หลังจากพ่ายแพ้ความต้องการของตัวเอง ด้วยการเสิร์ชรูปและบทสัมภาษณ์เจมส์จิจนไม่ได้ทำงาน
เราก็ได้อ่านอันนี้มา (ใครได้อ่านแล้ว ขอโทษด้วยนะถ้าซ้ำ)
ขออนุญาตแปะนะ นะ
ที่มา :
http://women.kapook.com/view59901.html
"เจมส์ จิรายุ" 24 ชม. เปลี่ยนชีวิต (ภาพยนตร์บันเทิง)
เรื่อง : Little Smile
ซีรีส์ "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ออกอากาศแล้ว ซึ่งก็ทำเอาสาว ๆ ช่างฝันอยากเป็นหนึ่งใน 5 สาวที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดคุณชายทั้ง 5 วันนี้ ภาพยนตร์บันเทิง เชิญคุณชายที่ 3 "คุณชายพุฒิภัทร" ศัลยแพทย์หนุ่ม ซึ่งรับบทโดยนักแสดงน้องใหม่ "เจมส์" จิรายุ ตั้งศรีสุข มานั่งคุยกันซึ่งนั่นทำให้ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มจากเมืองพิจิตรคนนี้ มีอะไรมากมายที่น่าค้นหา เขาเปลี่ยนชีวิตตัวเองในเวลาเพียง 24 ชม. เพื่อตัดสินใจเข้ามาอยู่ในวงการนี้
เส้นทางของ เจมส์ จิรายุ
เจมส์ จิรายุ : การเข้าวงการจริง ๆ คือเข้ามาจาก พี่ปิ๊ก ชาญฉลาด ครับเป็นผู้ดูแล พาผมมาแคสงาน ซึ่งพี่เขาเห็นผมจากเฟซบุ๊กครับ แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็มาหาผมที่บ้านเลย มาเจอกับพ่อและแม่ บอกตรง ๆ ว่าตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะทุกอย่างมันเร็วมาก ซึ่งตอนนั้นพี่เขาเห็นเขาก็พยายามหาเบอร์โทรศัพท์ แล้วก็หาเบอร์คุณพ่อผมจนได้ แล้วก็โทร.มาคุยช่วงเย็นประมาณ 5 - 6 โมงได้ ซึ่งบ้านผมอยู่พิจิตร แต่พี่เขาอยู่กรุงเทพฯ พี่เขาบอกว่าเขาจะมาหา พ่อก็บอกว่าหลังสงกรานต์ (ปีที่แล้ว) ค่อยมาเจอกันไหม แต่พี่เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาหา แล้วก็มาจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านผมอยู่ตรงไหนของพิจิตร แต่พี่เขามาหาจนเจอ ตอนพี่เขามาผมก็งง ซึ่งพี่เขาก็มาขอกับพ่อ เรียกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นภายใน 24 ชม.จริง ๆ ครับ
24 ชม. นั้นทำชีวิตเจมส์เปลี่ยนไปขนาดไหนคะ
เจมส์ จิรายุ : เปลี่ยนไหม ถือว่าเปลี่ยนมากเหมือนกันครับ เพราะมีโอกาสช่วงแรกจะเรียกว่าเพิ่งได้โอกาสเข้ามาในวงการดีกว่า พอถึงตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก จากวันแรกที่เจอที่เขา ตอนนี้ก็ 8 เดือน ผมได้มาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เพราะผมเป็นเด็กต่างจังหวัด การได้มากรุงเทพฯ ได้มาเรียนรู้ว่าชีวิตคนกรุงเทพฯ เป็นอย่างไร มันน่าดีใจนะ ซึ่งผมเองก็ตั้งใจอยากมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว และก็อยากทำงานด้วย ซึ่งตอนนี้เรียกว่าได้ทั้งสองอย่างพร้อมกันเรียกว่าดีครับ
ชีวิตที่พิจิตรเป็นอย่างไรบ้าง
เจมส์ จิรายุ : บ้านผมอยู่ในตลาดครับ ตลาดสดเทศบาล 2 อยู่กลางตลาดเป็นศึกษาแถวห้องเดียวขายเสื้อผ้า เรียนที่ รร.พิจิตรวิทยาคม มีกลุ่มเพื่อนเฮ้ว ๆ กันหน่อย ซึ่งสมัยเรียนเนี่ยผมก็เล่นดนตรีตั้งวงกับเพื่อน คือมันเท่นะ ผมก็ได้ตั้งวง ตัวผมเล่นเบส จริง ๆ เล่นได้หลายชิ้นครับ อยู่ที่นั่นนอกจากเล่นดนตรีก็ไม่มีอะไรเพราะไม่มีห้างฯ แต่วัยรุ่นที่นั่นช่วงเย็นจะฮิตกันมากคือไปสนามกีฬา สนามฟุตบอลครับ ไปนั่งคุย เดินเล่น ออกกำลังกาย ที่นั่นเนี่ย 2 ทุ่มก็ปิดบ้านนอนหมดแล้วครับ เงียบมาก แต่มาอยู่นี่ 2 ทุ่ม เฮ้ย เขาเพิ่งออกจากบ้านกันเหรอ แรก ๆ มาอยู่กรุงเทพฯ ก็มึน ๆ นะครับว่าคนกรุงเทพฯ เขาไม่นอนกันเหรอ คือยิ่งดึกยิ่งคึกคักนะ (หัวเราะ)
ก่อนมาทำงานถามจริง ๆ ไม่เคยมาเที่ยวกรุงเทพฯ เลยเหรอ
เจมส์ จิรายุ : ก็มีเข้ามาครับ แต่ไม่ได้มาค้างเป็นกิจจะ คือบ้านผมขายเสื้อผ้าก็จะมารับเสื้อผ้าที่กรุงเทพฯ มาก็ซื้อของกลับบ้านไม่ได้มาเที่ยว ค้างแค่คืนเดียวก็กลับบ้านแล้ว ไม่ได้มาอยู่ ไม่ได้มาจริงจังครับ
ความตื่นเต้นที่ได้มากรุงเทพฯ ในวันแรก ๆ
เจมส์ จิรายุ : ช่วงแรกคุณพ่อมาอยู่ด้วยครับ แม่ก็ขายของอยู่บ้าน มาอยู่ 2-3 อาทิตย์ก็กลับ คือพอจะดูแลตัวเองได้ ซึ่งผมเองมีเป้านะว่าถ้ามากรุงเทพฯ ก็อยากไปไหนมาไหน แรก ๆ เนี่ยขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่เป็น ขึ้นรถเมล์ก็ไม่เป็น แท็กซี่ก็ไม่กล้าขึ้น แต่ที่ผมพักเนี่ยใกล้กับเซ็นทรัลลาดพร้าว ประมาณกิโลนึง ตกเย็นไม่รู้จะกินข้าวที่ไหน ผมก็จะเดินจากที่พักผมเนี่ยล่ะไปเซ็นทรัลลาดพร้าวทุกวันไม่ใช่ขยันแต่ผมไปไหนไม่เป็น แล้วก็ค่อย ๆ สังเกตว่าเขาไปยังไง สักพัก พี่ปิ๊ก รู้เขาก็ค่อย ๆ ฝึก พาขึ้นรถไฟจากใต้ดินไปลอยฟ้าบ้าง เราก็ดูโน่นนี่นั่น คือผมขึ้นไม่เป็นอะบัตรขึ้นรถไฟฟ้า
จะว่าไปก่อนเจมส์จะเข้าวงการอย่างเต็มตัวแบบนี้ ในอินสตาแกรมเจมส์ก็แฟนคลับนับหมื่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยมีผลงานเลย
เจมส์ จิรายุ : ในตอนนี้ ถ้าในอินสตาแกรมประมาณหมื่น 3 ส่วนเฟซบุ๊กผมยังไม่มีแบบจริงจัง แต่ก็มีที่แฟนคลับทำให้อันนั้นประมาณ 6,000 ครับ ผมก็ดีใจนะครับ แต่ก็งง ๆ เพราะว่าผมยังไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยในตอนนั้น ซึ่งในอินสตาแกรมแรก ๆ มีคนฟอลโลอยู่ 700 แต่พออยู่กรุงเทพฯ ขยับขึ้นมาหมื่น 3 ก็งง แล้วก็มีแฟนคลับมาที่กองละครบ้าง มาเซอร์ไพรส์วันเกิด เจอที่ห้างฯ มาขอถ่ายรูปบ้าง
เคยถามเขาไหมคะว่ารู้จักเราจากไหน
เจมส์ จิรายุ : นั่นสิครับ ผมก็ไม่เคยถามเหมือนกัน แต่เขาจะบอกว่าเห็นเราจากการโปรโมท "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ในช่วงแรกครับ เขาก็เลยพยายามทำเฟซบุ๊กทำโน่นนี่นั่นให้ เป็นอะไรที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเร็วขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นละครยังไม่ทันออกเลย
จากเด็กในตลาด แล้วมาเป็นคุณชายได้อย่างไรคะ
เจมส์ จิรายุ : พี่ปิ๊ก แหละครับ พี่เขาพามาแคสที่ช่อง 3 ทางผู้ใหญ่ของช่องเห็นก็เลยให้มาลองแคสบทนี้อีกทีครับ กับบท พุฒิภัทร เป็นสิ่งท้าทายมากในชีวิตผมที่เจอมา แล้วก็เป็นซีรีส์ที่เขาโปรโมท เยอะมาก ซึ่งผมเองยังไม่เคยเล่นละครมาเลย ผมได้เห็นดารารุ่นใหญ่ ๆ มาเยอะหมดเลย มันยิ่งใหญ่มาก แล้วบทต้องเป็นทั้งคุณชายเป็นคุณหมออีก ผมก็พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ที่สุดครับ
แรงกดดันทำให้ทำงานง่ายขึ้นไหมเนี่ย
เจมส์ จิรายุ : (ยิ้ม) มันก็ยากอยู่นะครับ แต่โชคดีที่ในกอง ป้าแจ๋ว เป็นผู้กำกับฯ ครับ ป้าแจ๋วจะเคี่ยวผมมาก เพราะป้าแจ๋วจะบอกเสมอว่าเวลาผมไปเล่นของกองอื่น อย่าไปทำให้เป็นตัวถ่วงของกองอื่น คือป้าแจ๋วจะเคี่ยวเรา ด่าเราตลอด เคยมีชนิดที่แบบ ขอโทษนะครับ คือมันหยาบนิดนึง ป้าแจ๋วบอกว่า บทแค่นี้ก็จำไม่ได้เหรอไอควา...(หัวเราะ) แล้วด่าออกวอผมงี้ซึ้งน้ำตาไหลเลยนะ แต่นั่นเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขที่ผมได้เจอ ซึ่งผมพยายามทำเต็มที่ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำ ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกของป้าแจ๋ว ป้าแจ๋วอยากให้ผมทำได้
แหม...ถึงจะด่าเจมส์อย่างนั้น พี่ก็เห็นไอจีป้าแจ๋วกอดเจมส์ทุกทีนะ
เจมส์ จิรายุ : (หัวเราะ) ครับ ผมสารภาพนะว่าแรก ๆ น่ะกลัว ป้าแจ๋ว มากครับ เพราะป้าแจ๋วขึ้นชื่อว่าชอบดุดาราใหม่ โวยวาย แต่พอรู้จักกันจริง ๆ ป้าแจ๋วรักเรานะครับ และที่ทำเพราะพยายามสอนเราตลอด ผมมองว่าเป็นวิธีสอนให้เราพยายามมากขึ้น ซึ่งก่อนที่เขาจะด่าเราวันนั้น จำได้ว่ามันเป็นซีนท้ายแล้ว มันจะ 4 ทุ่มแล้วคือมันควรจะเสร็จกลับบ้านกันได้แล้ว แต่เรายังไม่ได้ ป้าแจ๋วถึงขึ้น ซึ่งทุกอย่างผมรู้นะว่าป้าแจ๋วรักเรา
ท้อบ้างไหม
เจมส์ จิรายุ : แรก ๆ ท้อสิครับ เพราะว่าทำไมเราทำไม่ได้สักที ก่อนจะมาเล่นผมก็ได้ไปเรียนการแสดงมาแล้วกับ ครูเงาะ และ หม่อมน้อย แต่เป็นคอร์สระยะสั้น ครูเงาะ 5 วัน วันละ 2-3 ชม. แล้วก็มาถ่ายจริง ๆ เลย ซึ่งมันรวบรัดมาก แต่ผมก็พยายามนะ หลัง ๆ ก็เริ่มเข้าใจ
เสน่ห์ของงานละครในสายตาของเจมส์หลังจากที่ได้สัมผัสคืออะไร
เจมส์ จิรายุ : ผมว่าน่าจะเป็นภาพรวมเกี่ยวกับงานมากกว่าครับ ผมชอบมองคนเบื้องหลังมากครับ คือพี่ ๆ ทุกคนที่ทำเบื้องหลังเก่งและน่ารักมาก และทุกคนก็นิสัยดีมาก ผมได้เห็นเสน่ห์คือการได้ทำงานกับคนหมู่มากแล้วเห็นทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตั้งใจ นั่นทำให้ผมต้องรู้ตัวว่าผมเองก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเหมือนกันเพราะงานละครเป็นงานที่ทำร่วมกันหลายคน ถ้าทุกคนตั้งใจมันก็ออกมาดี
มองย้อนกลับไปวันนี้รู้สึกอย่างไรคะ ที่ตัดสินใจเก็บกระเป๋าเข้ากรุงเทพฯ วันนั้น
เจมส์ จิรายุ : ดีใจครับ ดีใจที่เราได้ทำงานตรงนี้ ได้เห็นอะไรในมุมนี้ ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสผมมาอยู่ตรงนี้ ในส่วนของงานผมเองไม่ได้ตั้งเป้าว่าเราจะไปถึงจุดไหน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ผมอยากทำละครแล้วให้คนที่ดูมีความสุข เพราะตัวผมเองเป็นคนชอบดูหนังนะ แล้วเวลาดูผมจะมองไปที่ตัวละครว่าเขาให้แง่คิดอะไรกลับมาถึงตัวเราบ้าง ซึ่งวันนี้ผมเองได้เป็นนักแสดงแล้ว ผมก็อยากทำให้คนดูได้รู้ถึงสิ่งที่ตัวละครของผม ในแต่ละบทสื่อออกมาถึงคนดูได้ ว่าผมคิดและอยากนำเสนออะไร
ฝากไปถึงแฟน ๆ กันหน่อยค่ะ
เจมส์ จิรายุ : ละครออนแอร์แล้วนะครับ ฝากแฟน ๆ ที่ติดตามชมซีรีส์ "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ทุกตอนด้วยนะครับ ในตอน "คุณชายพุฒิภัทร์" ด้วยนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
หนังสือภาพยนตร์บันเทิง ปีที่ 39 วันที่ 3-16 เมษายน 2556 Vol.1851
+++++++++++++++++++
เราว่าเจมส์จิซื่อๆ มากอ่ะ (แม้สายตาลิงน้อยจะไม่ค่อยซื่อก็ตาม โดยเฉพาะตอนมองนางสาวศรีสยาม)
ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้า นั่งรถเมล์ไม่เป็น ไม่เคยมาค้างอ้างแรมที่กรุงเทพเป็นกิจลักษณะ โดนป้าแจ๋วด่าไอควา...อะไรๆ ก็บอกมาตรงๆ เลย
ดูน้องเค้าภาคภูมิใจกับความเป็นตัวเองมากๆ เลยอ่ะ ใสมาก ดูจริงใจ หายากนะเนี่ย
พรุ่งนี้แล้วสินะ....เฮ้ออออออ มีความสุข
ไปนอนละ...
เสน่ห์ของเจมส์จิ
เราก็ได้อ่านอันนี้มา (ใครได้อ่านแล้ว ขอโทษด้วยนะถ้าซ้ำ)
ขออนุญาตแปะนะ นะ
ที่มา : http://women.kapook.com/view59901.html
"เจมส์ จิรายุ" 24 ชม. เปลี่ยนชีวิต (ภาพยนตร์บันเทิง)
เรื่อง : Little Smile
ซีรีส์ "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ออกอากาศแล้ว ซึ่งก็ทำเอาสาว ๆ ช่างฝันอยากเป็นหนึ่งใน 5 สาวที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดคุณชายทั้ง 5 วันนี้ ภาพยนตร์บันเทิง เชิญคุณชายที่ 3 "คุณชายพุฒิภัทร" ศัลยแพทย์หนุ่ม ซึ่งรับบทโดยนักแสดงน้องใหม่ "เจมส์" จิรายุ ตั้งศรีสุข มานั่งคุยกันซึ่งนั่นทำให้ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มจากเมืองพิจิตรคนนี้ มีอะไรมากมายที่น่าค้นหา เขาเปลี่ยนชีวิตตัวเองในเวลาเพียง 24 ชม. เพื่อตัดสินใจเข้ามาอยู่ในวงการนี้
เส้นทางของ เจมส์ จิรายุ
เจมส์ จิรายุ : การเข้าวงการจริง ๆ คือเข้ามาจาก พี่ปิ๊ก ชาญฉลาด ครับเป็นผู้ดูแล พาผมมาแคสงาน ซึ่งพี่เขาเห็นผมจากเฟซบุ๊กครับ แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็มาหาผมที่บ้านเลย มาเจอกับพ่อและแม่ บอกตรง ๆ ว่าตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะทุกอย่างมันเร็วมาก ซึ่งตอนนั้นพี่เขาเห็นเขาก็พยายามหาเบอร์โทรศัพท์ แล้วก็หาเบอร์คุณพ่อผมจนได้ แล้วก็โทร.มาคุยช่วงเย็นประมาณ 5 - 6 โมงได้ ซึ่งบ้านผมอยู่พิจิตร แต่พี่เขาอยู่กรุงเทพฯ พี่เขาบอกว่าเขาจะมาหา พ่อก็บอกว่าหลังสงกรานต์ (ปีที่แล้ว) ค่อยมาเจอกันไหม แต่พี่เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาหา แล้วก็มาจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านผมอยู่ตรงไหนของพิจิตร แต่พี่เขามาหาจนเจอ ตอนพี่เขามาผมก็งง ซึ่งพี่เขาก็มาขอกับพ่อ เรียกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นภายใน 24 ชม.จริง ๆ ครับ
24 ชม. นั้นทำชีวิตเจมส์เปลี่ยนไปขนาดไหนคะ
เจมส์ จิรายุ : เปลี่ยนไหม ถือว่าเปลี่ยนมากเหมือนกันครับ เพราะมีโอกาสช่วงแรกจะเรียกว่าเพิ่งได้โอกาสเข้ามาในวงการดีกว่า พอถึงตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก จากวันแรกที่เจอที่เขา ตอนนี้ก็ 8 เดือน ผมได้มาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เพราะผมเป็นเด็กต่างจังหวัด การได้มากรุงเทพฯ ได้มาเรียนรู้ว่าชีวิตคนกรุงเทพฯ เป็นอย่างไร มันน่าดีใจนะ ซึ่งผมเองก็ตั้งใจอยากมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว และก็อยากทำงานด้วย ซึ่งตอนนี้เรียกว่าได้ทั้งสองอย่างพร้อมกันเรียกว่าดีครับ
ชีวิตที่พิจิตรเป็นอย่างไรบ้าง
เจมส์ จิรายุ : บ้านผมอยู่ในตลาดครับ ตลาดสดเทศบาล 2 อยู่กลางตลาดเป็นศึกษาแถวห้องเดียวขายเสื้อผ้า เรียนที่ รร.พิจิตรวิทยาคม มีกลุ่มเพื่อนเฮ้ว ๆ กันหน่อย ซึ่งสมัยเรียนเนี่ยผมก็เล่นดนตรีตั้งวงกับเพื่อน คือมันเท่นะ ผมก็ได้ตั้งวง ตัวผมเล่นเบส จริง ๆ เล่นได้หลายชิ้นครับ อยู่ที่นั่นนอกจากเล่นดนตรีก็ไม่มีอะไรเพราะไม่มีห้างฯ แต่วัยรุ่นที่นั่นช่วงเย็นจะฮิตกันมากคือไปสนามกีฬา สนามฟุตบอลครับ ไปนั่งคุย เดินเล่น ออกกำลังกาย ที่นั่นเนี่ย 2 ทุ่มก็ปิดบ้านนอนหมดแล้วครับ เงียบมาก แต่มาอยู่นี่ 2 ทุ่ม เฮ้ย เขาเพิ่งออกจากบ้านกันเหรอ แรก ๆ มาอยู่กรุงเทพฯ ก็มึน ๆ นะครับว่าคนกรุงเทพฯ เขาไม่นอนกันเหรอ คือยิ่งดึกยิ่งคึกคักนะ (หัวเราะ)
ก่อนมาทำงานถามจริง ๆ ไม่เคยมาเที่ยวกรุงเทพฯ เลยเหรอ
เจมส์ จิรายุ : ก็มีเข้ามาครับ แต่ไม่ได้มาค้างเป็นกิจจะ คือบ้านผมขายเสื้อผ้าก็จะมารับเสื้อผ้าที่กรุงเทพฯ มาก็ซื้อของกลับบ้านไม่ได้มาเที่ยว ค้างแค่คืนเดียวก็กลับบ้านแล้ว ไม่ได้มาอยู่ ไม่ได้มาจริงจังครับ
ความตื่นเต้นที่ได้มากรุงเทพฯ ในวันแรก ๆ
เจมส์ จิรายุ : ช่วงแรกคุณพ่อมาอยู่ด้วยครับ แม่ก็ขายของอยู่บ้าน มาอยู่ 2-3 อาทิตย์ก็กลับ คือพอจะดูแลตัวเองได้ ซึ่งผมเองมีเป้านะว่าถ้ามากรุงเทพฯ ก็อยากไปไหนมาไหน แรก ๆ เนี่ยขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่เป็น ขึ้นรถเมล์ก็ไม่เป็น แท็กซี่ก็ไม่กล้าขึ้น แต่ที่ผมพักเนี่ยใกล้กับเซ็นทรัลลาดพร้าว ประมาณกิโลนึง ตกเย็นไม่รู้จะกินข้าวที่ไหน ผมก็จะเดินจากที่พักผมเนี่ยล่ะไปเซ็นทรัลลาดพร้าวทุกวันไม่ใช่ขยันแต่ผมไปไหนไม่เป็น แล้วก็ค่อย ๆ สังเกตว่าเขาไปยังไง สักพัก พี่ปิ๊ก รู้เขาก็ค่อย ๆ ฝึก พาขึ้นรถไฟจากใต้ดินไปลอยฟ้าบ้าง เราก็ดูโน่นนี่นั่น คือผมขึ้นไม่เป็นอะบัตรขึ้นรถไฟฟ้า
จะว่าไปก่อนเจมส์จะเข้าวงการอย่างเต็มตัวแบบนี้ ในอินสตาแกรมเจมส์ก็แฟนคลับนับหมื่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยมีผลงานเลย
เจมส์ จิรายุ : ในตอนนี้ ถ้าในอินสตาแกรมประมาณหมื่น 3 ส่วนเฟซบุ๊กผมยังไม่มีแบบจริงจัง แต่ก็มีที่แฟนคลับทำให้อันนั้นประมาณ 6,000 ครับ ผมก็ดีใจนะครับ แต่ก็งง ๆ เพราะว่าผมยังไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยในตอนนั้น ซึ่งในอินสตาแกรมแรก ๆ มีคนฟอลโลอยู่ 700 แต่พออยู่กรุงเทพฯ ขยับขึ้นมาหมื่น 3 ก็งง แล้วก็มีแฟนคลับมาที่กองละครบ้าง มาเซอร์ไพรส์วันเกิด เจอที่ห้างฯ มาขอถ่ายรูปบ้าง
เคยถามเขาไหมคะว่ารู้จักเราจากไหน
เจมส์ จิรายุ : นั่นสิครับ ผมก็ไม่เคยถามเหมือนกัน แต่เขาจะบอกว่าเห็นเราจากการโปรโมท "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ในช่วงแรกครับ เขาก็เลยพยายามทำเฟซบุ๊กทำโน่นนี่นั่นให้ เป็นอะไรที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเร็วขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นละครยังไม่ทันออกเลย
จากเด็กในตลาด แล้วมาเป็นคุณชายได้อย่างไรคะ
เจมส์ จิรายุ : พี่ปิ๊ก แหละครับ พี่เขาพามาแคสที่ช่อง 3 ทางผู้ใหญ่ของช่องเห็นก็เลยให้มาลองแคสบทนี้อีกทีครับ กับบท พุฒิภัทร เป็นสิ่งท้าทายมากในชีวิตผมที่เจอมา แล้วก็เป็นซีรีส์ที่เขาโปรโมท เยอะมาก ซึ่งผมเองยังไม่เคยเล่นละครมาเลย ผมได้เห็นดารารุ่นใหญ่ ๆ มาเยอะหมดเลย มันยิ่งใหญ่มาก แล้วบทต้องเป็นทั้งคุณชายเป็นคุณหมออีก ผมก็พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ที่สุดครับ
แรงกดดันทำให้ทำงานง่ายขึ้นไหมเนี่ย
เจมส์ จิรายุ : (ยิ้ม) มันก็ยากอยู่นะครับ แต่โชคดีที่ในกอง ป้าแจ๋ว เป็นผู้กำกับฯ ครับ ป้าแจ๋วจะเคี่ยวผมมาก เพราะป้าแจ๋วจะบอกเสมอว่าเวลาผมไปเล่นของกองอื่น อย่าไปทำให้เป็นตัวถ่วงของกองอื่น คือป้าแจ๋วจะเคี่ยวเรา ด่าเราตลอด เคยมีชนิดที่แบบ ขอโทษนะครับ คือมันหยาบนิดนึง ป้าแจ๋วบอกว่า บทแค่นี้ก็จำไม่ได้เหรอไอควา...(หัวเราะ) แล้วด่าออกวอผมงี้ซึ้งน้ำตาไหลเลยนะ แต่นั่นเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขที่ผมได้เจอ ซึ่งผมพยายามทำเต็มที่ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำ ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกของป้าแจ๋ว ป้าแจ๋วอยากให้ผมทำได้
แหม...ถึงจะด่าเจมส์อย่างนั้น พี่ก็เห็นไอจีป้าแจ๋วกอดเจมส์ทุกทีนะ
เจมส์ จิรายุ : (หัวเราะ) ครับ ผมสารภาพนะว่าแรก ๆ น่ะกลัว ป้าแจ๋ว มากครับ เพราะป้าแจ๋วขึ้นชื่อว่าชอบดุดาราใหม่ โวยวาย แต่พอรู้จักกันจริง ๆ ป้าแจ๋วรักเรานะครับ และที่ทำเพราะพยายามสอนเราตลอด ผมมองว่าเป็นวิธีสอนให้เราพยายามมากขึ้น ซึ่งก่อนที่เขาจะด่าเราวันนั้น จำได้ว่ามันเป็นซีนท้ายแล้ว มันจะ 4 ทุ่มแล้วคือมันควรจะเสร็จกลับบ้านกันได้แล้ว แต่เรายังไม่ได้ ป้าแจ๋วถึงขึ้น ซึ่งทุกอย่างผมรู้นะว่าป้าแจ๋วรักเรา
ท้อบ้างไหม
เจมส์ จิรายุ : แรก ๆ ท้อสิครับ เพราะว่าทำไมเราทำไม่ได้สักที ก่อนจะมาเล่นผมก็ได้ไปเรียนการแสดงมาแล้วกับ ครูเงาะ และ หม่อมน้อย แต่เป็นคอร์สระยะสั้น ครูเงาะ 5 วัน วันละ 2-3 ชม. แล้วก็มาถ่ายจริง ๆ เลย ซึ่งมันรวบรัดมาก แต่ผมก็พยายามนะ หลัง ๆ ก็เริ่มเข้าใจ
เสน่ห์ของงานละครในสายตาของเจมส์หลังจากที่ได้สัมผัสคืออะไร
เจมส์ จิรายุ : ผมว่าน่าจะเป็นภาพรวมเกี่ยวกับงานมากกว่าครับ ผมชอบมองคนเบื้องหลังมากครับ คือพี่ ๆ ทุกคนที่ทำเบื้องหลังเก่งและน่ารักมาก และทุกคนก็นิสัยดีมาก ผมได้เห็นเสน่ห์คือการได้ทำงานกับคนหมู่มากแล้วเห็นทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตั้งใจ นั่นทำให้ผมต้องรู้ตัวว่าผมเองก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเหมือนกันเพราะงานละครเป็นงานที่ทำร่วมกันหลายคน ถ้าทุกคนตั้งใจมันก็ออกมาดี
มองย้อนกลับไปวันนี้รู้สึกอย่างไรคะ ที่ตัดสินใจเก็บกระเป๋าเข้ากรุงเทพฯ วันนั้น
เจมส์ จิรายุ : ดีใจครับ ดีใจที่เราได้ทำงานตรงนี้ ได้เห็นอะไรในมุมนี้ ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสผมมาอยู่ตรงนี้ ในส่วนของงานผมเองไม่ได้ตั้งเป้าว่าเราจะไปถึงจุดไหน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ผมอยากทำละครแล้วให้คนที่ดูมีความสุข เพราะตัวผมเองเป็นคนชอบดูหนังนะ แล้วเวลาดูผมจะมองไปที่ตัวละครว่าเขาให้แง่คิดอะไรกลับมาถึงตัวเราบ้าง ซึ่งวันนี้ผมเองได้เป็นนักแสดงแล้ว ผมก็อยากทำให้คนดูได้รู้ถึงสิ่งที่ตัวละครของผม ในแต่ละบทสื่อออกมาถึงคนดูได้ ว่าผมคิดและอยากนำเสนออะไร
ฝากไปถึงแฟน ๆ กันหน่อยค่ะ
เจมส์ จิรายุ : ละครออนแอร์แล้วนะครับ ฝากแฟน ๆ ที่ติดตามชมซีรีส์ "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ทุกตอนด้วยนะครับ ในตอน "คุณชายพุฒิภัทร์" ด้วยนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
หนังสือภาพยนตร์บันเทิง ปีที่ 39 วันที่ 3-16 เมษายน 2556 Vol.1851
+++++++++++++++++++
เราว่าเจมส์จิซื่อๆ มากอ่ะ (แม้สายตาลิงน้อยจะไม่ค่อยซื่อก็ตาม โดยเฉพาะตอนมองนางสาวศรีสยาม)
ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้า นั่งรถเมล์ไม่เป็น ไม่เคยมาค้างอ้างแรมที่กรุงเทพเป็นกิจลักษณะ โดนป้าแจ๋วด่าไอควา...อะไรๆ ก็บอกมาตรงๆ เลย
ดูน้องเค้าภาคภูมิใจกับความเป็นตัวเองมากๆ เลยอ่ะ ใสมาก ดูจริงใจ หายากนะเนี่ย
พรุ่งนี้แล้วสินะ....เฮ้ออออออ มีความสุข
ไปนอนละ...