ตอนนี้ร้านยังไม่ได้เปิดนะคะ แต่อยากได้คำแนะนำ พร้อมแชร์ประสบการณ์ที่เป็นนายตัวเองมา 18 วันพอดี
เราทำงานเป็นพนักงานโรงงาน ในนามบ.เอกชน จบตรงเงินเดือนค่อนข้างสูง 17-18K หักนั่นนี่มากมายหรือไม่ถึง 15K
ก็ประมาณ 14.8K ทำงานหลังจากเรียนจบได้แค่ปีเดียว เป๊ะๆ พอดิบพอดี เรามีแฟนที่คบกันมา 1 ปีกว่า
เค้าเงินเดือนไม่ถึง 9000 โดยเฉลี่ย
ย้ำ ไม่ถึง 9000 ด้วยเหตุผลเดียวที่เราเลือกเค้าแต่แรกก็คือ
เป็นคนสมถะ แต่ไม่ขี้เหนียว รักแม่ดูแลแม่ดีมาก รวมถึงตัวเราด้วย ทำงานในแผนกเดียวกัน เราเป็นหัวหน้าเค้านะคะ
เค้าเคยเห็นเราตั้งแต่ฝึกงานจนมาทำเต็มตัวกับที่นี่ แต่เค้าก็พยายามทุกอย่างให้ได้ทำโอ
แม้จะโดนติติง ว่าไม่มีโอทีแล้วพยายามจะหาโอทีของานทำนี่นั่น หลายๆ อย่างจากเพื่อนร่วมงานที่เข้าหูมา
แต่เค้าใจเย็น ไม่สนใจกับคำพูดพวกนั้น เค้าให้เหตุผลว่า พี่อยากจะให้เงินเดือนแตะหมื่นอนาคตจะได้ดูแลกันได้
เอิ่ม นอกเรื่องนิดนึงนะคะ พอดีเห็นกระทู้นึง เลยอยากเล่าให้ฟังสักหน่อยว่าเราไม่เคยคิดเห็นแก่เงินเดือนของฝ่ายชาย
แค่เราเห็นความดี ความตั้งใจ เราก็ไม่ได้มองอะไรไปมากกว่านั้นแล้วค่ะ
ก่อนหน้าออกจากงาน เราคิดมาตลอดว่าจะทำอะไรดี จะขายอะไรดี ที่คนอื่นไม่ทำกัน เพราะก่อนหน้านั้นอยากเปิดร้านบุฟเฟต์ริวกิว
แต่งบต้องบานปลายไปกับการตกแต่งร้าน สามสี่แสนก็เอาไม่อยู่ เลยพับไปไม่มีกำหนด แต่ก็หามาเรื่อย ๆ จนมาสะดุดกับอาหารทะเลแห้ง
อาหารทะเลแปรรูปช่วงก่อนสงกรานต์ เขียนข้อดีข้อเสีย ให้แฟนเราดู เค้าตกลงทันที และทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเราจะกู้ทำบ้านให้ได้ก่อน
เรื่องนี้ค่อยคิดทีหลัง แ่ต่เราไม่อยากให้ช้าไป มีหลายเรื่องที่ทำให้ไม่อยากทำงาน ก่อนหน้านี้พยายามลาออกมาสองครั้ง รวมครั้งนี้ก็สาม
ช่วงสงกรานต์ก็ออกแบบโลโก้อย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวไหน หมุ่นกันอยู่สองคนเรื่องโลโก้
จนบอกกับแฟนเราว่า เงินเดือนเดือนนี้ออก หนูไม่ทำงานต่อแล้วนะ ซึ่งเค้าเองไม่ว่าอะไร
แต่กว่าจะได้เงินจากแม่ก็นานอยู่ ไม่ใช่ง่ายๆ เลยไม่เคยขอแม่มากมายขนาดนี้
เราย้อนคำพูดแม่ที่ว่า..บ้านเราไม่มีใครทำงานราชการนะ แต่ก็ไม่ม่ใครทำงานเป็นลูกจ้างใคร
ก็เลยได้มาค่ะ แต่...แม่ไม่ได้ให้เงินสดนะค แม่เอาไปกู้กับคนที่รู้จักกันดีดอกร้อยละสาม มาแสนนึง
ด้วยที่ดินที่อยู่ ที่กิน ที่บ้านทุกวันนี้ด้วยซ้ำ !!!!! แล้วย้ำว่า..อย่าทำให้แม่ต้องไม่มีทีอยู่ อย่าทำให้แม่เสียใจ แม่อยากจะเห็นโฉนดที่ดินนี้ก่อนตาย
มันก็เลยต้องท้อไม่ได้
ตอนออก ตึกเช่า ก็ยังหาไม่ได้เลยนะ พอออกได้วันแรก ไปหาตึกให้เช่า เจอเจ้าแรก หมื่นนึง ค่าน้ำไฟ หน่วยละ 8 บาท
ต้องรอเจ้าของอีก เพราะเค้าอาจจะไม่ให้ขาย มันมีกลิ่นแรง แต่ที่แค่นั้นเราแพ็คของไม่ได้หรอก เราก็บอกเค้าว่า เราไปแพ็คที่บ้าน
แล้วมาขายที่นี่ เค้าก็บอกว่าต้องคุยกับเจ้าของเค้าแค่คนดูแล เราก็ไม่อยากรอ ก็หาไปเรื่อยๆ จนเจอที่ที่นึงซึ่งแพงพอสมควร
หมื่นสามต่อเดือน !!!! แต่ถ้าหากคำนวณจาก การประมาณค่าไฟที่แรกแล้ว พอกันเลย เลยตกลงเช่าที่นี่ไม่มีค่าเซ้งวุ่นวาย
หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ โล่งงง เสียเหลือเกินนน
อยากแชร์ประสบการณ์นายตัวเองมา 18 วัน และอยากได้คำแนะนำจากเพื่อนพี่พันทิปสมาชิกกับธุรกิจนี้ด้วยค่ะ
เราทำงานเป็นพนักงานโรงงาน ในนามบ.เอกชน จบตรงเงินเดือนค่อนข้างสูง 17-18K หักนั่นนี่มากมายหรือไม่ถึง 15K
ก็ประมาณ 14.8K ทำงานหลังจากเรียนจบได้แค่ปีเดียว เป๊ะๆ พอดิบพอดี เรามีแฟนที่คบกันมา 1 ปีกว่า
เค้าเงินเดือนไม่ถึง 9000 โดยเฉลี่ย ย้ำ ไม่ถึง 9000 ด้วยเหตุผลเดียวที่เราเลือกเค้าแต่แรกก็คือ
เป็นคนสมถะ แต่ไม่ขี้เหนียว รักแม่ดูแลแม่ดีมาก รวมถึงตัวเราด้วย ทำงานในแผนกเดียวกัน เราเป็นหัวหน้าเค้านะคะ
เค้าเคยเห็นเราตั้งแต่ฝึกงานจนมาทำเต็มตัวกับที่นี่ แต่เค้าก็พยายามทุกอย่างให้ได้ทำโอ
แม้จะโดนติติง ว่าไม่มีโอทีแล้วพยายามจะหาโอทีของานทำนี่นั่น หลายๆ อย่างจากเพื่อนร่วมงานที่เข้าหูมา
แต่เค้าใจเย็น ไม่สนใจกับคำพูดพวกนั้น เค้าให้เหตุผลว่า พี่อยากจะให้เงินเดือนแตะหมื่นอนาคตจะได้ดูแลกันได้
เอิ่ม นอกเรื่องนิดนึงนะคะ พอดีเห็นกระทู้นึง เลยอยากเล่าให้ฟังสักหน่อยว่าเราไม่เคยคิดเห็นแก่เงินเดือนของฝ่ายชาย
แค่เราเห็นความดี ความตั้งใจ เราก็ไม่ได้มองอะไรไปมากกว่านั้นแล้วค่ะ
ก่อนหน้าออกจากงาน เราคิดมาตลอดว่าจะทำอะไรดี จะขายอะไรดี ที่คนอื่นไม่ทำกัน เพราะก่อนหน้านั้นอยากเปิดร้านบุฟเฟต์ริวกิว
แต่งบต้องบานปลายไปกับการตกแต่งร้าน สามสี่แสนก็เอาไม่อยู่ เลยพับไปไม่มีกำหนด แต่ก็หามาเรื่อย ๆ จนมาสะดุดกับอาหารทะเลแห้ง
อาหารทะเลแปรรูปช่วงก่อนสงกรานต์ เขียนข้อดีข้อเสีย ให้แฟนเราดู เค้าตกลงทันที และทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเราจะกู้ทำบ้านให้ได้ก่อน
เรื่องนี้ค่อยคิดทีหลัง แ่ต่เราไม่อยากให้ช้าไป มีหลายเรื่องที่ทำให้ไม่อยากทำงาน ก่อนหน้านี้พยายามลาออกมาสองครั้ง รวมครั้งนี้ก็สาม
ช่วงสงกรานต์ก็ออกแบบโลโก้อย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวไหน หมุ่นกันอยู่สองคนเรื่องโลโก้
จนบอกกับแฟนเราว่า เงินเดือนเดือนนี้ออก หนูไม่ทำงานต่อแล้วนะ ซึ่งเค้าเองไม่ว่าอะไร
แต่กว่าจะได้เงินจากแม่ก็นานอยู่ ไม่ใช่ง่ายๆ เลยไม่เคยขอแม่มากมายขนาดนี้
เราย้อนคำพูดแม่ที่ว่า..บ้านเราไม่มีใครทำงานราชการนะ แต่ก็ไม่ม่ใครทำงานเป็นลูกจ้างใคร
ก็เลยได้มาค่ะ แต่...แม่ไม่ได้ให้เงินสดนะค แม่เอาไปกู้กับคนที่รู้จักกันดีดอกร้อยละสาม มาแสนนึง
ด้วยที่ดินที่อยู่ ที่กิน ที่บ้านทุกวันนี้ด้วยซ้ำ !!!!! แล้วย้ำว่า..อย่าทำให้แม่ต้องไม่มีทีอยู่ อย่าทำให้แม่เสียใจ แม่อยากจะเห็นโฉนดที่ดินนี้ก่อนตาย
มันก็เลยต้องท้อไม่ได้
ตอนออก ตึกเช่า ก็ยังหาไม่ได้เลยนะ พอออกได้วันแรก ไปหาตึกให้เช่า เจอเจ้าแรก หมื่นนึง ค่าน้ำไฟ หน่วยละ 8 บาท
ต้องรอเจ้าของอีก เพราะเค้าอาจจะไม่ให้ขาย มันมีกลิ่นแรง แต่ที่แค่นั้นเราแพ็คของไม่ได้หรอก เราก็บอกเค้าว่า เราไปแพ็คที่บ้าน
แล้วมาขายที่นี่ เค้าก็บอกว่าต้องคุยกับเจ้าของเค้าแค่คนดูแล เราก็ไม่อยากรอ ก็หาไปเรื่อยๆ จนเจอที่ที่นึงซึ่งแพงพอสมควร
หมื่นสามต่อเดือน !!!! แต่ถ้าหากคำนวณจาก การประมาณค่าไฟที่แรกแล้ว พอกันเลย เลยตกลงเช่าที่นี่ไม่มีค่าเซ้งวุ่นวาย
หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ โล่งงง เสียเหลือเกินนน