คนเรามีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน


เป็นกำลังใจให้คนต้นทุนน้อยทุก ๆ คนครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ทำธุรกิจนะคับ
AกับBขายไก่ทอด
Aขายไก่ทอดป้าต้อย
Bพ่อแม่มอบหุ้นส่วนKFCให้

ต่อให้Aขายไก่ทอดป้าต้อยอร่อยแค่ไหน แต่สุดท้ายเค้าก็ซื้อเคเอฟซีมากกว่าอยู่ดี Bเป็นคนมีอำนาจมากวันหนึ่งสั่งว่าประเทศสารขันห้ามขายไก่ทอด
สุดท้ายBมันก็ผูกขาดตลาดไก่ทอด กดค่าแรงกดต้นทุน เอาของเหลือมาแปรรูปแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นBวันๆก็แถบไม่ทำอะไรเพราะอยู่ในฐานะคนถือหุ้น
"ปล่อยให้เงินทำงานเอง" และต่อให้เกิดปัญหาแค่ไหนกำไรของบริษัทก็ไม่เคยลด ด้วยฝีมือของC และลูกน้องมากมายที่ทำงานดุจเครื่องจักรเพื่อรับเงินเดือนที่พอประทังชีวิตไปวันๆ กำไรต่างๆล้วนตกอยู่ที่Bจนรวยใช้กี่ชาติก็ไม่ไม่หมด

ส่วนAหลังจากไก่ทอดห้ามขายก็ต้องไปเป็นพนักงานในโรงงานBทำงานยังไงค่าแรงก็แทบไม่ขึ้นสุดท้ายAก็ติดเชื้อจากไก่แล้วก็ตายอย่างอนาจนักแล

ทุนนิยมนะคับ ผมขำมากพวกที่มองว่าขยันมากๆแล้วจะสู้เค้าไหว
สมมุตินะAเริ่มต้นเลเวลที่1 Bเลเวลเริ่มต้นที่30แถมมีบอทช่วยเก็บเวล ต่อให้Aพยายามแทบตายกว่าจะเวลขึ้นมาได้Bมันก็แซงไปไกลลิบแล้ว Bไม่ต้องทำอะไรแปปๆก็เวล99แล้ว ไม่ใช้เรื่องธุรกิจนะ ความฉลาด ด้วยผมรู้ดีคับ ในโรงเรียนมีเยอะพวกไม่ต้องพยายามอะไรเลยก็สอบได้อันดับต้นๆ
แต่ผมทำยังไงก็ไม่เก่งเท่ามันเลย

มโนภาพที่เค้าหลอกว่าขยันมากๆจะได้รวยๆมันก็แค่ล้างสมองให้เราทำงานหนักๆเพื่อให้ตัวมันรวยมากๆขึ้นไปอะแหละคับ
ความคิดเห็นที่ 34
ขอแสดงความเห็นต่างนะ

ถ้าดูในรูปดีๆ ผมว่า มันไม่ได้สื่อถึงการเริ่มต้นทำธุรกิจ แต่มันสื่อตรงๆกับการ "เริ่มต้นชีวิตทำงาน ไม่เชื่อลองดูดีๆ

ดังนั้น มันก็ชัดเจนแล้วว่า เค้านำเสนอต้นทุนเริ่มต้นทำงาน ที่ไม่เท่ากัน ไม่เกี่ยวกะการเริ่มต้นแข่งขันทางธุรกิจ

ผมไม่ใช่คนโลกสวย ชีวิตย่ำแย่ เริ่มต้นจุดสตาร์ทน้อยกว่าในรูปด้วยซ้ำ

แต่แทนที่จะยืนบริภาษด่าทอ บรรพบุรุษ/พ่อแม่ ว่า ดักดาน ทำไมไม่สร้างฐานะอะไรไว้ให้ ผมก็เริ่มคลานลากรถของผมไป พ่วงด้วยพ่อแม่ภาระ ต่างๆข้างหลัง เพื่อไปยังจุดเริ่มต้น ในขณะที่เพื่อนบางคน มันสตาร์ทลิ่วออกตัวเพราะพ่อมันขับรถไปส่ง ตอนเพื่อนทำกิจการไปไหนต่อไหน ผมก็เพิ่งถึงเส้นสตาร์ทแล้วก็เริ่มลากรถวิ่ง

ทุกวันนี้ ผมมีบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ มีรถที่ผ่อนหมดแล้ว 2 คัน ในขณะที่เพื่อนผม อาจจะรวยเป็นล้านๆ/สิบล้าน หรือธุรกิจฝืดเคือง ไม่อาจรู้ได้(ไม่ค่อยได้ติดต่อกันนานมากแล้ว) แต่ผมจะสนอะไร ในเมื่อถึงมันจะรวยร้อยล้าน หมื่นล้าน ชีวิตไปถึงดาวอังคาร แล้วไง??? มันไม่ใช่เงินผม

และถ้าคุณขายไก่ทอด กำไรวันละ สี่ห้าพันบาท คุณจะสนไม๊ว่า KFC เค้ากำไรเท่าไหร่ ผลประกอบการรายปี, ราคาหุ้น บลาๆๆ เท่าไหร่ ตราบใดที่คุณไม่ได้ถือหุ้นของเค้า ตราบใดที่เงินกำไรที่คุณมี มันบันดาลความสุขให้คุณได้ ดีกว่า มองน้ำลายหก เพราะยอดขาย KFC ปีละ หมื่นล้านเหรียญ ($11,833 M -2012) แต่ไม่ใช่เงินคุณ

ดูที่ภาพเค้าสื่อให้เข้าใจครับ เพราะแทนที่จะเป็นกำลังใจให้คุณสู้ คุณก็จะทำได้แค่ยืน ก่นด่า บรรพบุรุษตัวเอง (ที่ไม่สร้าทรัพย์สินไว้ให้) อยู่ตรงเส้นสตาร์ทนั่นแล
ความคิดเห็นที่ 17
ถูกครับ ต้นทุนชีวิตบางครั้งมันก็ไปไกลว่าคนอื่นนะครับ

คนมีต้นทุน พ่อแม่ซื้อบ้านให้ 2 ลบ. ไม่ต้องผ่อน
กับสร้างเอง 2 ลบ. ผ่อน 30 ปี
โดยทั้ง 2 แบบ เงินเดือนพอๆกัน

ผมว่ายังไงคนมีต้นทุน ก็ไปไกลว่าอยู่แล้ว ยากที่จะตามทันครับ
เพราะผมมองว่าส่วนใหญ่คนมีต้นทุนชีวิต มักมีปัญญา หรือการใช้ชีวิตที่ฉลาดเหมือนๆคนอื่นครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ทุนไม่เท่ากัน  แต่ ทัศนคติ มุมมอง ควรไปให้ไกลกว่ากัน

หลายคนเดี๋ยวนี้ ชอบมานั่งโอดควรญว่าเพราะทุนน้อย ทัศนคติติดลบ ไม่มองอะไรเลย เพราะมัวแต่จิตตก สรุปชีวิตก็อยู่กับที่

เหมือนที่เค้าบอกกันว่า  .......โอกาสมีอยู่เสมอ สำหรับคนที่มองเห็น

ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ยอมมองกัน
ความคิดเห็นที่ 10
คนต้นทุนสูง ถ้าคนขับ (พ่อ กะ แม่) ตายไปใครจะขับรถให้อ่ะ  พ่อแม่ทิ้งรถไว้ให้แต่ตัวเองไม่เคยขับ มีแต่เจ๊ง

คนต้นทุนต่ำ พ่อ กะ แม่ ตายไป ภาระที่มีกลับเบาลง หนทางเปิดกว้างเหมือนติดปีก ใช้ความรู้ปริญญาที่มีสร้างทุนต่อยอดให้ตัวเอง ให้ต้นทุนตัวเองสูง

                 สูงขึ้น

ของแบบนี้ เราดูที่จุดเริ่มต้นไม่ได้อ่ะ    เราต้องดูในระยะยาว หรือดูที่เส้นชัย ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ หัวเราะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต มนุษย์เงินเดือน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่