ร็อดริโก้ คอร์เทส์ อีกหนึ่งผู้กำกับรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะคนที่หลงไหลหนังในทางทริลเลอร์หักมุมเฉียบๆ หมายหัวหมอนี่ไว้ได้เลยว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่ๆ ร็อดริโก้ ทำหนังยาวออกมาแล้ว 3 เรื่องด้วยกัน แต่เรื่องที่เด็ดขาดที่สุดคือเรื่องนี้แหละ Buried (2010)
Buried เป็นหนังทุนต่ำมากๆ ใช้เงินไปแค่ 1.9 ล้านเหรียญ ซึ่ง ร็อดริโก้ แกเคยกล่าวติดตลกเล็กๆ เกี่ยวกับทุนสร้างของหนังเรื่องนี้ว่า ที่จริงหนังใช้ทุนสร้างไม่ถึงล้านหรอก แต่ที่เพิ่มขึ้นมาขนาดนี้เพราะส่วนใหญ่หมดไปกับค่าตัวที่ต้องจ่ายให้กับ ไรอัน เรย์โนล์ นักแสดงคนเดียวของเรื่องหน่ะ (ฮา)
ในความคิดของ จขกท. ถือว่า Buried เป็นหนังที่ท้าทายสุดๆ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบมีนักแสดงอยู่คนเดียวคือ ไรอัน เรย์โนล์ ซึ่งการทำหนังโดยใช้นักแสดงคนเดียว มีข้อจำกัดมากมายที่สุ่มเสี่ยง และมีเปอร์เซ็นต์สูงว่าหนังจะกลายเป็นความน่าเบื่อ แต่ผลงานของ ร็อดริโก้ เรื่องนี้นอกจากไม่น่าเบื่อแล้ว ยังตื่นระทึก ลุ้นจนลุกไปไหนไม่ได้เลย แถมเนื้อหายังเจ็บแสบได้ลึกล้ำชนิดที่ว่าบางคนดูจบไปแล้ว ยังคิดตามในสิ่งที่หนังเฉลยออกมาในช่วงหักมุมไม่ทันเลยด้วยซ้ำ
เราอาจจะเคยเห็นทอมแฮงค์ โชว์เดี่ยวในช่วงหนึ่งของหนัง Cast Away (2000) เราอาจจะเคยเห็น เจมส์ ฟรังโก้ ติดแหง็กปล่าวเปลี่ยวกลางซอกหินใน 127 Hours (2010) เราอาจจะเคยเห็น แซม ร็อคเวลล์ เหงาหลอนกลางอวกาศใน Moon (2009) แต่ยังไม่มีเรื่องไหนที่กล้าพอที่จะลดข้อจำกัดในการเล่าเรื่องลงให้เหลือน้อยที่สุดเท่ากับเรื่องนี้ ที่นอกจากจะมีตัวละครเพียงตัวเดียวแล้ว ยังใจร้ายสุดๆ ด้วยการวางบทบังคับให้ตัวละครแทบจะกระดุกกระเดี้ยวไปไหนไม่ได้ ต้องนอนอย่างเดียว เพราะหนังไม่มีฉากอื่นใดเลย นอกจากกล่องสี่เหลี่ยม และคนที่อยู่ข้างใน
หนังเล่าเรื่องของ พอล คอนรอย (ไรอัน เรย์โนล์) พลเมืองชาวสหรัฐ คนขับรถก่อสร้างใน ประเทศอิรัก ที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดในกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆ มืดๆ ก่อนที่จะพบในเวลาต่อมาว่ากล่องสี่เหลี่ยมที่เค้านอนอยู่นี้คือโลงที่ถูกฝังลึกลงไปใต้พื้นดิน พอล พยายามจับต้นชนปลายเรื่องราวก่อนหน้านั้นเท่าที่นึกออก ซึ่งก็ได้ความว่า ขบวนรถของเขาถูกโจมตีอย่างกระทันหันโดยคนบางกลุ่ม (ไม่มีการฉายภาพใดๆ ทั้งสิ้นทบทวนด้วยคำพูดล้วนๆ) แต่ประเด็นที่คิดไม่ออกก็คือตัวเขาถูกจับมาอยู่ที่นี่ทำไม และคนที่จับมาต้องการอะไร ในเมื่อเขาเป็นแค่คนขับรถธรรมดาๆ
หนังเพิ่มเงื่อนไขความสนุกขึ้นมาอีกนิด เมื่อปล่อยให้พอล โชคดีได้ ไฟแช็ค กับ โทรศัพท์มือถือ ติดตัวมาด้วย และทั้งสองอย่างนี่แหละที่มีบทบาทสำคัญในการเดินเรื่องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่เปิดช่องให้ตัวละครอีกหลายตัวโผล่มาเข้ามาในรูปแบบของเสียงทางโทรศัพท์ หลังจากที่ พอล ได้พยายามโทรติดต่อไปขอความช่วยเหลือ ทั้งเพื่อน แฟนเก่า เจ้าหน้าที่รัฐแผนกต่างๆ รวมถึงตัวร้าย
ซึ่งข้อมูลมากมายจากคนเหล่านั้นได้หลั่งไหลเข้าสู่สมองของพอล ทั้งชื่อคน สถานที่ และอื่นๆ ที่เขาจะต้องประติดประต่อ คิดทบทวน ในขณะที่เวลาก็เดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ชวนให้หดหู่สิ้นหวัง พร้อมๆ กับไฟแช็ค แบ็ตมือถือ และอากาศที่เริ่มมอดลงเรื่อยๆ เรียกว่านอกจากหนังจะสร้างความอึดอัดให้กับคนดูด้วยพื้นที่ปิดที่แสนจะมืดและคับแคบแล้ว หนังยังกดประสาทคนดูด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดไปด้วยในอีกทางหนึ่ง
แต่ทีเด็ดทีขาดของหนังอยู่ที่บทสรุปหักมุมสุดท้ายของหนัง ที่ร็อดริโก้ คอร์เทส์ ได้มอบความเจ็บปวดสุดแสบสันต์ให้กับคนดูได้อย่างนึกไม่ถึง และก็ลึกล้ำจนน่าจะแยกความเข้าใจของคนดูออกได้เป็น 2 ระดับในความเห็นของ จขกท.
สำหรับคนที่ดูหนังแบบไม่จดจำอะไรนัก ก็จะเข้าใจตอนจบตามภาพที่เห็นในจอ ส่วนคนดูที่ช่างสังเกตหรือจดจำซักหน่อยก็จะได้ตอนจบที่ลึกลงไปกว่านั้น ซึ่งถูกซ่อนเงื่อนไว้แบบง่ายๆ แต่แยบยล ตีความออกมาแล้วน่าจะเทียบได้กับการถ่มน้ำลายรดหน้าเจ้าหน้ารัฐของอเมริกาเลยก็ว่าได้
คะแนน : สี่ดาว
เฉลยสำหรับคนที่ดูแล้วคิดว่าอาจตามหนังไม่ทัน แต่ถ้าตามทันก็ลองอ่านดูขำๆ ว่าตรงกันมั้ย ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ให้นึกย้อนกลับไปช่วงกลางเรื่องหลังจากที่ พอล ได้โทรศัพท์ติดต่อคนโน้นคนนี้ให้มาช่วยเหลือจนสุดท้ายมาลงเอยที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่อเมริกันผู้ชำนาญการเรื่องการลักพาตัวที่ชื่อว่า แดน เบรนเนอร์ ซึ่งอ้างตัวว่าเคยช่วยผู้เคราะห์ร้ายแบบพอลมาแล้วหลายราย หนึ่งในนั้นคือเหยื่อที่ชื่อว่า "มาร์ค ไวท์"
ตัดมาที่ตอนจบเจ้าหน้าที่ เบรนเนอร์ ติดตามสืบเสาะสัญญาณโทรศัพท์มาจนใกล้หลุมที่ฝังพอลเต็มที พอลซึ่งอยู่ข้างใต้ ก็ได้ยินเสียงระเบิดเสียงยิงต่อสู่กันดังแว่วๆ เข้ามาในความมืด ขณะที่อากาศกำลังจะหมด ถึงนาทีสุดท้ายเจ้าหน้าที่ เบรนเนอร์ โทรเข้ามาบอกว่า เจอจุดที่ฝังแล้ว! บอกให้ พอล อดทนเข้าไว้ จะขุดขึ้นมาเดี๋ยวนี้ พอลก็ดิ้นรนสุดฤทธิ์ เสียงระเบิดก็ดังถล่มใกล้เข้ามา นาทีนี้หนังบีบสุดๆ สร้างความปั่นป่วนให้ผู้ชม จนอาจจะทำให้บางคนไม่ทันเฉลียวคิดในนาทีถัดจากนั้น ที่เจ้าหน้าที่ เบรนเนอร์ ได้บอกว่า "ขอโทษนะ พอล เรามาผิดที่ คนในหลุมที่เราเจอไม่ใช่คุณ แต่คือมาร์ค ไวท์"
มาร์ค ไวท์ หรือก็คือคนที่เจ้าหน้าที่ เบรนเนอร์ เคยบอกว่าช่วยจนรอดไปแล้วตอนกลางเรื่อง สรุปแล้ว แดน เบรนเนอร์ เจ้าหน้าที่ของอเมริกาผู้นี้ไม่เคยช่วยใครจนรอดมาก่อนเลยซักราย แค่สร้างภาพหลอกพระเอกประวิงเวลาไปเรื่อยๆ สุดท้าย พอล ผู้น่าสงสารดับอนาจท่ามกลางความมืดมิด!
ซึ่งเป็นตอนจบที่สลดหดหู่ที่สอดรับกับเรื่องราวและบทสนทนาที่แอบเสียดสีอเมริกามาตลอดทั้งเรื่อง ทั้งนโยบายที่จะไม่เจรจากับผู้ก่อการร้าย และที่ผู้ร้ายในเรื่องบอกว่าอเมริกามักจะเป็นผู้จุดชนวนสงครามเสียเอง ด้วยการชอบเข้าไปแส่ ไปยุ่ง ทำให้ประเทศคนอื่นวุ่นวาย โกยผลประโยชน์แล้วก็จากไป ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพัง ก่อนจะสร้างภาพด้วยวาทะกรรมที่ดูดี
ฝากกด like แฟนเพจด้วยจ้า
http://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518
(เพิ่งได้ดู) Buried (2010) : ฟ๊าค ยู! อเมริกา
ร็อดริโก้ คอร์เทส์ อีกหนึ่งผู้กำกับรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะคนที่หลงไหลหนังในทางทริลเลอร์หักมุมเฉียบๆ หมายหัวหมอนี่ไว้ได้เลยว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่ๆ ร็อดริโก้ ทำหนังยาวออกมาแล้ว 3 เรื่องด้วยกัน แต่เรื่องที่เด็ดขาดที่สุดคือเรื่องนี้แหละ Buried (2010)
Buried เป็นหนังทุนต่ำมากๆ ใช้เงินไปแค่ 1.9 ล้านเหรียญ ซึ่ง ร็อดริโก้ แกเคยกล่าวติดตลกเล็กๆ เกี่ยวกับทุนสร้างของหนังเรื่องนี้ว่า ที่จริงหนังใช้ทุนสร้างไม่ถึงล้านหรอก แต่ที่เพิ่มขึ้นมาขนาดนี้เพราะส่วนใหญ่หมดไปกับค่าตัวที่ต้องจ่ายให้กับ ไรอัน เรย์โนล์ นักแสดงคนเดียวของเรื่องหน่ะ (ฮา)
ในความคิดของ จขกท. ถือว่า Buried เป็นหนังที่ท้าทายสุดๆ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบมีนักแสดงอยู่คนเดียวคือ ไรอัน เรย์โนล์ ซึ่งการทำหนังโดยใช้นักแสดงคนเดียว มีข้อจำกัดมากมายที่สุ่มเสี่ยง และมีเปอร์เซ็นต์สูงว่าหนังจะกลายเป็นความน่าเบื่อ แต่ผลงานของ ร็อดริโก้ เรื่องนี้นอกจากไม่น่าเบื่อแล้ว ยังตื่นระทึก ลุ้นจนลุกไปไหนไม่ได้เลย แถมเนื้อหายังเจ็บแสบได้ลึกล้ำชนิดที่ว่าบางคนดูจบไปแล้ว ยังคิดตามในสิ่งที่หนังเฉลยออกมาในช่วงหักมุมไม่ทันเลยด้วยซ้ำ
เราอาจจะเคยเห็นทอมแฮงค์ โชว์เดี่ยวในช่วงหนึ่งของหนัง Cast Away (2000) เราอาจจะเคยเห็น เจมส์ ฟรังโก้ ติดแหง็กปล่าวเปลี่ยวกลางซอกหินใน 127 Hours (2010) เราอาจจะเคยเห็น แซม ร็อคเวลล์ เหงาหลอนกลางอวกาศใน Moon (2009) แต่ยังไม่มีเรื่องไหนที่กล้าพอที่จะลดข้อจำกัดในการเล่าเรื่องลงให้เหลือน้อยที่สุดเท่ากับเรื่องนี้ ที่นอกจากจะมีตัวละครเพียงตัวเดียวแล้ว ยังใจร้ายสุดๆ ด้วยการวางบทบังคับให้ตัวละครแทบจะกระดุกกระเดี้ยวไปไหนไม่ได้ ต้องนอนอย่างเดียว เพราะหนังไม่มีฉากอื่นใดเลย นอกจากกล่องสี่เหลี่ยม และคนที่อยู่ข้างใน
หนังเล่าเรื่องของ พอล คอนรอย (ไรอัน เรย์โนล์) พลเมืองชาวสหรัฐ คนขับรถก่อสร้างใน ประเทศอิรัก ที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดในกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆ มืดๆ ก่อนที่จะพบในเวลาต่อมาว่ากล่องสี่เหลี่ยมที่เค้านอนอยู่นี้คือโลงที่ถูกฝังลึกลงไปใต้พื้นดิน พอล พยายามจับต้นชนปลายเรื่องราวก่อนหน้านั้นเท่าที่นึกออก ซึ่งก็ได้ความว่า ขบวนรถของเขาถูกโจมตีอย่างกระทันหันโดยคนบางกลุ่ม (ไม่มีการฉายภาพใดๆ ทั้งสิ้นทบทวนด้วยคำพูดล้วนๆ) แต่ประเด็นที่คิดไม่ออกก็คือตัวเขาถูกจับมาอยู่ที่นี่ทำไม และคนที่จับมาต้องการอะไร ในเมื่อเขาเป็นแค่คนขับรถธรรมดาๆ
หนังเพิ่มเงื่อนไขความสนุกขึ้นมาอีกนิด เมื่อปล่อยให้พอล โชคดีได้ ไฟแช็ค กับ โทรศัพท์มือถือ ติดตัวมาด้วย และทั้งสองอย่างนี่แหละที่มีบทบาทสำคัญในการเดินเรื่องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่เปิดช่องให้ตัวละครอีกหลายตัวโผล่มาเข้ามาในรูปแบบของเสียงทางโทรศัพท์ หลังจากที่ พอล ได้พยายามโทรติดต่อไปขอความช่วยเหลือ ทั้งเพื่อน แฟนเก่า เจ้าหน้าที่รัฐแผนกต่างๆ รวมถึงตัวร้าย
ซึ่งข้อมูลมากมายจากคนเหล่านั้นได้หลั่งไหลเข้าสู่สมองของพอล ทั้งชื่อคน สถานที่ และอื่นๆ ที่เขาจะต้องประติดประต่อ คิดทบทวน ในขณะที่เวลาก็เดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ชวนให้หดหู่สิ้นหวัง พร้อมๆ กับไฟแช็ค แบ็ตมือถือ และอากาศที่เริ่มมอดลงเรื่อยๆ เรียกว่านอกจากหนังจะสร้างความอึดอัดให้กับคนดูด้วยพื้นที่ปิดที่แสนจะมืดและคับแคบแล้ว หนังยังกดประสาทคนดูด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดไปด้วยในอีกทางหนึ่ง
แต่ทีเด็ดทีขาดของหนังอยู่ที่บทสรุปหักมุมสุดท้ายของหนัง ที่ร็อดริโก้ คอร์เทส์ ได้มอบความเจ็บปวดสุดแสบสันต์ให้กับคนดูได้อย่างนึกไม่ถึง และก็ลึกล้ำจนน่าจะแยกความเข้าใจของคนดูออกได้เป็น 2 ระดับในความเห็นของ จขกท.
สำหรับคนที่ดูหนังแบบไม่จดจำอะไรนัก ก็จะเข้าใจตอนจบตามภาพที่เห็นในจอ ส่วนคนดูที่ช่างสังเกตหรือจดจำซักหน่อยก็จะได้ตอนจบที่ลึกลงไปกว่านั้น ซึ่งถูกซ่อนเงื่อนไว้แบบง่ายๆ แต่แยบยล ตีความออกมาแล้วน่าจะเทียบได้กับการถ่มน้ำลายรดหน้าเจ้าหน้ารัฐของอเมริกาเลยก็ว่าได้
คะแนน : สี่ดาว
เฉลยสำหรับคนที่ดูแล้วคิดว่าอาจตามหนังไม่ทัน แต่ถ้าตามทันก็ลองอ่านดูขำๆ ว่าตรงกันมั้ย ^^ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฝากกด like แฟนเพจด้วยจ้า http://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518