มองการชุมนุมจากสายตาของการ์ดคนหนึ่ง

กระทู้สนทนา
ตลอดเกือบ 30 ปีที่่ผ่านมา   ชีวิตผมคลุกคลีอยู่กับการเรียกร้องความเป็นธรรม  และการต่อสู้ทางการเมืองมาหลายต่อหลายเหตุการณ์
ส่วนใหญ่ ผมจะทำหน้าที่เป็นการ์ด  ดูแลผู้ชุมนุม  รักษาความปลอดภัย มากกว่าการขึ้นเวทีปราศรัย

จำได้ว่าครั้งแรกที่ขึ้นเวทีปราศรัย   ผมอายุเพียง 25 ปี  อยู่แนวหน้าการปะทะกับเจ้าหน้าที่และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยหลายสมรภูมิ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยทำ  คือทำร้ายร่างกายใคร    เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน  ผมจะตั้งจิตอธิษฐานว่า  ผมมาที่นี่เพื่อดูแล
พี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อน  หากแม้นสิ่งที่ผมทำถูกต้อง  ขอให้ปกป้องคุ้มครองผมด้วย

ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์นัก   ที่เวลาจะมีอันตรายเกิดขึ้นจุดไหน  ผมมักได้ยินเสียงกระซิบให้ผมไปพ้นจากจุดนั้น
และผมก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว  ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกสมรภูมิ   ยิ่งทำให้ผมเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำมากขึ้น

จากประสบการณ์ของผม   มวลชนที่อยู่แถวหน้า  ส่วนใหญ่จะเป็น "คนซื่อ"  ที่มีจิตใจมุ่งมั่น  พร้อมแลกชีวิตกับสิ่งที่เชื่อ
ส่วนคนฉลาด  จะรุนหลังคนซื่อให้ออกไปลุยก่อนเสมอ   

และทันทีที่เกิดความรุนแรง   คนฉลาดจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทุกที !!   

  "  คนซื่ออยู่แถวหน้า  คนกล้าถึงฆาต  คนฉลาดอยู่บนเวที "

คือสัจจธรรมของการชุมนุมในเมืองไทย  เมื่อถึงคราวหน้าสิ่วหน้าขวาน

หลายครั้ง  ผมแทบไม่สนใจเนื้อหาที่เรียกร้อง  หรือฟังแกนนำพูดเท่าไหร่  ผมให้สนใจผู้มาประท้วงมากกว่า
เห็นใจ  สงสาร ดูแลช่วยเหลือ  แจกข้าวแจกน้ำแจกขนมนมเนย  ทำแล้วสุขใจมากกว่า

หลายครั้ง  ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แกนนำพูด หรือพาทำอะไรที่ไม่เข้าท่า  อยากจะหนีกลับบ้าน
แต่ด้วยความเป็นห่วงญาติมิตรที่มาชุมนุม  ผมจึงคงยังต้องอยู่ต่อ  ไม่ละทิ้งพวกเขาไป  เกรงว่าจะได้รับอันตราย

หลายครั้งที่ผู้ชุมนุมบาดเจ็บแล้วด่าแกนนำที่หนีเอาตัวรอด   หรือเอาตัวเองไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่สนใจดูแลเขา
ผมยังจำสายตาอันปวดร้าวและผิดหวังแบบนั้นได้อย่างไม่มีวันลืม   และสัญญากับตัวเองว่า  หากผมเป็นแกนนำ  
ผมจะไม่พามวลชนไปเสี่ยง บาดเจ็บล้มตายแบบนั้นเป็นอันขาด

รางวัลที่ผมได้รับจากการเป็นนักเคลื่อนไหว  คือรายชื่อในบัญชีดำของจังหวัด  เป็นบุคคลที่ต้องคอยจับตาจากสายลับของทางการ
ทุกครั้งที่มีการชุมนุมใหญ่ๆ   ก็จะมีโทรศัพท์มาถามข้อมูลผมตลอด  เรื่องไหนรู้และตอบได้ผมก็จะให้ข้อมูลไป  
เรื่องไหนไม่รู้ก็ปฏิเสธไปตามจริง

และสิ่งที่ผมเชื่อโดยปราศจากข้อกังขามาตลอดก็คือ
แกนนำคนใด  ที่พามวลชนไปเจ็บ  ตาย  ติดคุก  อย่างจงใจประสงค์ต่อผล

คือคนชั่ว  คนบาป  ที่หากินกับความซื่อบริสุทธิ์ของมวลชน  
เทียบได้กับฆาตกรใจโหด  สมควรได้รับโทษประหารชีวิต !!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่