ขอตั้งกระทู้ตอบคุณทองรำไรนะครับ

อ้างถึงกระทู้เมื่อวานนี้นะครับ  
http://ppantip.com/topic/30476414/comment9-6
ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณทองรำไรก่อนนะครับที่มาอ้างอิงถึงทั้งที่ไม่ได้รู้จักสนิทสนมด้วย และขอชี้แจงว่าที่นำมาตั้งเป็นกระทู้อีกนี้ไม่ได้มีเจตนาต่อล้อต่อเถียงแต่อย่างใด
เพียงแต่ผมเห็นว่ามันเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองของไทยเราน่ะครับ
ซึ่งหากนำมาพิจารณากันดีๆ เราก็อาจหาสาเหตุของความขัดแย้งและแก้ไขกันได้

จากกระทู้เมื่อวานนั้น กว่าผมจะมีเวลากลับมาดูก็ตกไปนานแล้ว ที่ผมตอบกลับคุณทองรำไรไป ก็อาจ”ไม่ถึง”ก็ได้
หากทิ้งผ่านไปโดยไม่ใส่ใจ ไม่แคร์มันก็คงไม่ได้มีผลอะไรมากมาย
อย่างมากก็แค่มีคนรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าผมมากขึ้นแค่นั้นเอง ไม่ก็ได้ตำแหน่ง”สลิ่ม”มาประดับอีกตำแหน่งนึง
เป็นทั้งเสื้อแดงเป็นทั้งสลิ่มในเวลาเดียวกันเท่ห์ระเบิดเลย(เท่ห์จุงเบย??)
แต่เพราะผมมองเห็นความน่าสนใจบางจุดที่น่าจะเป็นประโยชน์ สมควรเอามาตอบชัดๆให้ได้เห็นกันเลยเอามาตั้งกระทู้ตอบคุณทองรำไรดีกว่า

จากกระทู้ที่อ้างถึงนี้ความจริงแล้วดูจะไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองโดยตรงเท่าไหร่ด้วยนะ
น่าจะเป็นความขัดแย้งส่วนบุคคลที่ผมไปเจือกแสดงความเห็นเองนั่นแหละ
แต่หากมองอีกแง่หนึ่งความขัดแย้งของบุคคลหรือกลุ่มในบอร์ดการเมืองมันก็คือ”การเมือง”นั่นแหละ
เมื่อมาทะเลาะกันบนเวทีสาธารณะ มันก็เป็นความขัดแย้งสาธารณะจริงมั๊ย?
ก็เลือกข้างเลือกฝ่ายกันตามอัธยาสัย
ผมได้ติดตามความขัดแย้งที่ที่เอามาโพสก์กันทุกวันของทั้งสองกลุ่มมานานแล้ว พอจะเข้าใจอารมณ์ของแต่ละคน
แต่เริ่มแรกก็แค่ความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน แขวะกันไปแขวะกันมา ลามปามไปเรื่องส่วนตัวก็มี
ผมว่าคนอื่นๆที่มาอ่านพบเห็นก็มีมากมาย ทางเลือกก็คือ
เลือกข้างเชียร์ไปเลยว่าเฮ้ยยังไงก็สีเดียวกัน
ไม่ก็มองผ่านๆไปอย่างรำคาญ ไม่อยากเข้าไปเจือกเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องธุระไม่ใช่
แต่ผมเลือกที่จะเจือก แต่ไม่เลือกข้าง???
และหากเป็นไปได้อยากจะช่วยลดความขัดแย้งที่มีนี้ลงแค่นั้นเองครับเพราะผมมองว่า
ความขัดแย้งอย่างนี้แหละที่เป็นรากเหง้าของความขัดแย้งระดับประเทศ
เคยถามตัวเองกันมั๊ยครับว่าจริงๆแล้วเนี่ย คนไทยเราทะเลาะกันเรื่องอะไร???
เพราะหากหาสาเหตุไม่ได้ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาได้ จริงมั๊ยครับ?

ที่คุณทองรำไรพ้อและถามผมว่า เวลาที่พวกคุณทองรำไร”โดนกระทำ” ทำไมผมไม่ไปตำหนิพวกที่กระทำบ้าง
ไปอยู่ที่ไหนมา ?
คำตอบก็คือ ก็อยู่ตรงนี้แหละครับ เฝ้าดูและมองเห็นเหมือนกับคนอื่นๆนั่นแหละ
ตำหนิก็เคยตำหนิจนโดนตอกกลับมาแรงๆเช่นกัน
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมถือเป็นอารมณ์เลือกข้างเชียร์ให้ถล่มกันให้สะใจหรอกนะครับ
และผมเชื่อว่ามีคนที่รู้สึกแบบเดียวกับผมไม่น้อยนะ แต่เค้าอาจเลือกที่จะนิ่งไม่ใส่ใจดีกว่า
ลงมาห้ามก็โดนด่าจากทั้งสองฝ่ายปล่าวๆ
อย่างเรื่องหยุมหยิมที่มีนั้นใครถูกใครผิด อันไหนดี หรือไม่ดี ก็รู้แก่ใจกันทั้งนั้น คงไม่ต้องให้ใครลงไปชี้อีก
เพราะมันล้วนแต่เป็น”จริยธรรมขั้นพื้นฐาณ”ที่ทุกคนนั้นน่าจะรู้โดยธรรมชาติอยู่แล้วเช่น
คนดีๆเค้าก็ไม่ทะเลาะกับคนบ้า
ผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะที่ดี ย่อมไม่มาทะเลาะแย่งขนมกับเด็ก
คนมีการศึกษาที่ดีจริงก็ไม่ใช้อารมณก้าวร้าวหยาบคายแสดงออกทางการเมือง
คนดีจริงก็ต้องรู้จักให้เกียรติกับคนอื่นก่อนถึงจะได้รับเกียรตินั้นมา
ฯลฯ
และที่สำคัญ หากตั้งใจอยากจะร่วมกันแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศเพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขจริงๆ
ก็ต้องช่วยกันทำ”เรื่องใหญ่” ให้มันเล็กลง ไม่ใช่ทำให้เรื่องเล็กๆหยุมหยิมให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
หากมาช่วยกันเติมไฟใส่ฟืนกันคนละนิดวันละหน่อย ไม่นานมันก็ลุกลามจนดับไม่ได้แน่ๆ

ปรากฏการณ์ที่เสื้อแดงเติบโตขึ้นอย่างปัจจุบันนี้ มันก็ผลจากการที่มีคนเห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องนี่แหละครับ
ถึงทำให้ประชาชนหันมาสนับสนุนกันมากขึ้น
ไม่ใช่เพราะคารมของแกนนำ  ไม่ใช่ว่าหลงไหลได้ปลื้มกับทักษิณ หรือว่าเพราะชื่นชมการตอบโต้ที่สะอก สะใจ


แท้จริงแล้วมันก็ผลจากการกระทำที่”ไม่ถูกต้อง”ของอีกฝ่ายนั่นแหละที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้เติบโต
ลองนึกดูสิครับ หากอีกฝ่ายหนึ่ง ระมัดระวังการกระทำ ผิดพลาดก็ยอมรับผิด ไม่ทำอะไรที่มันขัดกับความรู้สึกถูกต้องของคนทั่วไป เสื้อแดงจะได้โตอย่างนี้หรือ?
หรือไม่ก็ หากเสื้อแดงไปทำอะไรที่ไม่เข้าท่า เช่นใช้อารมณ์ตอบโต้อย่างย่ามใจว่าพวกตูเยอะกว่า
รับรองว่าแรงสนับสนุนหดหายแน่นอน

ที่ชี้ให้เห็นอย่างนี้ในความเห็นของผมนั้น”เสื้อแดง”น่าที่จะรู้สึกขอบใจอีกฝ่ายหนึ่งนะครับ ที่ขยันทำอะไรที่ไม่เข้าท่า
อย่างกรณีการกระทำหรือการแสดงออกที่ไม่เข้าท่าของบรรดากองเชียร์
ไม่ต้องร้องเรียนโวยวาย คนที่พบเห็นก็รู้ว่าใครทำดีไม่ดี
ก็อย่างที่บอกว่า น่าจะขอบใจที่พวกเค้าทำไปอย่างนั้นด้วยซ้ำเพราะหากยิ่งพวกคุณไม่ตอบโต้ไปด้วยอารมณ์พวกคุณก็ดูดีขึ้นมาตั้งเยอะแล้ว
แต่พอไปตอบโต้ด้วยอารมณ์ โอกาสที่จะพลั้งพลาดทำอะไรที่ไม่เข้าท่าก็มีมาก
”ภาพดีๆ”ที่คนเค้าจะเห็นก็จะมีตำหนิซะปล่าวๆ
จริงมั๊ยครับ?
ไปหยุมหยิมมีอารมณ์ทุกครั้งที่โดนยั่วยุ มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากอารมณ์ขุ่นมัว
อีกฝ่ายที่ยั่วยุเค้าก็สมหวังอีกต่างหากที่ทำให้เราอารมณ์เสียได้ สะอกสะใจกันไป
กรณีศึกษาอย่างที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ
การที่บรรดากองเชียร์ระดับ ”คนดัง”ดาหน้ากันออกมาใช้อารมณ์ด่านายกฯอย่างเสียๆหายๆนี่แหละครับ
ด่าแล้วได้อะไรขึ้นมานอกจากความสะใจ?
แต่สิ่งที่เสียไปก็คือ” ศรัทธา”ที่มีเหลืออยู่น้อยเต็มทีกับภาพลักษณ์”คนดี”ที่พยายามสร้างกัน
และหากทางนายกฯตอบโต้ไปด้วยความหยาบตามอารมณ์อย่างไม่น้อยหน้ากัน
ความเห็นใจและกำลังใจคงไม่เพิ่มขึ้นมากมายอย่างนี้จริงมั๊ยครับ?
กับฝ่าย”สลิ่ม”ก็เหมือนกัน
ผมไม่เชื่อหรอกครับ ว่าลึกๆแล้ว”สลิ่ม”ทุกคนจะเห็นดีเห็นงามไปกับทุกการกระทำของพวกตนที่ทำไม่ถูกต้อง

แต่เพราะอารมณ์ และความที่อยากจะเอาชนะให้ได้
จึงโดนอคติและความเกลียดชังมาบดบัง ”จริยธรรมขั้นพื้นฐาณ”ที่มีอยู่ไปเสีย
ทำให้พลาดพลั้งทำอะไรที่บั่นทอนศรัทธากันอย่างไม่ลืมหูลืมตา
สงครามความคิดทางการเมือง ตราบใดที่มองเห็นคนที่มีความคิดแตกต่างเป็นศัตรูก็ไม่มีวันได้ชัยชนะหรอกครับ
แต่หากเมื่อไหร่ที่คุณแคร์กับคนที่มีความคิดแตกต่าง พยายยามทำความเข้าใจกับเค้า
ชัยชนะก็อยู่แค่เอื้อมนี่เอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่