เมื่อมี คอ นก รีต, ขน-อม, ก็ย่อมมี ปล-อด! ดังนั้น เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อผู้สื่อข่าวถามแม่นางโพยปู่
โพรกเน่าในว่ามีความเห็นอย่างไร กับคำพูดก้าวร้าวของ “ปลอดประสพ” ผู้เรียกชาวบ้านซึ่งอยากไป
ชุมนุมที่เชียงใหม่ว่า “ขยะ”
แม่นางบอกยังไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่พฤติกรรมห่ามของอดีตข้าราชการซึ่งถูกไล่ออกเพราะประพฤติชั่วอย่าง
ร้ายแรง เป็นข่าว ชาวบ้านด่าทั้งเมือง
นั่นนางคิดว่า “ปลอดประสพ” เป็นคนละคนกับ “ปล-อด” ต่อให้ถามสักกี่ครั้ง อย่างไร แม่นางโพยย่อม
ไม่รับรู้ว่า “ปล-อด” ไปพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามชาวบ้านที่ไหน เพราะพูดไม่เข้าประเด็น ตั้งคำถามไม่
ตรงกับความเข้าใจตื้นเขิน
“ปล-อด” ในสายตาของแม่นางโพยนั้น ถือว่าเป็นผู้กล้า ท้าชนคนทั้ง 10 ทิศ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล
เนื่องจากมีความอดทน แม้จะมีเสียงก่นด่าจากชาวบ้านทั้งแผ่นดินช่วงน้ำท่วมทั่วประเทศ “ปล-อด” ไม่รู้สึกรู้สา
ระอาใจ
อยู่ในระดับชั้นใกล้เคียงกับแม่นางโพย ซึ่งถูกมองโดยชาวบ้านไทย และประชาคมโลกว่ามีปัญหาด้านการใช้
สติปัญญา การอ่านภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สร้างความอับอายขายหน้าหลายครั้ง แต่แม่เจ้าประคุณก็ทนได้
“ปล-อด” นั้นไม่ธรรมดา บทบาทพฤติกรรมกร่าง โฉ่งฉ่าง ท้าชาวบ้านรบรอบทิศ จะสร้างเขื่อนแก่งเสือหิว
ผลาญป่าแม่วงศ์ แต่คนวงในรู้กันทั่วว่าคนเสียงดังแบบนี้แหละ ตัวจริงนั้น “อ” หาย เหลือเพียง “ปอด”
ในสภาพแหกสุดๆ
เก่งเพราะมีตำแหน่ง แวดล้อมด้วยลูกน้อง บริวาร ไม่กล้าเดินคนเดียว! ช่วงจะลุยชุมชนเพื่อสร้างเขื่อนแก่งเสือหิว
ชาวบ้านสะเอียบประกาศอย่างไม่หวั่น “ตำบลสะเอียบเป็นเขตปลอด ’ปลอดประสพ’” เป็นพื้นที่ห้ามเข้า เอาโลง
ใส่หุ่นมาตั้ง ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง ขอให้ “ปล-อด” อยู่ไม่เป็นสุข
จะเป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่ ทำให้ “ปล-อด” มีการคล้ายคนมีปัญหาด้านสติ เหมือนคนบ้า! บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่า
วิญญาณของลูกจระเข้ เหยื่อกระสุนปืนเอ็ม 16 หรือวิญญาณอาฆาตของลูกเสือโคร่ง 100 ตัว มาเข้าสิง จึงทำให้
ออกอาการไม่ปกติ อยากแต่งตัวเป็นพญาเม็งราย ผู้ก่อตั้งเชียงราย เชียงใหม่
พฤติกรรม คำพูดของ “ปล-อด” เผชิญปฏิกิริยาหลากหลาย มีทั้งโมโห ระอา และเฉยเมย เมื่อรู้ว่าชายวัย 67 ปี
ย่อมแสดงอาการของคนวัยทอง ชาวบ้านมองว่าคงเป็นเพราะอยู่ในสภาพเหมือนคางคกขึ้นวอ เป็นจำเลยคดีอาญา
แต่ได้ตำแหน่งใหญ่โต ก็ทำให้อาการพองตัว ลืมไปว่ามีชนักปักหลัง
การดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เรียกประชาชนคนเสียภาษีว่า “ขยะ” อาจเป็นเกมตื้นๆ แต่ได้ผล ในการกระชาก
ความสนใจของชาวบ้านจากเรื่องฮือฮาเชื่อมโยงกับคำพูดว่า “กะหรี่” และ “หญิงชั่วขายชาติ” ซึ่งทำให้แม่นางโพย
รู้สึกกระอักกระอ่วน หาทางออกไม่ได้เมื่อยังเป็นที่โจษจันทั้งเมือง
และได้ผล จริงๆ เมื่อ “ปล-อด” ด่าคนค้านโครงการผลาญเงินว่าเป็น “ขยะ"”ทำให้แม่นางโพยรู้สึกเบาตัว! แถมยังมี
“เฉ-ลิม” บางบอน ออกมาผสมโรง เหน็บ “ปล-อด” ว่าไม่มีอำนาจสั่งตำรวจให้จับใคร ก็ยิ่งเพิ่มสีสัน
ดังนั้น การเล่นเกมเบี่ยงเบนความสนใจให้ห่างจากแม่นางโพย จึงได้ผลชั่วคราว ตราบใดที่คดีความยังค้างอยู่
และพวกขี้ข้าบักเหลี่ยมสร้างกิจกรรมหนักแผ่นดินต่างๆ ก็ยิ่งยกระดับความเกลียดชังพวกนักการเมืองชั่วขายชาติ
แต่คราวนี้ “ปล-อด” มีโอกาสอยู่บนเวทีความเด่น รับบทบาทสายล่อฟ้า นักเรียกแขกหลายวันในเชียงใหม่
นอกจากทำตัวเป็นกูรู ผู้รู้ในสายตาคนต่างชาติ มาร่วมประชุมมีสาระ แต่ “ปล-อด” อยากแสดงละครเป็นเจ้าเมือง
ยอมแต่งกายโชว์พุงหลามเหมือนไหข้าวลาว อุดมไปด้วยไขมัน เพราะอยู่ไม่ดี กินไม่ดี ทึกทักว่าตัวเองเหมาะกับ
บทเจ้าเมือง ฝ่ายชาวบ้านมองแล้วนึกถึงคนบ้าแต่งตัวเป็นพระเอกลิเก ถือดาบไม้ เดินเร่ในตลาดเมื่อบ้าได้ระดับ
ความเป็นจริง “ปล-อด” เป็นเพียงขี้ข้าบักเหลี่ยม ย่อมทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาเก้าอี้ และบริหารเงินก้อนมหาศาล
3.5 แสนล้านบาท! ต้องใจกล้าทำทุกอย่างเพื่อให้เข้าเป้า ตามแนวนโยบายโกงกินคำโต กู้มาโกง ไม่กลัวโทษอาญา
ความห้าวกร้าวกร่างคงเส้นคงวา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะขอโทษชาวบ้านหรือไม่ “ปล-อด” ย้อนว่าเรื่องอะไร
จะทำอย่างนั้น เมื่อชาวบ้านยังด่าตัวเองในโซเชียลมีเดียแบบสาดเสียเทเสีย เปรียบเทียบเป็นตัวเสนียดjanraiสิ้นดี
ศักยภาพปากกล้าของ “ปล-อด” ถือว่าให้คุณแก่แม่นางโพย อาจมองแล้วว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสีย ถูกตราหน้าว่า
ประพฤติชั่วร้ายแรง ดังนั้นใครจะว่าอย่างไร แต่ได้คำชมจากบักเหลี่ยมและแม่นางโพย ถือว่านั่นเป็นผลสำเร็จ
ดังนั้นทั้ง “ปล-อด” และ “ปลอดประสพ” เป็นเพียงฟืนอีกดุ้นถูกโยนเข้ากองไฟเพื่อรอวันระเบิดของอารมณ์มวลชน
ที่จะรวมตัวกันออกมาขับไล่ เป็นการสะสมแต้มของความเกลียดชังพวกคนชั่วขายชาติ ขบวนการเสื้อแดงถ่อย
ช่วงนี้จึงเป็นการเร่งเกมเดินหน้า ขี้ข้าบักเหลี่ยมในสภาทาส และ “เฉ-ลิม” จะดันกฎหมายนิรโทษกรรม ยกโทษ
คืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้บักเหลี่ยม จ่ายรางวัลให้พวกอาชญากรฆ่าทหาร เผาเมือง อยากให้ถึงวันแตกหัก
อารมณ์ต้านรัฐบาลนักการเมืองชั่วระอุที่สนามหลวง จะยืนระยะ ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านมากเท่าไหร่
อาจต้องใช้เวลาจนกว่าไทยเฉยจะรู้สึกว่าตัวเองควรมีหน้าที่เป็นพลเมืองดี ตอบแทนการมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้!
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000059424
หึ หึ ....คนเขียนบทความนี้ เป็นสุดยอดของบทความที่ หยาบคาย ...ที่สุด...เขียนทุกครั้งก่นหาถ้อยคำที่
หยาบคาย ต่ำสุดๆมาเปรียบเปรย...นายกฯ
ถามมาหลายครั้งแล้ว .... ต้องถามอีก เขียนแบบนี้ คนเกลียดนายกฯ อยู่แล้ว คงสะใจ
คนรักนายก ฯ หรือคนเฉยๆ จะเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่นไหม ?
บทความนี้เจตนา ...ถากถาง เสียดสี รองนายกฯ ปลอดประสบ แต่ตามประสาฝ่ายตรงข้าม ก็ต้อง
วนเข้าไปเสียดสี นายกฯ อ่านแล้ว ก็เห็นรังษี...แห่งความเกลียดชัง นายกฯแผ่กระจาย
เห็นสัน.... ของคนเขียน ว่า ...... เติมเองก็แล้วกัน
ก็ไม่ได้ชื่นชม รองนายกฯคนนี้ เพราะแลเห็นแผล..มากมาย ในประวัติการทำงาน....
แม้ว่าในอดีต จะเคยชื่นชม เพราะผลงานชิ้นเอก ของ ปลอดประสบ คือการฟื้นฟู "บึงบรเพ็ด"
ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ของนครสวรรค์ หน้าน้ำ ...ใครไปนครสวรรค์ ไม่ไปบึงบรเพ็ด เหมือน
ไปไม่ถึง ......
ดีกรีบ้าระดับ ‘ปลอด’ แตก! ...... โสภณ องค์การณ์ .....ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ..... ขอโทษนะคะ ส่ง "มลภาวะ" แต่เช้า
โพรกเน่าในว่ามีความเห็นอย่างไร กับคำพูดก้าวร้าวของ “ปลอดประสพ” ผู้เรียกชาวบ้านซึ่งอยากไป
ชุมนุมที่เชียงใหม่ว่า “ขยะ”
แม่นางบอกยังไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่พฤติกรรมห่ามของอดีตข้าราชการซึ่งถูกไล่ออกเพราะประพฤติชั่วอย่าง
ร้ายแรง เป็นข่าว ชาวบ้านด่าทั้งเมือง
นั่นนางคิดว่า “ปลอดประสพ” เป็นคนละคนกับ “ปล-อด” ต่อให้ถามสักกี่ครั้ง อย่างไร แม่นางโพยย่อม
ไม่รับรู้ว่า “ปล-อด” ไปพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามชาวบ้านที่ไหน เพราะพูดไม่เข้าประเด็น ตั้งคำถามไม่
ตรงกับความเข้าใจตื้นเขิน
“ปล-อด” ในสายตาของแม่นางโพยนั้น ถือว่าเป็นผู้กล้า ท้าชนคนทั้ง 10 ทิศ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล
เนื่องจากมีความอดทน แม้จะมีเสียงก่นด่าจากชาวบ้านทั้งแผ่นดินช่วงน้ำท่วมทั่วประเทศ “ปล-อด” ไม่รู้สึกรู้สา
ระอาใจ
อยู่ในระดับชั้นใกล้เคียงกับแม่นางโพย ซึ่งถูกมองโดยชาวบ้านไทย และประชาคมโลกว่ามีปัญหาด้านการใช้
สติปัญญา การอ่านภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สร้างความอับอายขายหน้าหลายครั้ง แต่แม่เจ้าประคุณก็ทนได้
“ปล-อด” นั้นไม่ธรรมดา บทบาทพฤติกรรมกร่าง โฉ่งฉ่าง ท้าชาวบ้านรบรอบทิศ จะสร้างเขื่อนแก่งเสือหิว
ผลาญป่าแม่วงศ์ แต่คนวงในรู้กันทั่วว่าคนเสียงดังแบบนี้แหละ ตัวจริงนั้น “อ” หาย เหลือเพียง “ปอด”
ในสภาพแหกสุดๆ
เก่งเพราะมีตำแหน่ง แวดล้อมด้วยลูกน้อง บริวาร ไม่กล้าเดินคนเดียว! ช่วงจะลุยชุมชนเพื่อสร้างเขื่อนแก่งเสือหิว
ชาวบ้านสะเอียบประกาศอย่างไม่หวั่น “ตำบลสะเอียบเป็นเขตปลอด ’ปลอดประสพ’” เป็นพื้นที่ห้ามเข้า เอาโลง
ใส่หุ่นมาตั้ง ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง ขอให้ “ปล-อด” อยู่ไม่เป็นสุข
จะเป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่ ทำให้ “ปล-อด” มีการคล้ายคนมีปัญหาด้านสติ เหมือนคนบ้า! บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่า
วิญญาณของลูกจระเข้ เหยื่อกระสุนปืนเอ็ม 16 หรือวิญญาณอาฆาตของลูกเสือโคร่ง 100 ตัว มาเข้าสิง จึงทำให้
ออกอาการไม่ปกติ อยากแต่งตัวเป็นพญาเม็งราย ผู้ก่อตั้งเชียงราย เชียงใหม่
พฤติกรรม คำพูดของ “ปล-อด” เผชิญปฏิกิริยาหลากหลาย มีทั้งโมโห ระอา และเฉยเมย เมื่อรู้ว่าชายวัย 67 ปี
ย่อมแสดงอาการของคนวัยทอง ชาวบ้านมองว่าคงเป็นเพราะอยู่ในสภาพเหมือนคางคกขึ้นวอ เป็นจำเลยคดีอาญา
แต่ได้ตำแหน่งใหญ่โต ก็ทำให้อาการพองตัว ลืมไปว่ามีชนักปักหลัง
การดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เรียกประชาชนคนเสียภาษีว่า “ขยะ” อาจเป็นเกมตื้นๆ แต่ได้ผล ในการกระชาก
ความสนใจของชาวบ้านจากเรื่องฮือฮาเชื่อมโยงกับคำพูดว่า “กะหรี่” และ “หญิงชั่วขายชาติ” ซึ่งทำให้แม่นางโพย
รู้สึกกระอักกระอ่วน หาทางออกไม่ได้เมื่อยังเป็นที่โจษจันทั้งเมือง
และได้ผล จริงๆ เมื่อ “ปล-อด” ด่าคนค้านโครงการผลาญเงินว่าเป็น “ขยะ"”ทำให้แม่นางโพยรู้สึกเบาตัว! แถมยังมี
“เฉ-ลิม” บางบอน ออกมาผสมโรง เหน็บ “ปล-อด” ว่าไม่มีอำนาจสั่งตำรวจให้จับใคร ก็ยิ่งเพิ่มสีสัน
ดังนั้น การเล่นเกมเบี่ยงเบนความสนใจให้ห่างจากแม่นางโพย จึงได้ผลชั่วคราว ตราบใดที่คดีความยังค้างอยู่
และพวกขี้ข้าบักเหลี่ยมสร้างกิจกรรมหนักแผ่นดินต่างๆ ก็ยิ่งยกระดับความเกลียดชังพวกนักการเมืองชั่วขายชาติ
แต่คราวนี้ “ปล-อด” มีโอกาสอยู่บนเวทีความเด่น รับบทบาทสายล่อฟ้า นักเรียกแขกหลายวันในเชียงใหม่
นอกจากทำตัวเป็นกูรู ผู้รู้ในสายตาคนต่างชาติ มาร่วมประชุมมีสาระ แต่ “ปล-อด” อยากแสดงละครเป็นเจ้าเมือง
ยอมแต่งกายโชว์พุงหลามเหมือนไหข้าวลาว อุดมไปด้วยไขมัน เพราะอยู่ไม่ดี กินไม่ดี ทึกทักว่าตัวเองเหมาะกับ
บทเจ้าเมือง ฝ่ายชาวบ้านมองแล้วนึกถึงคนบ้าแต่งตัวเป็นพระเอกลิเก ถือดาบไม้ เดินเร่ในตลาดเมื่อบ้าได้ระดับ
ความเป็นจริง “ปล-อด” เป็นเพียงขี้ข้าบักเหลี่ยม ย่อมทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาเก้าอี้ และบริหารเงินก้อนมหาศาล
3.5 แสนล้านบาท! ต้องใจกล้าทำทุกอย่างเพื่อให้เข้าเป้า ตามแนวนโยบายโกงกินคำโต กู้มาโกง ไม่กลัวโทษอาญา
ความห้าวกร้าวกร่างคงเส้นคงวา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะขอโทษชาวบ้านหรือไม่ “ปล-อด” ย้อนว่าเรื่องอะไร
จะทำอย่างนั้น เมื่อชาวบ้านยังด่าตัวเองในโซเชียลมีเดียแบบสาดเสียเทเสีย เปรียบเทียบเป็นตัวเสนียดjanraiสิ้นดี
ศักยภาพปากกล้าของ “ปล-อด” ถือว่าให้คุณแก่แม่นางโพย อาจมองแล้วว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสีย ถูกตราหน้าว่า
ประพฤติชั่วร้ายแรง ดังนั้นใครจะว่าอย่างไร แต่ได้คำชมจากบักเหลี่ยมและแม่นางโพย ถือว่านั่นเป็นผลสำเร็จ
ดังนั้นทั้ง “ปล-อด” และ “ปลอดประสพ” เป็นเพียงฟืนอีกดุ้นถูกโยนเข้ากองไฟเพื่อรอวันระเบิดของอารมณ์มวลชน
ที่จะรวมตัวกันออกมาขับไล่ เป็นการสะสมแต้มของความเกลียดชังพวกคนชั่วขายชาติ ขบวนการเสื้อแดงถ่อย
ช่วงนี้จึงเป็นการเร่งเกมเดินหน้า ขี้ข้าบักเหลี่ยมในสภาทาส และ “เฉ-ลิม” จะดันกฎหมายนิรโทษกรรม ยกโทษ
คืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้บักเหลี่ยม จ่ายรางวัลให้พวกอาชญากรฆ่าทหาร เผาเมือง อยากให้ถึงวันแตกหัก
อารมณ์ต้านรัฐบาลนักการเมืองชั่วระอุที่สนามหลวง จะยืนระยะ ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านมากเท่าไหร่
อาจต้องใช้เวลาจนกว่าไทยเฉยจะรู้สึกว่าตัวเองควรมีหน้าที่เป็นพลเมืองดี ตอบแทนการมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้!
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000059424
หึ หึ ....คนเขียนบทความนี้ เป็นสุดยอดของบทความที่ หยาบคาย ...ที่สุด...เขียนทุกครั้งก่นหาถ้อยคำที่
หยาบคาย ต่ำสุดๆมาเปรียบเปรย...นายกฯ
ถามมาหลายครั้งแล้ว .... ต้องถามอีก เขียนแบบนี้ คนเกลียดนายกฯ อยู่แล้ว คงสะใจ
คนรักนายก ฯ หรือคนเฉยๆ จะเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่นไหม ?
บทความนี้เจตนา ...ถากถาง เสียดสี รองนายกฯ ปลอดประสบ แต่ตามประสาฝ่ายตรงข้าม ก็ต้อง
วนเข้าไปเสียดสี นายกฯ อ่านแล้ว ก็เห็นรังษี...แห่งความเกลียดชัง นายกฯแผ่กระจาย
เห็นสัน.... ของคนเขียน ว่า ...... เติมเองก็แล้วกัน
ก็ไม่ได้ชื่นชม รองนายกฯคนนี้ เพราะแลเห็นแผล..มากมาย ในประวัติการทำงาน....
แม้ว่าในอดีต จะเคยชื่นชม เพราะผลงานชิ้นเอก ของ ปลอดประสบ คือการฟื้นฟู "บึงบรเพ็ด"
ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ของนครสวรรค์ หน้าน้ำ ...ใครไปนครสวรรค์ ไม่ไปบึงบรเพ็ด เหมือน
ไปไม่ถึง ......