สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เป็นเรื่องลูกน้องทำละเมิด กฎหมายบังคับให้นายจ้างต้องร่วมรับผิดด้วย
และตามกฎหมาย เมื่อนายจ้างชดใช้แล้ว ก็ไล่เบี้ยเอากับลูกจ้างได้ (แม้ไม่หวังอะไรมากก็ตาม)
ค่าเสียหาย ประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมแทน ไม่เกินทุนประกัน กรณีนี้ทุนประกัน 6 แสนบาท ประกันก็ชดใช้เพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 2 ล้านเศษ ผู้ทำละเมิด(ลูกจ้าง)และนายจ้างก็ต้องร่วมรับผิด
ค่าสินไหมทดแทนจะใช้เท่าใดนั้น ขึ้นกับว่าจะตกลลงกันได้หรือไม่ ถ้าตกลงกันได้ ก็ใช้ได้ตามที่ตกลง
แต่หากเห็นว่าฝ่ายหนึ่งเรียกร้องมาสูงเกินไป และตกลงต่อรองกันไม่ได้ ก็ต้องไปศาล
กรณีที่คู่กรณีมีการตกลงกันแล้วที่โรงพักว่ายินยอมชดใช้กันเท่าไร โดยมีบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน กรณีเช่นนี้เมื่อคู่กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา อีกฝ่ายหนึ่งก้จะต้องฟ้องศาลซึ่งจะเป็นการฟ้องคดีเพื่อบังคับตามข้อตกลงกันนั้น ซึ่งเป็นการฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยศาลจะบังคับให้ตามสัญญา โดยไม่มีเรื่องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดอีก
กรณีที่คู่กรณียังไม่ตกลงกัน หรือตกลงกันไม่ได้ เมื่อฟ้องศาล จะฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลละเมิด
การพิสูจน์ค่าเสียหายก็เป็นภาระของฝ่ายที่เรียกร้องที่ต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลเห็น โดยอีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถโต้แย้งคัดค้านได้ เช่นส่วนค่าซ่อมรถ 8 แสนบาท โจทก์ก็ต้องแสดงพยานหลักฐานว่าซ่อมอะไหล่กี่รายการ ตัวใดบ้าง แต่ละตัวราคาเท่าไร ค่าแรงช่างเท่าไร ค่าเคาะพ่นสีเท่าไร ค่าเสื่อมราคาเท่าไร ฯลฯ ส่วนจำเลยก็สามารถแสดงพยานหลักฐานโต้แย้งคัดค้านได้ว่า อะไหล่แต่ละตัว ราคาเท่าไร ค่าแรงเท่าไร
ค่าเสียโอกาส โจทก์ต้องมีภาระพิสูจน์ว่า การไม่ได้ใช้รถคันนี้เสียโอกาสอะไร จึงคิดเป้นวันละ 6 พันบาท ทำนองเดียวกัน จำเลยก็สามารถแสดงพยานหลักฐานได้ว่า การเช่ารถคันอื่นใช้ระหว่างซ่อม ก็ไม่ทำให้เสียโอกาสตามที่เรียกร้อง ทำนองนี้
แล้วศาลจะใช้ดุลพินิจพิพากษาคดีว่าควรได้ค่าเสียหายเต็มตามฟ้องหรือไม่ หรือควรได้เท่าไร
ดังนั้นหาก จขกท.เห็นว่าคู่กรณีฝ่ายอื่นเรียกร้องสูงเกินไป ก็ให้ต่อรองลงมา หากตกลงกันได้ ก็เป้นการประนีประนอมยอมความกัน
แต่หากตกลงกันไม่ได้ คู่กรณีก็ต้องฟ้องศาล แล้วจึงไปตกลงกันที่ศาล หากตกลงกันได้ ก็จบ หกาตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องพิสูจน์ตามกระบวนการต่อไป
สวัสดีครับ
และตามกฎหมาย เมื่อนายจ้างชดใช้แล้ว ก็ไล่เบี้ยเอากับลูกจ้างได้ (แม้ไม่หวังอะไรมากก็ตาม)
ค่าเสียหาย ประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมแทน ไม่เกินทุนประกัน กรณีนี้ทุนประกัน 6 แสนบาท ประกันก็ชดใช้เพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 2 ล้านเศษ ผู้ทำละเมิด(ลูกจ้าง)และนายจ้างก็ต้องร่วมรับผิด
ค่าสินไหมทดแทนจะใช้เท่าใดนั้น ขึ้นกับว่าจะตกลลงกันได้หรือไม่ ถ้าตกลงกันได้ ก็ใช้ได้ตามที่ตกลง
แต่หากเห็นว่าฝ่ายหนึ่งเรียกร้องมาสูงเกินไป และตกลงต่อรองกันไม่ได้ ก็ต้องไปศาล
กรณีที่คู่กรณีมีการตกลงกันแล้วที่โรงพักว่ายินยอมชดใช้กันเท่าไร โดยมีบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน กรณีเช่นนี้เมื่อคู่กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา อีกฝ่ายหนึ่งก้จะต้องฟ้องศาลซึ่งจะเป็นการฟ้องคดีเพื่อบังคับตามข้อตกลงกันนั้น ซึ่งเป็นการฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยศาลจะบังคับให้ตามสัญญา โดยไม่มีเรื่องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดอีก
กรณีที่คู่กรณียังไม่ตกลงกัน หรือตกลงกันไม่ได้ เมื่อฟ้องศาล จะฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลละเมิด
การพิสูจน์ค่าเสียหายก็เป็นภาระของฝ่ายที่เรียกร้องที่ต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลเห็น โดยอีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถโต้แย้งคัดค้านได้ เช่นส่วนค่าซ่อมรถ 8 แสนบาท โจทก์ก็ต้องแสดงพยานหลักฐานว่าซ่อมอะไหล่กี่รายการ ตัวใดบ้าง แต่ละตัวราคาเท่าไร ค่าแรงช่างเท่าไร ค่าเคาะพ่นสีเท่าไร ค่าเสื่อมราคาเท่าไร ฯลฯ ส่วนจำเลยก็สามารถแสดงพยานหลักฐานโต้แย้งคัดค้านได้ว่า อะไหล่แต่ละตัว ราคาเท่าไร ค่าแรงเท่าไร
ค่าเสียโอกาส โจทก์ต้องมีภาระพิสูจน์ว่า การไม่ได้ใช้รถคันนี้เสียโอกาสอะไร จึงคิดเป้นวันละ 6 พันบาท ทำนองเดียวกัน จำเลยก็สามารถแสดงพยานหลักฐานได้ว่า การเช่ารถคันอื่นใช้ระหว่างซ่อม ก็ไม่ทำให้เสียโอกาสตามที่เรียกร้อง ทำนองนี้
แล้วศาลจะใช้ดุลพินิจพิพากษาคดีว่าควรได้ค่าเสียหายเต็มตามฟ้องหรือไม่ หรือควรได้เท่าไร
ดังนั้นหาก จขกท.เห็นว่าคู่กรณีฝ่ายอื่นเรียกร้องสูงเกินไป ก็ให้ต่อรองลงมา หากตกลงกันได้ ก็เป้นการประนีประนอมยอมความกัน
แต่หากตกลงกันไม่ได้ คู่กรณีก็ต้องฟ้องศาล แล้วจึงไปตกลงกันที่ศาล หากตกลงกันได้ ก็จบ หกาตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องพิสูจน์ตามกระบวนการต่อไป
สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
รถชนเป็นฝ่ายผิด โดนเรียกค่าเสียหายมากเกินไป ประกันครอบคลุมไม่หมด ต่อสู้ยังไงดีครับ
อุบัติเหตุที่เกิดเป็นเหตุค่อนข้างร้ายแรง มีคู่กรณีหลายคัน
ค่าเสียหายรวมๆแล้วสามล้านบาท และประกันออกให้แค่หกแสนบาท(สูงสุดแล้ว)
ซึ่งค่าเสียหายทั้งผมดมากเกินไปครับ อย่างเช่นค่าซ่อมรถคันหนึ่งแปดแสนบาท (ราคามือสองรุ่นปีเดียวกันอยู่ที่ เจ็ดแสน) ค่าเสียโอกาสวันละหกพัน คิดเต็มๆสามเดือน อะไรประมาณนี้อ่ะครับ
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นการไปตกลงกันครั้งแรกที่โรงพักครับ จะมีการไปคุยกันอีกครั้งสิ้นเดือนนี้
ผมสามารถที่จะต่อสู้อย่างไรได้บ้างในกรณีนี้ครับ ผมยินดีรับผิดชอบแต่ว่าค่าสินไหมที่เรียกมามันสูงเกินไปมากๆ
แล้วในกรณีนี้เกิดจากเหตุประมาทของคนขับ เราสามารถให้มารับผิดชอบด้วยได้ไหม (อันนี้ไม่ได้หวังอะไรมากครับ)
รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ