(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 4.1 มรดกรักฉบับพงษ์ชิษณุ เขียนโดย... กัลปังหา




กระทู้นิยายบทก่อนๆ

http://ppantip.com/topic/30447400
http://ppantip.com/topic/30448112
http://ppantip.com/topic/30452010
http://ppantip.com/topic/30456248
http://ppantip.com/topic/30461165
http://ppantip.com/topic/30470125

             ผมใช้เวลาในช่วงบ่ายซ้อมดนตรีกับวงของโจ้ผู้เป็นน้องชายเพื่อเล่นจริงในวันมาติกาบังสุกุล แม้แค่ 2 เพลงเพราะด้วยเวลาที่จำกัด ผมเลือกเพลง Sukiyaki ของ Kyu Sakamoto เป็นเพลงแรก เพลงๆ นี้เป็นเพลงโปรดอีกเพลงของแบงค์ เพลงๆ นี้มีหลากหลายเวอร์ชั่นทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ ภาษาไทยก็มีอายุของเพลงกว่า 50 ปีมาแล้วผมเลือกเวอร์ชั่นของวงBig Dady มาเล่น เพียงแค่ผมเคาะไม้ตีกลองเริ่มต้น ผมก็นึกถึงวันที่แบงค์หยิบยื่นเพลงๆ นี้ให้ผมฟัง
           วันนั้นเป็นเสาร์ยามเช้า อากาศยามเช้าที่แจ่มใสหลังจากที่เมื่อคืนฝนเทกระหน่ำลง เสาร์-อาทิตย์นี้แบงค์ไม่ได้กลับบ้านจึงเป็นโอกาสดีที่ผมได้ใกล้ชิดเขา ผมไปหาเขาที่ห้อง 5413 แต่ไม่พบแบงค์ที่ห้อง ผมเข้าใจว่าเขาคงจะไปหาพวกผู้หญิงที่หอ 3 จึงออกมาจากหอ 5 มุ่งหน้าไปหอ 3 แต่ก็มาเจอแบงค์ตรงโต๊ะหินระหว่างหอ 4 และหอ 5 เขานั่งเขียนนิยายและเสียบหูฟัง ฟังเพลงจากเครื่องเล่น mp 3 ขนาดพกพาอย่างที่ผมเคยเห็น
             “อรุณสวัสดิ์เพื่อนแบงค์” ผมเอ่ยทักทายโดยที่ต้องลุ้นว่าเขาจะได้ยินไหม แต่ปกติแล้วแบงค์ไม่เปิดเพลงดังจนกลบเสียงรอบๆ ตัวหมด
             “จะใช้คำว่าอรุณสวัสดิ์ตอนเก้าโมง มันคงจะไม่เหมาะมั้ง” แบงค์พูดโยกโย้จะถือว่าเป็นคำทักทายตอบของเขาก็ได้ สายตาของเขาไม่ได้จ้องมองผม แบงค์จดจ่ออยู่กับตัวอักษรทุกตัวที่เขาขีดเขียนอยู่
             “ฟังเพลงอะไรนะ ฟ้งด้วยได้ปะ?”
             “เพลง Sukiyaki นานมากแล้ว” แบงค์ถอดหูฟังข้างหนึ่งยื่นมาให้ผม
             (กรุณาคลิกฟังเพลงในคลิปข้างบนเพื่อได้อรรถรสในการอ่าน)
             
              “เป็นเพลงญี่ปุ่นเหรอ? ทำนองมันคลาสสิกดี แล้วความหมายล่ะ เกี่ยวข้องกับหมูเห็ดเป็ดไก่ที่ลงหม้อสุกี้หรือเปล่า?” ผมถาม อย่างว่าชื่อของเพลงก็ทำให้ผมนึกอาหารลวกๆ ต้มๆ ในภัตตาคารชื่อดัง
              “ไม่ใช่เลยเจฟ ชื่อเพลงจริงๆ น่ะถ้าแปลเป็นไทยก็มีความหมายว่า ‘ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้าเมื่อฉันเดิน’ เพลงนี้พอไปเปิดที่อเมริกาเลยต้องเปลี่ยนชื่อให้จำง่ายเลยใช้ชื่อ Sukiyaki เนื้อหาเป็นอย่างนี้...”

ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลริน
ยากจะทำใจเมื่อเราสองต้องเลิกรากันไกล
ยังไม่เคยลืมเลือนดอกไม้ที่ผลิบาน
แต่คืนนี้ฉันอยู่เพียงลำพัง
ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้านับดวงดาวอย่างพร่าเลือน
น้ำตาเอ่อล้นแต่ไม่มีเธอคอยซับน้ำตา
มิอาจลืมได้ลงวันแสนสุขกลางฤดูร้อน
แต่ค่ำคืนนี้ช่างแสนเดียวดาย
ความสุขสบายใจถูกฝังเหนือเมฆขาว
ความสุขรื่นเริงใจถูกฝังเหนือท้องนภา
ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้าแม้ว่าใจฉันจะเศร้าตรม
ถึงใจฉันนั้นจะปวดร้าวเพราะพิษรักของเธอ
แต่ก็ยังจำความรักที่ร่วงหล่นหาย
แต่คืนนี้ฉันไม่มีเธออีกแล้ว
(เสียงผิวปาก)
ระลึกถึงวันสุขใจที่ร่วงหล่นหาย
แม้ว่าคืนนี้ไร้ซึ่งเงาเธอ
ความเศร้าโศกความช้ำแอบอยู่หลังเงาดาวเหนือ
ความทุกข์ความผิดหวังแอบอยู่หลังพระจันทร์
ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลริน
ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อนึกถึงเธออันเป็นที่รัก
เขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อให้เธอได้ยินฉัน
กลับมาซับน้ำตาในคืนที่เดียวดาย
(เสียงผิวปาก)



             “แปลเองหรือเปล่า ใช้ได้เลยทีเดียว” ผมทึ่งในความสามารถของเขาแล้วมันยอดเยี่ยมจริงๆ
             “แปลเองสิ แต่ฝีมือเรายังไม่เข้าขั้นหรอกนะ” แบงค์เก็บของทั้งหมดลงย่ามผ้าดิบสกรีนลายช่อศรีตรังสีม่วง “ไปกินข้าวเช้ากันดีกว่า พอกินเสร็จไปทิ้งเราไว้ที่หอบรรณสารสนเทศ เข้าออฟฟิศลุยงานต่อ” ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่