สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
20 ปีผมเปลี่ยนรถมาร่วม 30 คัน มีทั้งรถยุโรปและญี่ปุ่น มีทั้งมือสองและป้ายแดง ในจำนวนนี้มี Altis หน้าหมูป้ายแดงอยู่ ใช้งานประมาณ 8 เดือน กับ Camry 2008 MB และ C-Class W202 และ W203 ปัจจุบันใช้ BMW Series 3 E90 และ E46
1. การขับขี่ต่างกันค่อนข้างมาก MB ดีกว่ามาก แม้จะเอา Camry มาเทียบก็ตาม
2. W202 ไม่จุกจิก ซ่อมง่าย อะไหล่ส่วนใหญ่ถูกกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆด้วยซ้ำ แต่ W203 จุกจิกมาก เปราะบางในหลายจุดโดยเฉพาะตัว Kompressor ช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า อะไหล่แพงจับใจแม่ว่าจะซ่อมอู่นอกก็ตาม
3. C-Class แคบกว่าเล็กน้อย เพราะเป็นรถขนาดเดียวกัน
4. ไม่มีความเห็นเรื่องเครื่องดีเซล เพราะผมใช้เบนซิน แต่เท่าที่สอบถามจากคนที่ใช้งานก็ว่าทนทาน ประหยัด อัตราเร่งดี
5. ไม่มีอู่คู่ใจ ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอในการซ่อมบำรุง ไม่มีความรู้พื้นฐานการดูแลรักษารถด้วยตนเองบ้าง แนะนำให้เลือก Camry ครับ
ถ้าจะมีรถหรือซื้อรถได้เพียงคันเดียวในบ้าน โดยไม่ได้จัดสรรงบประมาณในการซ่อมบำรุงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีอู่คู่ใจ ไม่มีความรู้เรื่องการซ่อมบำรุง ผมไม่แนะนำให้ใช้รถยุโรปครับ โดยเฉพาะรถที่มีอายุมากๆ ไม่ว่าเราจะได้มาสภาพดีแค่ไหนก็ตาม ไม่นานนักก็หนีไม่พ้นที่จะต้องวิ่งเข้าๆออกๆอู่อยู่เรื่อย เพราะมันมีชิ้นส่วนหรืออะไหล่ที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาแม้ว่าจะใช้งานขับขี่มาไม่มากก็ตาม
การบำรุงรักษารถยุโรป ต้องทำการบ้านเยอะ เรียนรู้รายละเอียดและวิเคราะห์อาการพื้นฐานได้เองบ้าง หากเป็นประเภทขับอย่างเดียว เอะอะก็เข้าศูนย์ เข้าอู่ ผมว่า "หมดตูด" แน่ เพราะอู่ดีๆที่ไว้ใจได้สำหรับรถยุโรปหายากกว่าตัวรถดีๆมากกกก
และถ้าหากจะต้องมีรถเพียงเพื่อใช้งาน "คันเดียว" ยังไงผมก็เห็นว่ารถญี่ปุ่นเหมาะสมกว่าแน่นอน ผมเคยเข็ดขยาด BMW ไปนานหลายปีในช่วง 10 ปีที่แล้วตอนที่ E46 ต้นๆโฉม ก็เนื่องมาจากค่าบำรุงรักษาและค่าซ่อมนี่แหละ หันมาใช้รถญี่ปุ่นหลายคันก็ เห็นได้ชัดว่า "สบายกระเป๋ากว่า" แต่ท้ายสุดก็กลับมาซื้อรถยุโรปอีกหลายคัน แต่...เพราะ "ความอยาก" ล้วนๆ ไม่ใด้ตัดสินใจจากภาพลักษณ์ สมรรถนะของตัวรถ หรือ คชจ.ในการซ่อมบำรุง เพราะผมใช้รถน้อย และมีรถไว้ใช้งานสำรองอีก 1-2 คัน เสมอ
สมรรถนะระหว่างรถยุโรป แม้ว่าอายุมากกว่า 10 ปี แต่ถ้าหากปรับสภาพและซ่อมแซมในทุกจุดแล้ว มันเหนือกว่ารถญี่ปุ่นป้ายแดงในคลาสเดียวกันทุกด้าน มันเป็นเรื่องจริง แต่ทั้งนี้ "ไม่ใช่ตัวแปรลำดับต้นๆในการเลือกซื้อรถ" การเลือกซื้อขึ้นอยู่ที่ตัวผู้ใช้งานและลักษณะการใช้งานมากกว่า บางคนขับรถแบบเต่ากัดยาง จะเอารถแรงๆช่วงล่างดีๆไปทำอะไร? ในเมื่อซื้อ 100 บาทใช้แค่ 20 บาท หรือบางคนมีเงินแค่เพียงซื้อตัวรถ แต่ขาดทุนทรัพย์ที่จะดูแลให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ไม่มีความรู้ในการซ่อมบำรุง หรือซ่อมแบบขอไปที เน้นซ่อมถูกๆ ใช้อะไหล่เด่าที่หมดสภาพมาใส่กลับเข้าไปอีก แบบนี้ไม่เหมาะกับรถยุโรปอย่างยิ่งครับ
1. การขับขี่ต่างกันค่อนข้างมาก MB ดีกว่ามาก แม้จะเอา Camry มาเทียบก็ตาม
2. W202 ไม่จุกจิก ซ่อมง่าย อะไหล่ส่วนใหญ่ถูกกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆด้วยซ้ำ แต่ W203 จุกจิกมาก เปราะบางในหลายจุดโดยเฉพาะตัว Kompressor ช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า อะไหล่แพงจับใจแม่ว่าจะซ่อมอู่นอกก็ตาม
3. C-Class แคบกว่าเล็กน้อย เพราะเป็นรถขนาดเดียวกัน
4. ไม่มีความเห็นเรื่องเครื่องดีเซล เพราะผมใช้เบนซิน แต่เท่าที่สอบถามจากคนที่ใช้งานก็ว่าทนทาน ประหยัด อัตราเร่งดี
5. ไม่มีอู่คู่ใจ ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอในการซ่อมบำรุง ไม่มีความรู้พื้นฐานการดูแลรักษารถด้วยตนเองบ้าง แนะนำให้เลือก Camry ครับ
ถ้าจะมีรถหรือซื้อรถได้เพียงคันเดียวในบ้าน โดยไม่ได้จัดสรรงบประมาณในการซ่อมบำรุงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีอู่คู่ใจ ไม่มีความรู้เรื่องการซ่อมบำรุง ผมไม่แนะนำให้ใช้รถยุโรปครับ โดยเฉพาะรถที่มีอายุมากๆ ไม่ว่าเราจะได้มาสภาพดีแค่ไหนก็ตาม ไม่นานนักก็หนีไม่พ้นที่จะต้องวิ่งเข้าๆออกๆอู่อยู่เรื่อย เพราะมันมีชิ้นส่วนหรืออะไหล่ที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาแม้ว่าจะใช้งานขับขี่มาไม่มากก็ตาม
การบำรุงรักษารถยุโรป ต้องทำการบ้านเยอะ เรียนรู้รายละเอียดและวิเคราะห์อาการพื้นฐานได้เองบ้าง หากเป็นประเภทขับอย่างเดียว เอะอะก็เข้าศูนย์ เข้าอู่ ผมว่า "หมดตูด" แน่ เพราะอู่ดีๆที่ไว้ใจได้สำหรับรถยุโรปหายากกว่าตัวรถดีๆมากกกก
และถ้าหากจะต้องมีรถเพียงเพื่อใช้งาน "คันเดียว" ยังไงผมก็เห็นว่ารถญี่ปุ่นเหมาะสมกว่าแน่นอน ผมเคยเข็ดขยาด BMW ไปนานหลายปีในช่วง 10 ปีที่แล้วตอนที่ E46 ต้นๆโฉม ก็เนื่องมาจากค่าบำรุงรักษาและค่าซ่อมนี่แหละ หันมาใช้รถญี่ปุ่นหลายคันก็ เห็นได้ชัดว่า "สบายกระเป๋ากว่า" แต่ท้ายสุดก็กลับมาซื้อรถยุโรปอีกหลายคัน แต่...เพราะ "ความอยาก" ล้วนๆ ไม่ใด้ตัดสินใจจากภาพลักษณ์ สมรรถนะของตัวรถ หรือ คชจ.ในการซ่อมบำรุง เพราะผมใช้รถน้อย และมีรถไว้ใช้งานสำรองอีก 1-2 คัน เสมอ
สมรรถนะระหว่างรถยุโรป แม้ว่าอายุมากกว่า 10 ปี แต่ถ้าหากปรับสภาพและซ่อมแซมในทุกจุดแล้ว มันเหนือกว่ารถญี่ปุ่นป้ายแดงในคลาสเดียวกันทุกด้าน มันเป็นเรื่องจริง แต่ทั้งนี้ "ไม่ใช่ตัวแปรลำดับต้นๆในการเลือกซื้อรถ" การเลือกซื้อขึ้นอยู่ที่ตัวผู้ใช้งานและลักษณะการใช้งานมากกว่า บางคนขับรถแบบเต่ากัดยาง จะเอารถแรงๆช่วงล่างดีๆไปทำอะไร? ในเมื่อซื้อ 100 บาทใช้แค่ 20 บาท หรือบางคนมีเงินแค่เพียงซื้อตัวรถ แต่ขาดทุนทรัพย์ที่จะดูแลให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ไม่มีความรู้ในการซ่อมบำรุง หรือซ่อมแบบขอไปที เน้นซ่อมถูกๆ ใช้อะไหล่เด่าที่หมดสภาพมาใส่กลับเข้าไปอีก แบบนี้ไม่เหมาะกับรถยุโรปอย่างยิ่งครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอถามความรู้สึกท่านที่เคยขับ Altis เเล้วเปลี่ยนมาขับ Benz C-Class มันต่างกันมากไหมครับ
1.ความรู้สึกในการขับขี่ครับ มันต่างกันเยอะไหมครับ รู้ว่าคงต่างกันเเต่ยังไม่เคยลองขับ C Class เลยครับ ผมให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ ความเเข็งเเรงของตัวรถด้วยครับ
2.การดูเเลรักษา ความคงทน ปัญหาจุกจิกครับ รถยุโรปมีบ้างไหมครับ ช่วงหลังๆเห็น toyota มีปัญหาบ่อยมากๆ เลยเริ่มกังวลครับ
3.ความกว้างภายใน Altis กับ C-Class ต่างกันเยอะไหมครับ
4.ในระยะยาวเลือกเป็น C200 หรือ C200 CDI ดีกว่ากันครับ ไม่ทราบเลยว่า รุ่นไหนจะทนกว่ากันครับ เครื่องเบนซิน กับดีเซลครับ
5.หรือจะเลือกเปลี่ยนเป็น Camry ดีกว่า เเล้วเก็บเงินไปทำอย่างอื่นครับ
ถ้ามีคำเเนะนำเพิ่มเติมก็เสนอได้ครับ ผมทำงานประจำกับเปิดร้านขายของเก็บสะสมเงินเอาครับไม่ได้ร่ำรวยมากมาย เเค่มีความฝันอยากจะได้ขับ Benz กะเค้าบ้างครับ