วันที่ 2 เดือนมกราคม คศ.2013  แมนฯยูไนเต็ดขุดหลุมกลางโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฝังฟูแล่มด้วยสกอร์ 4-1  ในศึก เอฟ เอ คัพ รอบที่ 5  โดย ไรอัน กิ๊กซ์, เวยน์ รูนีย์ และฮาเวียร์ เออร์นานเดซ “ชิชาริโต้” ตบเท้าดาหน้ากระทุ้งตาข่าย  จนทำเอา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันหน้าบาน

มันอาจเป็นชัยชนะนัดหนึ่งที่ไม่ได้สวนกับความคาดหมาย ถ้าหากคุณไม่สังเกตุว่าใครบางคนถูกเปลี่ยนลงสัมผัสสนามในนาที 66  ของเกมการแข่งขัน

ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ขอเสียปรบมือต้อนรับ … พอล สโคลส์

ยังจำได้เขาได้ไหมจ๊ะแฟนผีจ๋า

นั้นคือเกมนัดท้ายสุดของเขาที่ได้ลงเตะในยูนิฟอร์ม “ปีศาจแดง” นะครับ

เหลือโปรแกรมอีกแค่ 3 เกมในฤดูกาลนี้  แต่ “สโคลส์ซี่” ซึ่งมีอาการบาดเจ็บหัวเขาตั้งแต่แมทช์กับฟูแล่ม เพิ่งฟิตพอที่จะเป็นตัวสำรอง (ที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม) ในเกมกับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ข่าวคราวของเขาอาจจะดูเงียบเชียบ  และเหมือนถูกกลบด้วยเรื่องแชมป์สมัยที่ 20 ของยูไนเต็ด

สำหรับใครที่สงสัยว่า มิดฟิลด์หัวแดงเพลิงจะพลาดเหรียญแชมป์นั้น  หากเราเช็คตามโควต้าจำนวนนัดที่ลงสนามแล้ว  “สโคลส์ซี่”  น่าจะไม่พลาด

ในขณะที่เพื่อนรักอย่าง ไรอัน กิ๊กซ์ ตัดสินใจต่อสัญญาอีกปี  และมีสกู๊ปเด็ดบนหน้ากระดาษเปื้อนหมึกพิมพ์อย่างพรั่งพรู  เช่นเดียวกับ เดวิด เบ็คแฮม ที่ยังคงรักษาเรตติ้งดีไม่มีตก เมื่อโดนตามแซะทุกย่างก้าว ณ ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง  แต่ สโคลส์ชอบมากกว่าที่จะอยู่คนเดียวเงียบๆ

รอยด่างจางๆ เพียงดวงเดียวในชีวิตนักเตะยูไนเต็ด 20 ปี  นับตั้งแต่ประเดิมสนามให้สโฒสรพร้อม 2 ประตูวันที่อัด พาร์ท เวส บนเวที ลีก คัพ ร่วมกับแข้งสำรองพบอาร์เซน่อล เมื่อปี 2001 จนนำมาถึงวิวาทะกับป๋าที่คุณไม่มีวันพบตัวเองเป็นผู้ชนะ

“มันเป็นอะไรที่ผมเสียใจที่ทำลงไป” สโคลส์ยอมรับในเวลาต่อมา  “ผมอารมณ์ไม่ดีในตอนนั้น เพราะเพิ่งหลุดโผจากทีมชุดที่เจอกับลิเวอร์พูล  เรามีคิวเจอกับอาร์เซน่อลในคืนวันต่อมา และคุณก็คงรู้ว่า นั่นต้องเป็นทีมชุดสำรอง  ผมหงุดหงิด เลยเกิดเรื่องขึ้น  มันเป็นเรื่องที่โง่ๆ ผมรู้  แต่ผมก็มีเหตุผลโง่ๆ ของผม”

แต่ถึงวันนี้ สิ่งที่สโคลส์มี ไม่ใช่เหตุผลโง่ๆ  แต่เป็นความสำเร็จเต็มตู้โชว์ที่บ้าน ทั้งเหรียญพรีเมียร์ลีก (10 ไม่นับเหรียญปัจจุบัน), เอ เอ คัพ (3), ลีก คัพ (2), แชมป์เปี้ยส์ลีก (2), อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ (1) และคลับ เวิร์ลด คัพ (1)

ขณะที่บรรดายอดมนุษย์ลูกหนังอยาง ซีเนดีน ซีดาน, คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ หรือ ซาบี้ เออร์นานเดซ ต่างพร้อมใจใส่ชื่อสโคลส์อยู่ในลีสต์นักเตะที่ตัวเองชื่นชอบ

กับอายุที่เกือบหลักสี่ ซีซั่นหน้าคงจะเป็นการเกษียณตัวเองรอบที่ 2 ของสโคลส์ ซึ่งดูจะแตกต่างจากการบอกลาสนามครั้งแรกมากทีเดียวนะครับ  เพราะหนก่อน เขาใช้โอกาสเซย์กู๊ดบายเป็นศึกแชมเปี้ยส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศกับบาเซโลน่า ที่เวมบลีย์ เมื่อปี 2011

ทว่าคราวนี้ สโคลส์ได้รับการเสนอสัญญาอีก 1 ปี จากป๋าเฟอร์กี้  ที่เขาก็คงนั่งเซ็นสัญญาอย่างเงียบๆ คนเดียว ... ไม่มีใครมาถ่ายรูป ทำข่าวให้เอิกเกริก แต่อย่างไร

แต่นั่นเป็นวิธีที่เชาชอบนะครับ

แต่เชื่อเถอะว่า จะไม่มีแฟนฟุตบอลคนใดลืมผู้ชายที่ชื่อพอล สโคลส์ ได้เลย



จากตำนานถึงตำนาน

คริสเตียนโน โรนัลโด้ : “ตอนเราซ้อมด้วยกัน  ผมชอบโชว์กลเม็ดเด็ดพรายที่ไม่ค่อยมีใครในสโมสรทำได้  มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมไปเล่นให้สโคลส์ดู พอเสร็จ เขาขอบอลไปแล้วชี้ไปที่ต้นไม้ที่อยู่ห่างไป 50 เมตร จากที่เรายืนอยู่  เขาบอกว่า เดี๋ยวพี่จะจัดให้ได้ทีเดียวอยู่เลย  แล้วเขาก็หวดดอกเดียวไปโดนต้นไม้จริงๆ  เขาเลยลองให้ผมลองดูบ้าง  ผมพยายามประมาณ 10 กว่าครั้งก็ไม่สำเร็จ  เขาทิ้งรอยยิ้มให้ผมแล้วเดินจากไป”

ซาบี้ อีเนียสต้า : “พอล สโคลส์คือแม่แบบ  สำหรับผมแล้ว ผมหมายความตามนั้นจริงๆ  เขาคือมิดฟิลด์ตัวกลางที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นในรอบ 15 หรือ 20 ปีหลัง  เขาครบเครื่อง มีทุกอย่าง ผ่านบอล, ประตู, ไม่เสียบอล และวิศัยทัศน์  หากเขาเป็นคนสแปนิช ผมคงเชิดชูเขามากกว่านี้  เชื่อผมเถอว่า นักเตะด้วยกันนับถือเขามาก”

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน : “หนึ่งในมันสมองด้านฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยมีมา”

เป็ป กวาดิโอล่า : “เขาคือ กองกลางที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา  ผมเองก็อยากจะเล่นเคียงข้างเขาสักครั้ง”

ซีเนดีน ซีดาน : “คู่ต่อสู้ที่หินที่สุดของผมเหรอ ?  สโคลส์เขาคือมิดฟิลด์ที่ครบเครื่อง  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า  สโคลส์คือกองกลางที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา”

หลุยส์ ฟิโก้: “ผมตกตะลึงเมื่อพบ พอล สโคลส์  เพราะคุณจะไม่ค่อยเห็นเขาหรอก  ในสนามคุณไม่อาจไล่จับเขาได้  ส่วนนอกสนาม เขาก็จะไม่ปรากฏตัวให้คุณเห็น”

โซเครติส : “เขาดีพอที่จะเล่นให้ทีมชาติบราซิล  ผมชอบดูสโคลส์  ชอบดูพ่อหนุ่มสวมเสื้อแดงผ่านบอลสวยๆ”

credit : นสพ.สตาร์ซอคเกอร์  โดย เปาผี