงมันเท่านั้น กาลาคติกอสเกิดขึ้นครั้งแรกที่นี่ เรอัลมาดริดที่มี ซีดาน ฟิโก้ ราอูล มาเกเลเล่ หรือ นักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมาอย่าง โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เดลิมา ต่อสู้ในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับบาร์เซโลน่าของ โรนัลดิญโญ่ ปูโยล ซามูเอล เอโต้ หรือ เจ้าหนูมหัศจรรย์ในตอนนั้นอย่าง ลิโอเนล เมซซี่..มันน่าเหลือเชื่อมากเมื่อมองไปในตอนนั้น..แต่ว่าไม่ใช่ในแง่ของการแข่งขันในลีก.. พวกเค้าแกร่งเกินไป ไม่มีทีมไหนในลาลีกาที่จะต่อกรกับพวกเค้าได้ และเมื่อวัดจากสิ่งที่บาเลนเซียทำได้ในตอนนั้น มันคือเครดิตที่เราควรให้กับเจ้าพ่อแท็คติกส์อย่าง ราฟา เบนิเตซ ...
คำถามคือจากช่วงเวลาที่ว่ามาทั้งหมดนั้น พรีเมียร์ลีกที่ชาวอังกฤษภูมิใจนักหนานั้นอยู่ที่ไหน?....พรีเมียร์ลีกคือลีกที่สนุกที่สุด นั่นคือเรื่องจริงแต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า ผมไม่เคยมองพวกเค้าคือลีกที่ดีที่สุดในโลกเลย..ฟุตบอลที่นี่มีสเน่ห์ พวกเค้าจริงจัง บรรยากาศของการเชียร์ยอดเยี่ยม และเต็มไปด้วยสปิริตแรงกล้าในการเล่น แต่ไม่ใช่ในแง่ของระดับเทคนิคของการเล่น ระดับของผู้เล่น และแท็คติกส์ของผู้จัดการทีม พรีเมียร์ลีกไม่เคยขึ้นไปแตะในระดับนั้นมาก่อน.. ผมคือแฟนบอลของยูไนเต็ด แต่ก่อนที่โจเซ่ มูริญโญ่ จะมาที่นี่ ยูไนเต็ดของเฟอร์กูสันจะเล่นด้วยระดับความสามารถประมาณ 90% เพื่อเป็นแชมป์ลีก..พวกเค้าบอกว่ายูไนเต็ดคือทีมที่ดีที่สุดของอังกฤษ และในความหมายที่ว่านั้น แฟนบอลที่นี่หมายถึงว่า ยูไนเต็ดดีที่สุดในโลก..
พรีเมียร์ลีกในตอนนั้น พวกเค้าเน้นการสาดบอลยาว อาศัยความแข็งแกร่งของผู้เล่นเป็นหลัก และ ระบบการเล่นแบบอังกฤษโบราณ มองอย่างไม่อดติ ทีมอย่าง คาร์ดิฟซิตี้ หรือ เลสเตอร์ซิตี้ ในตอนนี้มีดีพอสำหรับพรีเมียร์ในยุคนั้น .. เช่นเดียวกัน ยูไนเต็ดทำได้ดี แต่ปัญหาคือต่อมา เมื่อพวกเค้าลองเร่งระดับการเล่นถึง 100% แล้วแต่กลับพบมันไม่พอสำหรับการที่จะเป็นแชมป์ และแน่นอนว่า เชลซีของมูริญโญ่ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมาแล้วในตอนนั้น...เมื่อมาตรฐานใหม่เกิด ทีมอื่นๆก็ต้องยกระดับขึ้นมาเช่นกัน ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล และ แมนยูไนเต็ด ต่างได้รับผลกระทบและนั่นทำให้เกิดการพัฒนาครั้งใหญ่ขึ้น..
พวกเค้าเริ่มก้าวออกมา และกล้าที่จะยอมรับในความจริงว่านักเตะจากบริเทนไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกลุ่มนักเตะที่ดีที่สุดสำหรับพรี้มียร์ลีก ลีกที่ดีที่สุดย่อมต้องใช้นักเตะที่ดีที่สุดเช่นกัน และไม่จำเป็นต้องเป็นอังกฤษเสมอไป..."หากเด็กที่นี่ดีพอ พวกเค้าก็จะได้เล่น"..คำพูดของวองแจร์ยังคงถูกเสมอ...ในเมื่อนักเตะอย่าง เกล็น ฮอดเดิ้ล แกรี่ ลินิเกอร์ หรือ อัจฉริยะฟุตบอลคนสุดท้ายอย่าง พอล แกสคอยก์ ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว..พวกเค้าจะไปหาบางอย่างเหล่านี้มาจากไหน เหล่าผู้จัดการทีมจากอังกฤษจึงเริ่มมองหาสิ่งที่พวกเค้าขาดหายจากอเมริกาใต้ บราซิล อาร์เจนติน่า หรือ ยุโรปอย่าง สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศษ เน้นที่พละกำลังเหมือนเดิมแต่ให้น้ำหนักกับเทคนิคมากขึ้น..แต่เมื่อทุกอย่างกำลังจะพัฒนา....ปัญหาคือพวกเค้าไม่รู้ว่าจะใช้งานนักเตะเหล่านี้อย่างไร?..
90% ของผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกในตอนนั้นคืิอบริเทน อังกฤษ สก๊อตแลนด์ เวลส์ หรือ ไอร์แลนด์ จะมีก็แต่ทีมอย่างอาร์เซน่อลของวองแจร์, ลิเวอร์พูล, ฟูแล่ม หรือ เชลซีของอับราโมวิชที่ไม่เคยใช้บริการของโค๊ชบริเทน เช่นเดียวกับสถานการณ์ของแมนซิตี้ในปัจจุบัน... ปัญหาใหญ่คือ นักเตะประเภทจอมเทคนิค ตัวรุกอิสระ ปีกสมัยใหม่ หรือ ตัวรับธรรมชาติ จะเล่นในตำแหน่งไหนในระบบ 4-4-2 โบราณของที่นี่..ครึ่งนึงต้องหมดโอกาศเพราะไม่สามารถเป็นปีกโบราณ กระชากแล้วเปิดเข้ากลางให้กุณซือของพวกเค้าได้ ตัวรุกต้องมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง เต็มที่คือพอได้ในตำแหน่งหน้าต่ำ พร้อมๆกับเสียงเย้ยหยันของเหล่าอดีตนักเตะชาวผู้ดี ที่มักเชิดชูชาติเดียวกัน หรือแฟนบอลที่เข้าใจและถูกฝังแนวคิดเชิงอนุรักษ์นิยมจากสื่ออังกฤษที่ว่า พวกนี้มีแต่เทคนิคและไม่เก่งพอที่จะเล่นในลีกที่ดีที่สุดในโลกของพวกเค้าได้?...
แต่บังเอิญสิ่งที่เราเห็นกันอยู่คือ นักเตะถนัดซ้ายอย่าง อาร์เยน ร๊อบเบน ไม่เคยเล่นตำแหน่งปีกโบราณด้านซ้ายในระบบ 4-4-2 เกินสิบเกมส์ให้กับเชลซี..จากวัฒนธรรมของที่นี่ พวกเค้าไม่รู้จริงๆว่านักเตะเหล่านี้ต้องเล่นในระบบ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 เป็นหลัก เล่นบอลกับพื้น ผ่านบอลเพื่อเข้าทำจากตรงกลาง เชื่อมเกมส์ด้วยแท็กติกส์และเซ้นท์บอลระดับสูง ผู้จัดการทีมบริเทนไม่สามารถใช้งานพวกเค้าได้เต็มประสิทธิภาพ ตำแหน่งอะไร วิ่งในลักษณะไหน เล่นยังไง .. วัฒนธรรมของบอลอังกฤษเล่นเร็ว เร็วเกินไปด้วยซ้ำ ฟุตบอลที่นี่เล่นกันเร็วที่สุดในโลก แต่ถ้าเร็วอย่างเดียวแล้วต้องศูนย์เสียคุณภาพทางเทคนิคไปจะมีประโยชน์อะไร...คุณก็เห็นว่าในเกมส์ระดับชาติอังกฤษครองบอลสู้ทีมอื่นๆไม่ได้ และ ผมคงไม่ต้องบอกว่าสาเหตุมันมาจากไหน...
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน เปลี่ยนตัวเองเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุโรปทันทีที่อยู่ในมือของ เปเยกรินี่...และพวกคุณคงรู้จัก ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ โค๊ชของแอตเลติโกมาดริดใช่ไหมล่ะ เค้าเคยเป็นผู้เล่นที่เก่งนะ เป็นมิดฟิลด์ที่เล่นเกมส์รับได้แข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังทำได้แค่วิ่งตัดเกมส์ให้ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ... ที่อังกฤษ พวกเค้าไม่ค่อยชอบให้พวกนี้อยู่เหนือกว่าคนอื่นนักหรอก มิดฟิลด์ที่นี่ต้องวิ่ง สู้ ฟัด เทคนิคไว้ว่ากันทีหลัง...และถึงแม้ในกรณีที่ต่างออกไป พวกเค้าก็ยังจะพูด พูด และพูดอีกนั่นแหละ เหมือนที่ เจมี่ เร็ดแนป เคยบอกว่า มาชเคราโน่ คือมิดฟิลด์ที่ห่วยเกินกว่าจะไปเล่นให้บาร์เซโลน่าได้ มิดฟิลด์ที่ เปิดบอลยาวไม่ได้ เลี้ยงบอลไม่ได้ และ ยิงประตูไม่ได้ บาร์ซาจะเอาไปทำอะไร บางทีพวกเค้าอาจจะยังงงอยู่ว่าทำไมบาร์เยิร์นมิวนิคถึงกล้าที่จะดึงตัวมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง ฆาบี มาร์ติเนซ ด้วยค่าตัวถึง 46 ล้านยูโร และขอให้เชื่อผมเถอะว่าจนถึงตอนนี้โค๊ชชาวอังกฤษบางคนก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำแหน่งที่ อันเดรส อิเนียสต้า เล่นให้บาร์เซโลน่า เรียกว่าตำแหน่งอะไร?..พวกเค้ามองในแบบที่ว่านักเตะที่อาศัยเทคนิคเซ้นท์บอลระดับสูงไม่สามารถมาเล่นที่นี่ได้ ทั้งๆที่ปัญหาจริงๆคือบุคลากรที่พวกคุณมีอยู่เชี่ยวชาญพอที่จะใช้นักเตะเหล่านี้หรือเปล่าต่างห่าก!! ....
จนถึงวันที่พรีเมียร์ลีกในทุกวันนี้ พร้อมทุกอย่าง กำลังเงินมหาศาลที่จะดึงดูดสุดยอดนักเตะให้มาอยู่ที่นี่ สนามฟุตบอลระดับมาตรฐาน แฟนบอลที่เหนียวแน่น วัฒนธรรมการแข่งขัน รวมไปถึงสเนห์ของฟุตบอล ทุกอย่าง...สปิริตของฟุตบอลยังอยู่ที่นี่ สิ่งที่เห็นคือ พวกเค้ากำลังเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า ระดับของผู้จัดการทีมต่างหากที่สามารถเปลี่ยนศักยภาพมากมายที่พวกเค้ามี ให้ออกมาได้อย่างตามที่มันควรจะเป็น.. มันไม่ผิดหรอกที่แฟนบอลมักจะคิดเสมอว่าเมื่อสุดยอดนักเตะอยู่ด้วยกันจะกลายเป็นยอดทีม แต่พวกเค้าไม่รู้หรอกว่าแท็กติกส์ หรือ ระบบการเล่นต่างหาก ที่ขับความสามารถเหล่านั้นออกมา สิ่งทีี่น่าตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่ว่า นักเตะอย่าง ฮวน มาต้า อาซาร์ หรือ ออสก้า เก่งขนาดไหน มันอยู่ที่ว่าคุณจะใช้พวกงานเค้าอย่างไรให้ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดต่างหาก นั่นหละสำคัญที่สุด..
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่คุมเซาแทมป์ตันโดยพูดอังกฤษไม่ได้ และเริ่มมีเสียงโห่ตั้งแต่เกมส์แรกของเค้า แต่สุดท้ายก็แสดงให้เราเห็นว่าแท็คติกส์ที่ดีทำอะไรได้บ้าง แฟนบอลต้องอ้าปากค้างตอนที่เค้าพาทีมคว่ำทั้ง แมนซิตี้ เชลซี หรือ ลิเวอร์พูล..หรือการที่ เลาดรุ๊ป สร้างให้สวอนซีเป็นทีมที่ครองบอลได้สวยงามที่สุดในลีกนั่นแหละ เค้าทำให้เกมส์นัดชิงลีกคัพเป็นเหมือนกับโคปาเดลเรย์ สวอนซีในตอนนี้เล่นเหมือนกับพวกเค้ามาจากสเปนไม่มีผิด.... มันก็เหมือนกับที่ แฟนบอลหลายคนไม่ชอบ ราฟา เบนิเตซ หลายคนไม่ชอบหมอนี่ แต่ดันลืมไปว่า สตีเฟ่น เจอร์ราด พีคที่สุดในชีวิตตอนเล่นกับ อลองโซ่ และ มาชเชราโน่ และการนำ เฟอร์นันโด ตอร์เรส มาที่อังกฤษสร้างให้เป็นดาวยิงที่ดีที่สุดในยุโรปคือผลงานของใคร...ไม่ใช่บุคคลอย่าง เฟอร์กูสัน มูริญโญ่ วองแจร์ หรือ เบนิเตซ เหรอที่มีส่วนสร้างพรีเมียร์ลีกให้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้...
จนถึงตอนนี้ มันอยู่ในจุดที่ผมกล้าที่จะพูดว่าไม่มีลีกไหนอีกแล้วที่จะมีเงื่อนใขในการเป็นแชมป์ยากไปกว่าพรีเมียร์ลีก พวกเค้ามีท๊อปหก ในสภาพแวดล้อมที่ทุกทีมจากครึ่งบนของตารางสามารถที่จะสู้กันได้ทั้งหมด ทั้งในแง่ของการเอนเตอร์เทน หรือ คุณภาพของผู้เล่น ในฤดูกาลหน้าเรามีโอกาสจะได้เห็นผู้จัดการทีมคุณภาพอย่าง มูริญโญ่ เปเยกรินี่ วองแจร์ ดาวิด มอยส์ หรือ ไมเคิล เลาดรุ๊ป เผชิญหน้าในลีกเดียวกัน รวมไปถึงผู้จัดการทีมหนุ่มรุ่นใหม่แต่เชี่ยวชาญระบบแท็กติกส์อย่าง โบอาส ร็อดเจอร์ส หรือ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่ยังคงอยู่ที่นี่ อิงลิชขนานแท้ระดับคุณภาพอย่าง แซม อัลาไดซ์ สตีฟ คล๊าก รวมไปถึงสีสันจากผู้จัดการทีมอย่าง เปาโล ดิคานิโอ...พวกเค้าเริ่มที่จะเรียนรู้ จากการที่มักจะมองหานักเตะที่เก่งพอที่จะเล่นที่นี่ สู่การพัฒนาในรูปแบบของแนวคิด คนที่สุดยอดเท่านั้นถึงจะสร้างทีมที่สุดยอดได้ ....นั่นหละฤดูกาลที่น่าตื่นเต้นที่สุดกำลังจะเริ่มขึ้น พรีเมียร์ลีกกำลังจะกลายเป็นลีกที่แกร่งที่สุด สุดยอดผู้จัดการทีม และ สุดยอดนักเตะจากที่นี่ ที่ๆ"ซูเปอร์ลีก" กำลังจะอุบัติขึ้น....