เราคิดว่าวิจารณ์พระ-นางคงมีคนพูดกันเยอะแล้วค่ะ เราขอวิจารณ์ตัวรองดีกว่า
เริ่มจากฉากที่มารตีบุกมาถอนหงอกย่าเอียดกับย่าอ่อน ว่าไม่จัดการอะไรเลย คงอยากร่วมสกุลกับพวกนังโคมเขียว (แหม๊ แต่คุณน้องสวมชุดสีเขียวพอดีเลยนะค๊า นี่ว่าตะเองอ่ะเปล่านิ
แล้วงงว่าชีเอากระดาษอะไรออกมาวางบนโต๊ะนิ ถึงไปบอกว่ากรองแก้วเป็นอนุท่านพินิจแล้ว? งง ไม่เคลียร์
)
ที่อึ้งกว่านั้นคือ ขนาดย่าเอียดและย่าอ่อนโดนมารตีถอนหงอกขนาดนั้น ยังจะอุตส่าห์พูดเชียร์ให้เจ้าสัวช่วยไปพูดกับชายภัทรให้หย่ากับกรองแก้วแล้วมาแต่งกับมารตีเพื่อความ 'เหมาะสม' ให้ได้ ดูแล้วก็เป็นคนแก่ที่มีเมตตากับลูกกับหลานที่ปากตลาดแตกดีนะ นี่ขนาดยังไม่แต่งยังถอนหงอกขนาดนี่ แต่งไปคงโดนถอนจนไม่เหลือหงอกเลยก็ได้
นี่ถ้าท่านเจ้าสัวไม่มีหลักฐาน พยานที่จะมายันมารตีได้นี่ เจ้าสัวก็คงน้ำท่วมปาก คงต้องยอมทำตามคำขอร้องของย่าทั้งสองแหง
...แต่ในอีกด้านหนึ่ง เรามองว่าย่าเอียดนะ ถือว่าต้องให้ความยุติธรรมกับมารตีดีอยู่นะ เพราะถึงมารตีจะปากร้ายแค่ไหน แต่มารตียังไม่มีเรื่องอื้อฉาวให้หาเหตุที่จะผิดสัญญาได้ อาจจะด้วยเพราะย่าเอียดไม่อยากจะผิดสัญญาด้วย ถึงจำยอมที่จะทู่ที้เชียร์มารตีให้มาเป็นหลานสะใภ้ให้ได้...แต่อีกนัยหนึ่งในจิตใจของย่าเอียด เธอก็สงสารกรองแก้วเหมือนกัน ในคำพูดที่เปรียบกรองแก้วเป็นสีดา ถึงรู้ว่าบริสุทธิ์จริง แต่ในเมื่อถูกพาไปอยู่กับชายอื่นแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นความเสียหาย...ถ้าจะปฏิเสธมารตีที่ไม่ได้ทำอะไรผิด(ตอนที่ยังไม่รู้หลักฐาน) ย่าเอียดจะหาเหตุยังไงที่จะยอมรับกรองแก้วได้ในเมื่อถูกลือว่าเป็นอนุท่านพินิจ (ถ้ามองในแง่ร้าย จะรู้สึกว่าย่าทั้งสองเอาความดีของหญิงสาวตัดสินกันที่พรหมจรรย์ฤา? อย่างนี้เกิดหลานชายที่เหลือไปรักกับแม่ม่ายหรือหญิงที่ผ่านชายอื่นมาแล้วก็ไม่ได้นะซิ)
ถ้าให้สังเกตกันจะพบว่า ละครสองเรื่องที่ผ่านมา คนเขียนจะเขียนให้ทางจุฑาเทพไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาเลย แต่เป็นฝ่ายเทวพรหมที่ผิดก่อน เพียงแต่แค่กรณีของเกษรากับกระถินนั้นจบลงด้วยดี แต่มารตีต่างออกไป เพราะเธอไม่ได้รักคนอื่นแบบเกษรา หรือมีคนรักคนอื่นแบบกระถิน และเมื่อดูเรื่องราวนั้นออกจะดราม่า ถ้าให้ตัวรองผิดสัญญาในทางออกที่ดี ก็อาจจะทำให้เรื่องน่าเบื่อ ละครหมดความแซ่บไป มารตีจึงกลายเป็นตัวละครที่มีจุดจบไม่สวยงาม
...ในจุดนี่เราไม่สงสารเธอเลยนะ จะบอกว่าเพราะเธอมาก่อนคงไม่ใช่ คนเราไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับแฟนคนแรก แต่จะกลายมาเป็นภรรยาที่แย่สักหน่อยนิ ถามกันตรงๆในปัจจุบันว่า ถ้าใครมีแฟนที่นิสัยแย่ ยังจะทู่ที้แต่งงานด้วย เพียงเพราะว่าเขามาก่อนรึ? คุณจะไม่มีโอกาสมองหาคนที่ดีกว่านี่หรือไง เป็นแฟนแล้ว ต่อให้นิสัยแย่ยังไงต้องแต่งงานกันเลยหรือ?...ส่วนสภาพแวดล้อมก็ไม่ใช่อีก เพราะก็โตมากับเกษราด้วยกัน ทำไมพี่สาวกลับรักดีซะงั้นล่ะ เกษราดีที่รู้ใจตัวเองและไม่ยึดติดฐานันดร ยอมเป็นภรรยาสามัญชน ยอมเสียหน้าผิดสัญญาหมั้น ยอมโดนพ่อกับน้องเกลียด ยอมช่วยคนรักของชายทั้งห้า เพราะเห็นแก่ความรักและความถูกต้อง จนเห็นได้ว่าชีวิตเธอสุขสบายไร้บ่วงใดๆมาทำให้จิตใจรุ่มร้อนแบบน้องสาว...มารตีได้โอกาสพิสูจน์ใจให้ชายภัทรเห็นหลายอย่างที่ยอมเป็นพยาบาล แต่ก็รู้อยู่ว่านิสัยเธอเจ้ายศเจ้าอย่างซึ่งมันสวนทางกับหน้าที่ที่ควรมีเมตตา จะว่าว่าสังคมรังแกเธอคงไม่ใช่ ในเมื่อมารตีไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองซะงั้น
..ในอีกซีนที่ยศวินเค้ายังเป็นสุภาพบุรุษ อาสาจะพาไปส่งบ้านให้ ชีก็ไปวีนเอาเหล้าสาดหน้าเค้า จนมาพบจุดเปลี่ยนที่กลายมาเป็นอนุท่านพินิจ หนำซ้ำพอเห็นเครื่องประดับแล้วตาโต กล้าไปออกเดทในห้างรโหฐานให้เจ้าสัวเป็นพยานและมีหลักฐานย้อนมาเอาคืนได้(แต่ถ้ามารตีไม่ไปควงกับท่านพินิจออกห้าง ก็จะไม่มีหลักฐานมายันในตอนไคลแมกซ์อีก) แล้วแย่กว่านั้นคือไปขโมยเครื่องเพชรคุณหญิงดาราอีก...คงเรียกว่าสมเพชจะเหมาะกับมารตีกว่า (จริงๆเกลียดตั้งแต่ไม่รู้กาละเทศะที่มาถอนหงอกย่าทั้งสองแระ)
...ท่านพินิจ วันนี้เรายอมรับว่า บทที่คุณชายปวรุจจะใช้วาทะศิลป์มาพูดกล่อมท่านพินิจมันหายไปไหนนิ อารมณ์มันค้างไปมาก...ในความเห็นของเรารู้สึกว่า ผู้เขียนอาจต้องการเทบทร้ายให้ไปพีคที่ตัวมารตีมากที่สุด จึงต้องดร็อปความร้ายของท่านพินิจลง ให้ว่าแม้เป็นตาแก่ตัณหากลับ แต่ก็ไม่หน้ามืดปล้ำผู้หญิงที่ไม่สมยอมด้วย(ไม่นับมารตีที่เมา ใช่ว่าสาวซิงจะไม่ร้อนแรงเรื่องอย่างว่านะเออ เพราะอาจเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกก็ได้ เหมือนคนเรา เวลาไม่เมาเป็นอีกคน แต่พอเมาแล้วตรงข้ามกับนิสัยตัวเอง)...ถ้าจะให้มองในแง่ดีก็คือ ท่านพินิจยังดีที่ยอมถอย ยังดีที่มาพูดแมนๆตรงๆกับชายภัทร ยังดีกว่าท่านชายทัศน์ รายนั้นต่อหน้าปลิ้นปล้อนว่ารักหญิงแต้วคนเดียว(แม้จะถูกจับได้) แต่พอหญิงแต้วบอกว่าจะแต่งด้วย แต่เอาไปแต่ตัว หัวใจอย่าได้หมาย...ท่านชายทัศน์แทนที่จะเลิกกับหญิงอื่นเพื่อพิสูจน์ใจหญิงแต้ว แต่กลับไปเอาหญิงอื่นมาเริงรักในบ้านตัวเองจนว่าที่พ่อตาเห็นคาตา เหมือนแสดงว่าตรูไม่เลิกเจ้าชู้ แต่ตรูก็จะแต่งกับหญิงแต้วให้ได้
...ท้ายสุด วันนี้คนที่เราชอบที่สุดคือ คุณหญิงดารา ในซีนที่ไปบอกท่านพินิจว่า สักวันอาจจะหมดรักในตัวท่านพินิจแล้วทิ้งท่านไป เราว่าคุณหญิงกล้าทำจริงนะ มันแสดงให้ท่านพินิจเห็นว่า คุณหญิงจะไม่สนทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สินอะไรอีกแล้วหากหย่ากับท่านพินิจ ประกอบกับซีนตอนนั้น ท่านพินิจเพิ่งบรรลุว่า หญิงอื่นรักท่านแค่เงิน แต่คนที่รักท่านด้วยหัวใจกำลังจะหมดรักท่านแล้ว จึงทำให้ท่านกลัวว่าจะเสียคุณหญิงไปแบบที่เสียกรองแก้วอีก...ผู้ชายที่เคยคิดว่าของตายยังไงก็ไปไหน แต่ในเมื่อของตายมีชีวิตและเริ่มเดินจากไป นี่แหละถึงมาเห็นคุณค่า...เราว่าที่ตัดบทไม่ให้คุณชายปวรุจมาช่วยพูดกล่อมท่านพินิจ อาจจะเพราะต้องการเทบทให้คุณหญิงดาราพีคขึ้นมาก็ได้ เพื่อให้อารมณ์คนดูละครในสังคมปัจจุบันนี้ ที่ภรรยาหลวงไม่จำเป็นต้องยอมให้สามีมีอนุอื่น อยากจะทิ้งก็ทิ้งเลยก็ได้
...จบแร้วค่ะ รอดูอาทิตย์หน้ากับจุดจบของมารตีที่คงจะพีคสุดๆ
(คุณชายพุฒิภัทร)วันนี้ดูแล้วอยากวิจารณ์ตัวละครรอง(ขอไม่วิจารณ์พระ-นาง)
เริ่มจากฉากที่มารตีบุกมาถอนหงอกย่าเอียดกับย่าอ่อน ว่าไม่จัดการอะไรเลย คงอยากร่วมสกุลกับพวกนังโคมเขียว (แหม๊ แต่คุณน้องสวมชุดสีเขียวพอดีเลยนะค๊า นี่ว่าตะเองอ่ะเปล่านิแล้วงงว่าชีเอากระดาษอะไรออกมาวางบนโต๊ะนิ ถึงไปบอกว่ากรองแก้วเป็นอนุท่านพินิจแล้ว? งง ไม่เคลียร์)
ที่อึ้งกว่านั้นคือ ขนาดย่าเอียดและย่าอ่อนโดนมารตีถอนหงอกขนาดนั้น ยังจะอุตส่าห์พูดเชียร์ให้เจ้าสัวช่วยไปพูดกับชายภัทรให้หย่ากับกรองแก้วแล้วมาแต่งกับมารตีเพื่อความ 'เหมาะสม' ให้ได้ ดูแล้วก็เป็นคนแก่ที่มีเมตตากับลูกกับหลานที่ปากตลาดแตกดีนะ นี่ขนาดยังไม่แต่งยังถอนหงอกขนาดนี่ แต่งไปคงโดนถอนจนไม่เหลือหงอกเลยก็ได้นี่ถ้าท่านเจ้าสัวไม่มีหลักฐาน พยานที่จะมายันมารตีได้นี่ เจ้าสัวก็คงน้ำท่วมปาก คงต้องยอมทำตามคำขอร้องของย่าทั้งสองแหง
...แต่ในอีกด้านหนึ่ง เรามองว่าย่าเอียดนะ ถือว่าต้องให้ความยุติธรรมกับมารตีดีอยู่นะ เพราะถึงมารตีจะปากร้ายแค่ไหน แต่มารตียังไม่มีเรื่องอื้อฉาวให้หาเหตุที่จะผิดสัญญาได้ อาจจะด้วยเพราะย่าเอียดไม่อยากจะผิดสัญญาด้วย ถึงจำยอมที่จะทู่ที้เชียร์มารตีให้มาเป็นหลานสะใภ้ให้ได้...แต่อีกนัยหนึ่งในจิตใจของย่าเอียด เธอก็สงสารกรองแก้วเหมือนกัน ในคำพูดที่เปรียบกรองแก้วเป็นสีดา ถึงรู้ว่าบริสุทธิ์จริง แต่ในเมื่อถูกพาไปอยู่กับชายอื่นแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นความเสียหาย...ถ้าจะปฏิเสธมารตีที่ไม่ได้ทำอะไรผิด(ตอนที่ยังไม่รู้หลักฐาน) ย่าเอียดจะหาเหตุยังไงที่จะยอมรับกรองแก้วได้ในเมื่อถูกลือว่าเป็นอนุท่านพินิจ (ถ้ามองในแง่ร้าย จะรู้สึกว่าย่าทั้งสองเอาความดีของหญิงสาวตัดสินกันที่พรหมจรรย์ฤา? อย่างนี้เกิดหลานชายที่เหลือไปรักกับแม่ม่ายหรือหญิงที่ผ่านชายอื่นมาแล้วก็ไม่ได้นะซิ)
ถ้าให้สังเกตกันจะพบว่า ละครสองเรื่องที่ผ่านมา คนเขียนจะเขียนให้ทางจุฑาเทพไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาเลย แต่เป็นฝ่ายเทวพรหมที่ผิดก่อน เพียงแต่แค่กรณีของเกษรากับกระถินนั้นจบลงด้วยดี แต่มารตีต่างออกไป เพราะเธอไม่ได้รักคนอื่นแบบเกษรา หรือมีคนรักคนอื่นแบบกระถิน และเมื่อดูเรื่องราวนั้นออกจะดราม่า ถ้าให้ตัวรองผิดสัญญาในทางออกที่ดี ก็อาจจะทำให้เรื่องน่าเบื่อ ละครหมดความแซ่บไป มารตีจึงกลายเป็นตัวละครที่มีจุดจบไม่สวยงาม
...ในจุดนี่เราไม่สงสารเธอเลยนะ จะบอกว่าเพราะเธอมาก่อนคงไม่ใช่ คนเราไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับแฟนคนแรก แต่จะกลายมาเป็นภรรยาที่แย่สักหน่อยนิ ถามกันตรงๆในปัจจุบันว่า ถ้าใครมีแฟนที่นิสัยแย่ ยังจะทู่ที้แต่งงานด้วย เพียงเพราะว่าเขามาก่อนรึ? คุณจะไม่มีโอกาสมองหาคนที่ดีกว่านี่หรือไง เป็นแฟนแล้ว ต่อให้นิสัยแย่ยังไงต้องแต่งงานกันเลยหรือ?...ส่วนสภาพแวดล้อมก็ไม่ใช่อีก เพราะก็โตมากับเกษราด้วยกัน ทำไมพี่สาวกลับรักดีซะงั้นล่ะ เกษราดีที่รู้ใจตัวเองและไม่ยึดติดฐานันดร ยอมเป็นภรรยาสามัญชน ยอมเสียหน้าผิดสัญญาหมั้น ยอมโดนพ่อกับน้องเกลียด ยอมช่วยคนรักของชายทั้งห้า เพราะเห็นแก่ความรักและความถูกต้อง จนเห็นได้ว่าชีวิตเธอสุขสบายไร้บ่วงใดๆมาทำให้จิตใจรุ่มร้อนแบบน้องสาว...มารตีได้โอกาสพิสูจน์ใจให้ชายภัทรเห็นหลายอย่างที่ยอมเป็นพยาบาล แต่ก็รู้อยู่ว่านิสัยเธอเจ้ายศเจ้าอย่างซึ่งมันสวนทางกับหน้าที่ที่ควรมีเมตตา จะว่าว่าสังคมรังแกเธอคงไม่ใช่ ในเมื่อมารตีไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองซะงั้น
..ในอีกซีนที่ยศวินเค้ายังเป็นสุภาพบุรุษ อาสาจะพาไปส่งบ้านให้ ชีก็ไปวีนเอาเหล้าสาดหน้าเค้า จนมาพบจุดเปลี่ยนที่กลายมาเป็นอนุท่านพินิจ หนำซ้ำพอเห็นเครื่องประดับแล้วตาโต กล้าไปออกเดทในห้างรโหฐานให้เจ้าสัวเป็นพยานและมีหลักฐานย้อนมาเอาคืนได้(แต่ถ้ามารตีไม่ไปควงกับท่านพินิจออกห้าง ก็จะไม่มีหลักฐานมายันในตอนไคลแมกซ์อีก) แล้วแย่กว่านั้นคือไปขโมยเครื่องเพชรคุณหญิงดาราอีก...คงเรียกว่าสมเพชจะเหมาะกับมารตีกว่า (จริงๆเกลียดตั้งแต่ไม่รู้กาละเทศะที่มาถอนหงอกย่าทั้งสองแระ)
...ท่านพินิจ วันนี้เรายอมรับว่า บทที่คุณชายปวรุจจะใช้วาทะศิลป์มาพูดกล่อมท่านพินิจมันหายไปไหนนิ อารมณ์มันค้างไปมาก...ในความเห็นของเรารู้สึกว่า ผู้เขียนอาจต้องการเทบทร้ายให้ไปพีคที่ตัวมารตีมากที่สุด จึงต้องดร็อปความร้ายของท่านพินิจลง ให้ว่าแม้เป็นตาแก่ตัณหากลับ แต่ก็ไม่หน้ามืดปล้ำผู้หญิงที่ไม่สมยอมด้วย(ไม่นับมารตีที่เมา ใช่ว่าสาวซิงจะไม่ร้อนแรงเรื่องอย่างว่านะเออ เพราะอาจเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกก็ได้ เหมือนคนเรา เวลาไม่เมาเป็นอีกคน แต่พอเมาแล้วตรงข้ามกับนิสัยตัวเอง)...ถ้าจะให้มองในแง่ดีก็คือ ท่านพินิจยังดีที่ยอมถอย ยังดีที่มาพูดแมนๆตรงๆกับชายภัทร ยังดีกว่าท่านชายทัศน์ รายนั้นต่อหน้าปลิ้นปล้อนว่ารักหญิงแต้วคนเดียว(แม้จะถูกจับได้) แต่พอหญิงแต้วบอกว่าจะแต่งด้วย แต่เอาไปแต่ตัว หัวใจอย่าได้หมาย...ท่านชายทัศน์แทนที่จะเลิกกับหญิงอื่นเพื่อพิสูจน์ใจหญิงแต้ว แต่กลับไปเอาหญิงอื่นมาเริงรักในบ้านตัวเองจนว่าที่พ่อตาเห็นคาตา เหมือนแสดงว่าตรูไม่เลิกเจ้าชู้ แต่ตรูก็จะแต่งกับหญิงแต้วให้ได้
...ท้ายสุด วันนี้คนที่เราชอบที่สุดคือ คุณหญิงดารา ในซีนที่ไปบอกท่านพินิจว่า สักวันอาจจะหมดรักในตัวท่านพินิจแล้วทิ้งท่านไป เราว่าคุณหญิงกล้าทำจริงนะ มันแสดงให้ท่านพินิจเห็นว่า คุณหญิงจะไม่สนทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สินอะไรอีกแล้วหากหย่ากับท่านพินิจ ประกอบกับซีนตอนนั้น ท่านพินิจเพิ่งบรรลุว่า หญิงอื่นรักท่านแค่เงิน แต่คนที่รักท่านด้วยหัวใจกำลังจะหมดรักท่านแล้ว จึงทำให้ท่านกลัวว่าจะเสียคุณหญิงไปแบบที่เสียกรองแก้วอีก...ผู้ชายที่เคยคิดว่าของตายยังไงก็ไปไหน แต่ในเมื่อของตายมีชีวิตและเริ่มเดินจากไป นี่แหละถึงมาเห็นคุณค่า...เราว่าที่ตัดบทไม่ให้คุณชายปวรุจมาช่วยพูดกล่อมท่านพินิจ อาจจะเพราะต้องการเทบทให้คุณหญิงดาราพีคขึ้นมาก็ได้ เพื่อให้อารมณ์คนดูละครในสังคมปัจจุบันนี้ ที่ภรรยาหลวงไม่จำเป็นต้องยอมให้สามีมีอนุอื่น อยากจะทิ้งก็ทิ้งเลยก็ได้
...จบแร้วค่ะ รอดูอาทิตย์หน้ากับจุดจบของมารตีที่คงจะพีคสุดๆ