ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน สั่งจำคุกปราโมทย์ นาครทรรพ หมิ่น "ทักษิณ" วางแผนปฏิญญาฟินแลนด์ /ขี้ปากไอ้บ้านี่มีราคาด้วย

กระทู้สนทนา
ชอบโชว์โง่ด้วยการจินตนาการเพ้อเจ้อ แล้วก็ใส่ร้ายป้ายขี้ให้คนอื่นเขาจนเป็น"สันดาน"สุดท้าย ก็แพ้คดีกลายเป็น(ปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายเขา)

คนสันดานแบบนี้ ไม่มีราคา ขี้ปากเหม็นเน่า..ผมสมเพชมันมากกว่าที่หมดมุกเล่นแล้ว เรียกว่า หมดกึ๋น  จึงใช้สันดานธาตุแท้ของตัวเองออกมาโชว์โง่อย่างที่เห็น....คนดีเหรอเนี่ย....กระจอกจอมปลอมจริงๆ  ฮ้าาาา

ขอประนามในความเป็นคนดีจอมปลอม ที่เผยธาตุแท้สันดานต่ำที่แอบมานาน   "ทองเก๊มันก็คือทองเก๊"วันยังค่ำ ชุบตัวสร้างภาพยังไงก็ไม่ได้นาน เพราะวันหนึ่งมันก็ต้องเผยธาตุแท้ซาตานในร่างมันออกมาให้เห็นจนได้...นี่แหละสัจธรรม คือความจริง

เอ็งนึกเหรอว่าสิ่งที่เอ็งและพวก(ในฐานะเป็นที่รู้จักของสังคม) โพสด่านายกปู(อย่างรุนแรง) มันคือการกระทำที่ดี เท่ คิดเหรอว่าคนสวนใหญ่จะยกย่อง...บอกได้เลย โคตรของโคตรโคตรโง่เลยวะ

ปล.มีอีกไหมไอ้พวกแอ๊บสร้างภาพเป็นคนดีแต่แท้จริงสันดานเลว ช่วยๆปล่อยออกมาเยอะๆเลย ผมชอบ ปชช.ชอบจะได้เห็นธาตุแท้แห่งซาตานในร่างคนของพวกเอ็ง...แล้วมาดูกันว่า ใครจะได้มากกว่าเสีย..ไอ้พวกปัญญาชนหน้าโง่"ดักดาน"ขี้คอกอำมาตย์เผด็จการ  5555

            

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5URTFPVFF6Tnc9PQ==

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน สั่งจำคุกปราโมทย์ นาครทรรพ หมิ่น "ทักษิณ" วางแผนปฏิญญาฟินแลนด์

วันที่ 5 เม.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.1747/2549 ที่พรรคไทยรักไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โจทก์ร่วมยื่นฟ้องนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ,บริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ,น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ ผู้บริหารแผน, นายขุนทอง ลอเสรีวานิช บก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา และนายปัญจภัทร อังคสุวรรณ  เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ,ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา


กรณีระหว่างวันที่ 17-25 พ.ค.2549 จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างวาระ โดยได้ร่วมกันตีพิมพ์และเผยแพร่โฆษณาบทความ “ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ : แผนการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย ?” ของจำเลยที่ 1 ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และเว็บไซด์ โดยใส่ร้ายโจทก์ที่ 1 และ 2 ให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความที่จำเลยที่ 1 เขียนบทความเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ รวม 5 ตอน ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเผยแพร่ในเว็บไซด์ ซึ่งบุคคลและประชาชนทั่วไปสามารถหาอ่านได้อย่างทั่วถึง


โดยจำเลยที่ 1 เขียนบทความทำนองว่าโจทก์มีนโยบายที่ต้องการทำลายระบบราชการไทย เพื่อสร้างระบบการเมืองพรรคเดียว และล้มล้างสถาบันเบื้องสูง รวมทั้งเบิกความยืนยันว่า แผนปฏิญญาฟินแลนด์มีอยู่จริง หากปล่อยให้โจทก์ทั้งสองดำเนินการจนครบขั้นตอนอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง ซึ่งข้อมูลที่นำมาเขียนนั้นรับทราบมาจากนักวิชาการหลายคน แต่จำเลยที่ 1 กลับไม่นำบุคคลเหล่านั้นมาเป็นพยานเบิกความ และไม่นำสืบให้เห็นว่าโจทก์ทั้งสองได้กระทำการล้มล้างการปกครองแต่อย่างใด นอกจากนี้ท้ายบทความยังได้เรียกให้ประชาชนต่อต้านโจทก์ทั้งสองที่กำลังลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 เม.ย.2549 นั้น ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามหลักวิชาการ ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง


ส่วนจำเลยที่4เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน  มีหน้าที่กลั่นกรองเนื้อหาก่อนตีพิมพ์ เชื่อว่าจำเลยที่ 4 มีส่วนรู้เห็นและทราบว่าบทความดังกล่าวมีเนื้อหาดูหมิ่นโจทก์ทั้งสอง


คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วพิพากษาจำเลยที่1 และ จำเลยที่ 4 กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และ 4 เป็นเวลา 1 ปี ปรับเงินคนละ 100,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 เป็นนักวิชาการ นักประชาธิปไตยและจำเลยที่ 4 เป็นนักหนังสือพิมพ์ เคยสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ ที่กระทำผิดเพราะต้องการปกป้องสถาบันที่เคารพ ประกอบกับ จำเลยที่ 1 และ 4 ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์


ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 เนื่องจากคดีไม่มีมูลว่ากระทำผิดตามฟ้อง นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่