น้องพาพันชวนดู Green Products สุดแนว! จาก Ecoshop, Labrador และ The ReMaker

ประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับเคสไอโฟน 4s จากยางรถยนต์สุดเจ๋ง จาก The Remaker นั่นก็คือ...
1.คุณBestz_pH8+
2.คุณครอบครัวตัว ม

รายชื่อสำรองนะครับ
1.คุณseries 6

ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ  น้องพาพันต้องรบกวนให้พี่ๆท้้งสามท่านส่งชื่อและที่อยู่มาทางหลังไมค์ ภายในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ครับ

พาพันชอบพาพันชอบ






สวัสดีครับ พี่ๆ เพื่อนๆ ... เมื่อเดือนที่ผ่านมา พาพันไปเดินดูงาน Thailand Big & Bih มาครับ โดยงานนี้ก็มีผลิตภัณฑ์แนว Green Product มาจัดแสดงด้วย ซึ่งน้องพาพันมีโอกาสได้คุยกับพี่ๆ ที่เป็นคนสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้มาครับ  
ไปดูกันดีกว่ามีใครบ้าง

พาพันดี๊ด๊าพาพันดี๊ด๊า



พี่ท็อป - พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ผู้ก่อตั้ง Eco Shop, แบรนด์โอ และคณะกรรมการโครงการ Use Me Again ของเรานั่นเองครับ

วันนี้พี่ท็อปมีผลิตภัณฑ์ใหม่มาแสดงในงาน ซึ่งมีรางวัลการันตีด้วย!


"สมุด 0.4921 เป็นสมุดที่มีการคิดค้น คำนวณเส้นบรรทัดใหม่ เพื่อให้เราใช้หนึ่งหน้ากระดาษได้คุ้มค่ามากที่สุด คือเดิมทีเส้นบรรทัดเวลาเขียนในสมุดทั่วไปจะกว้างประมาณ 0.65 เซนติเมตร แต่บรรทัดในสมุดเล่มนี้กว้าง 0.4921 เซนติเมตร ซึ่งเราจะได้จำนวนเส้นบรรทัดในสมุดเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นหมายความว่ามันคุ้มค่ามากขึ้นด้วย และหมึกทั้งหมดเป็นหมึกจากถั่วเหลือง กระดาษเป็นกระดาษ Green Ocean คือมาจากกระบวนการผลิตที่รักษาสิ่งแวดล้อม ใช้สารเคมีน้อยกว่าการผลิตกระดาษประเภทอื่น โรงพิมพ์ได้มาตรฐาน Carbon Footprint ที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ส่งเสริม พัฒนาศักยภาพ และให้คำแนะนำในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และส่วนที่พิมพ์เป็นลายในสมุด ถ้าส่องดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามันเป็นจุดๆ ที่มาต่อกัน ก็จะประหยัดหมึกได้อีก"

โอ้โห! สมุดเล่มนี้เรียกได้ว่ามีความกรีนอยู่ในทุกๆ ส่วนเลยนะครับ! เท่สุดๆ เลย


ใส่ใจสิ่งแวดล้อมทุกขั้นตอนขนาดนี้ สมุด 0.4921 เลยคว้ารางวัลชนะเลิศ การประกวดสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรมเพื่อการค้าระหว่างประเทศ จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) ประจำปี 2013 ไปครองครับ

พาพันชอบพาพันชอบ


"สมุดเล่มนี้เป็นหนึ่งในแบรนด์โอ (O) ครับ คือเป็นการลดทอนมาจากโลโก้ของ Eco Shop เหลือแค่ O ลดตั้งแต่ต้นทางเลย เวลาเอา O ไปติดที่ไหนก็จะน้อยๆ ตั้งแต่ต้น ซึ่งตอนนี้แบรนด์โอมีสินค้า 7 ชิ้น อย่างชิ้นนี้คือ Reflector เอาไว้ใส่ท้ายจักรยานเพื่อสะท้อนแสง"


"อันนี้ทำจากแผ่นพีพี (Polypropylene) สามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งเป็นการลดทอนกระบวนการทำงานด้วยเพราะไดคัทแค่ครั้งเดียว ไม่มีแพคเกจจิ้ง และไม่ต้องใช้ถ่านอีกเลยตลอดชีพ ซึ่งได้รางวัลจากการประกวด Eco Innovation ด้วย คือเราใช้วิธีคำนวณองศาการมองเห็นและองศาของแสง ซึ่งทดสอบมาแล้วสะท้อนเข้าตาคนขับเต็มๆ เลย (ยิ้ม) ในระยะที่มองเห็นและมีความปลอดภัยอยู่ คือ 200 เมตร ทั้งจากด้านหลังและด้านข้างด้วย โดยสีเขียวจะสะท้อนแสงได้มากกว่า การมองเห็นดีกว่าครับ"

ว้าว! พาพันเห็นแล้วก็อยากเอามาติดจักรยานบ้างครับ นอกจากจะได้ช่วยโลกแล้วยังเป็นการเซฟตัวเองเวลาปั่นจักรยานมากขึ้นด้วยนะครับ

พาพันปั่นจักรยานพาพันปั่นจักรยาน


มาถึงพี่คนต่อไปกันเลยครับ ... พาพันว่าถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ คนไหนโปรดปรานเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้เก๋ๆ จากเครื่องหนัง น่าจะพอคุ้นชื่อแบรนด์นี้บ้างนะครับ


ใช่แล้วครับ Labrador นั่นเอง!

วันนี้พาพันมีโอกาสได้คุยกับ พี่เจี๊ยบ - เอนก กุลทวีทรัพย์ ผู้ก่อตั้งลาบราดอร์ครับ ... ถึงตรงนี้พี่ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วลาบราดอร์เกี่ยวอะไรกับกรีนโปรดักส์!?!?

"เดิมทีเราทำแบรนด์เครื่องหนังอย่างเดียวครับ ชื่อลาบราดอร์ และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ขยายเป็นแบรนด์ที่ 2 ชื่อ รีลาบราดอร์ เป็นหนังรีไซเคิล และแบรนด์ที่ 3 ชื่อ ลาบราดอร์เปเปอร์ เป็นผลิตภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิล และแบรนด์สุดท้ายชื่อซน ทำจากพลาสติกที่เหมือนกระดาษ รีไซเคิลได้ คือส่วนใหญ่เราจะเป็นกรีนโปรดักชั่น เคยมีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบการประหยัดพลังงานในโรงงานเราก็ได้ใบรับรองมา อาคารก็เป็นอาคารประหยัดพลังงานตั้งแต่ก่อสร้างครับ (ยิ้ม)"

พาพันลองคิดดูก็จริงอย่างที่พี่เจี๊ยบบอกนะครับ จริงๆ แล้วคำว่า "กรีน" สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในกระบวนการผลิต และก็เกิดได้ในผลิตภัณฑ์ทุกๆ ประเภทเลย ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเศษวัสดุเท่านั้นนะครับ


"หลักการของลาบราดอร์คือให้คนใช้ของได้นานๆ ผมว่าเวลาเราใช้ของอะไรนานๆ เราจะมีความผูกพันกับของ ลาบราดอร์เลยเลือกวัสดุที่ยิ่งเก่ายิ่งสวย ยิ่งแก่ยิ่งชอบ อยู่ด้วยกันไปจนตาย (ยิ้ม) และหนังของเราใช้สารเคมีน้อยมาก ปกติหนังผืนหนึ่งเค้าจะใช้แค่ตรงกลาง ที่เหลือเป็นเศษ ซึ่งอัตราส่วนการทิ้งมากถึง 40% แต่เราพยายามใช้ทุกๆ ส่วนเท่าที่เป็นไปได้ จนอัตราการทิ้งเหลือแค่ 5%"


พี่เจี๊ยบมองทิศทางของสินค้ากรีนยังไงบ้างครับ

"ผมว่าคนทำกรีนโปรดักส์อาจจะต้องเจ็บตัวหน่อย เพราะเรายังอยู่ในโลกที่ต้องวิ่งด้วยอุตสาหกรรมจริงๆ อยู่ คือจนกว่าโลกจะเปลี่ยนกลับมาฝั่งกรีนๆ บ้าง สินค้ากรีนถึงจะราคาถูกลง อย่างกลุ่มลูกค้าผม ผมขายในประเทศ 60% และส่งออก  40% แต่ใน 60% ที่ขายในประเทศ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติ และขายได้เฉพาะในกรุงเทพฯ คือเคยเอาสินค้าไปวางที่หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ การต้อนรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมันไม่ใช่โลเคชั่นที่คนจะไปซื้อสินค้าประเภทนี้ จริงๆ ผมว่าสินค้ากรีนต้องสื่อสารเยอะๆ เค้าต้องเข้าใจว่าซื้อไปแล้วจะได้อะไรกลับมาที่ไม่ใช่แค่ในรูปตัวเงิน สินค้าที่ใช้ได้นานๆ มีคุณภาพ และย่อยสลายได้ มันสร้างผลดีต่อโลกได้มากกว่า (ยิ้ม)"

เอ...ถ้าพี่เจี๊ยบมองว่าคนทำกรีนโปรดักส์อาจจะต้องเจ็บตัว ทำไมพี่เจี๊ยบถึงเลือกที่จะทำครับ

"ชอบ (หัวเราะ) สมมติว่าผมจะเลือกแพคเกจจิ้งสักอย่าง ผมจะไม่เลือกกล่องพลาสติก แต่จะเลือกกระดาษรีไซเคิล เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว (ยิ้ม) และจะเลือกกระดาษที่พิมพ์สีเดียวด้วย ลดหมึกพิมพ์ นี่คือสิ่งที่เราชอบ ผมเป็นคนใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยมั้งเลยเป็นแบบนี้ หรืออาจจะเป็นคนคิดมาก เวลาผมคิดอะไรสักอย่าง ผมจะต้องคิดว่ามันไปไหนต่อ เป็นมาตั้งแต่เด็ก ชอบเก็บนู่นเก็บนี่ จนมันรก (หัวเราะ)"

ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมครับว่าผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องหนังจะกรีนขนาดนี้ ... เป็นอีกหนึ่งคนที่มีแนวคิดน่าสนใจทีเดียวครับ

พาพันรดน้ำต้นไม้พาพันรดน้ำต้นไม้


คนสุดท้ายในวันนี้ก็คือ พี่ยุทธนา อโนทัยสินทวี ผู้ก่อตั้ง The ReMaker และวิทยากรเวิร์คช็อปโครงการ Use Me Again ของเรานั่นเองล่ะครับ


วันนี้พี่ยุทธนานำผลิตภัณฑ์ชิ้นไหนมาจัดแสดงกันนะ...


"อันนี้ชื่อ Catch It ครับ ได้รับรางวัล Design Excellence Award ปี 2012 จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) เป็นตัวต่อ ทำจากยางปกติแต่ใช้สีจากถั่วเหลือง เลยไม่มีสารเคมีเหมือนสีอื่นๆ"



แล้ว Catch It สามารถต่อเป็นอะไรได้บ้างครับ

"ได้หมดเลยครับ โคมไฟ พรมกันลื่นวางในห้องน้ำ ทำได้หมด วิธีทำความสะอาดก็ง่ายๆ ล้างน้ำ เช็ดธรรมดา คือตอนแรกผมใช้ยางใน กะว่าจะทำเป็นของประดับตกแต่งบ้าน ปรากฎว่าตอนทดลอง เด็กชอบมาก เลยกลัวว่าถ้าเด็กเอาเข้าปากอาจจะเป็นอันตราย และเราไปควบคุมเค้าไม่ได้ว่าห้ามเอาเข้าปากหรือห้ามทำของเล่น เลยตัดสินใจเปลี่ยนวัสดุและใช้สีถั่วเหลืองซึ่งปลอดภัยกว่าครับ (ยิ้ม)"

พี่ยุทธนาเล่าว่า ในด้านความปลอดภัยของ Catch It มาตรฐานค่อนข้างใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ Food Grade ก็คือ ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อการอุปโภคบริโภคนั่นเองครับ


Catch It 10 ชิ้น (1 กล่อง) ทำเนคไทได้ 1 อัน


เท่สุดๆ ไปเลย! พาพันเห็นแล้วก็อยากเอา Catch It มาต่อบ้างนะครับ

พาพันรักสัตว์พาพันรักสัตว์


อีกหนึ่งชิ้นที่ชวนสะดุดตา ก็คือกระเป๋าใส่ไอแพดจากยางในรถยนต์นั่นเอง ดูแข็งแรงทนทานทีเดียวครับ


ก่อนจะจบกระทู้ พาพันก็มีของมาฝากพี่ๆ ด้วย


เคสไอโฟน 4s จากยางรถยนต์ โดย The ReMaker มูลค่า 550 บาท จำนวน 2 รางวัล
สำหรับพี่ๆ ที่สนใจ เพียงร่วมตอบคำถามในกระทู้นี้ว่า "ตอนนี้ใช้ของรียูสอะไรอยู่" พร้อมคำบรรยายและโพสต์รูปของชิ้นนั้น โดยร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ครับ จากนั้นพาพันจะสุ่มเลือกผู้โชคดีและประกาศในกระทู้นี้นะครับ

พาพันขอบคุณพาพันขอบคุณ



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่