จากประเด็น HOT !!!!!! เรื่องราคาตั๋วหนังพุ่ง กับป๊อบคอร์นแพงโคตร ผมขอลองคิดต่าง

กระทู้สนทนา
อธิบายเพื่อความเข้าใจตรงกัน
1. ผมไม่ได้เป็นเจ้าของโรงหนัง ไม่ได้มีญาติโกโหติกา หรือโคตรเหง้าเป็นเจ้าของโรงหนัง หรือทำงานโรงหนัง
    ไม่ได้เป็นเจ้าของอาหาร และเครื่องดื่มทั้งหลายที่ขายหน้าโรงหนัง ไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น
    เป็นแค่ผู้บริโภคคนหนึ่ง ที่รักการเสพหนังเพื่อความบันเทิง และชอบแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยน

2. ท่านที่ไม่เห็นด้วย สามารถแสดงความเห็นต่างได้ เพราะนี่คือประเทศแห่งประชาธิปไตย
    ที่ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ควรเป็นความเห็นที่มีเหตุผล ไม่ใช่ความเห็นที่มีแต่อารมณ์
    เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับคนที่มีความเห็นต่างกัน อย่างสันติ


เริ่มเรื่อง
ประเด็นที่ 1 เรื่องราคาตั๋วหนัง และอาหารหน้าโรงหนังแพง

1. ในเมื่อราคาตั๋วหนังแพง วิธีการหนึ่งที่เราทำ คือ การออกมาร้องเรียนซึ่งกำลังเป็นอยู่
     แต่วิธีการที่สุภาพ และเป็นการตอบโต้ที่น่าจะได้ผล ควรจะ "เลิก" ใช้บริการจะดีที่สุด
     ธุรกิจที่อยู่ได้ด้วยลูกค้า หากขายไม่ออกก็จะเจ๊งไปเอง
     หากมีแต่กระแสบ่นว่าแพง แต่พอมีหนังน่าดูเข้ามา คุณก็ยังไปใช้บริการ เขาก็คงจะไม่ค่อยสนใจเสียงติติงหรอก
    
2.  กรณีป๊อบคอร์น กับน้ำหน้าโรงหนังก็เช่นกัน หากพวกเราพร้อมใจกันไม่ซื้อ
     ป๊อบคอร์นทำมาทุกวัน ก็เหลือทิ้งทุกวัน เอาน้ำมาขาย ก็อยู่ในตู้ยันหมดอายุไม่มีใครซื้อ มีแต่ขาดทุน
     เดี๋ยวเจ้าของโรงหนัง เขาก็ปรับกลยุทธรับมือเราเองแหละ เช่น ลดราคา... เป็นต้น

     เหมือนกรณีที่เคยมีคนบางคนชอบบ่นว่า กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่กำลังจะเข้ามายึดครองประเทศเรา ทั้งห้าง และร้าน
     สะดวกซื้อทั้งหลาย....  แต่เราก็ยังไปใช้บริการ หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา.... บ่นไปก็เท่านั้น เขาไม่สนใจหรอกครับ
     เพราะเม็ดเงินที่มหาศาลรออยู่


ประเด็นที่ 2 ทำไมต้องดูไปกินไป

1. อยากบอกว่า เสียงตอนคนที่นั่งข้างๆกินป๊อบคอร์น หรือขนมขบเขี้ยวต่างๆ ตอนดูหนังในโรงหนัง
    มันช่างทำลายอรรถรสในการดูหนังอย่างมาก ดูหนังไป แถมมีเสียงเขี้ยว แขวก แขวก แขวก แขวก ดังตลอดเวลา
    โคตะระ น่ารำคาญเลยครับ
    ประเด็นนี้ทำให้ รู้สึกแอบเห็นด้วยนิดๆ ที่มันยังขายแพงอยู่ ถ้าขายถูกเท่าราคาท้องตลาด คงได้ยินเสียงเคี้ยวลั่นโรงหนังแน่

2. ถ้ามองในฐานะพนักงาน หรือเจ้าของโรงหนัง อยากบอกว่า คราบความมัน คราบน้ำหวาน ที่ติดอยู่ตามที่พักแขน พื้นและเก้าอี้บุพรม
    ช่างเป็นการทำความสะอาดที่ยากพอควร ผู้ใช้บริการบางคนเขาไม่ค่อยสนใจหรอกว่ามันจะเปื้อนจะหกแค่ไหน
    เพราะฉะนั้นราคาที่เก็บแพงขึ้นมากกว่าปกติ อาจเป็นการผลักภาระต้นทุนการทำความสะอาด และเตรียมไว้สำหรับการปรับเปลี่ยนใหม่
    ในอนาคต เพราะอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบปกติที่ไม่มีคราบน้ำ คราบขนม

   เรื่องการผลักภาระให้แก่ผู้บริโภครับผิดชอบ มีมาตั้งนานแล้ว ซึ่งมันแฝงรวมอยู่ในราคาสินค้า


ประเด็นที่ 3 เรามักเรียกร้องว่าเราต้องการอะไร  "อยากได้อะไ ร" จากโรงหนัง
มากกว่าเรียกร้องว่าเรา  "ควรจะทำอะไร" เมื่อเข้าโรงหนัง  หรือป่าว

1. เช่นเรื่องมารยาทการดูหนัง โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์ในโรงหนัง เหตุใดบางท่านจะต้องมาเช็คอิน facebook
    เพื่อประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่า ตอนนี้ฉันดูหนังอยู่ มันจำเป็นเร่งด่วนขนาดนั้นเลยหรอ
    เคยเห็นบางคนไม่เช็คอินป่าวๆ รอคนมาคอมเมนท์ แถมพี่แกยังตอบกลับอีก อยากจะเดินเข้าไปตบหัวจริงๆ (คิดในใจ)
    ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยเดินออกไปบอกพนักงานว่าที่นั่งบริเวณ.... แอบเอามือถือถ่ายภาพ และอัดเสียงหนังอยู่ครับ แล้วเดินจากไป



   ......  (อันนี้ก็คิดในใจเช่นกัน)

2. บางคนอยากได้โน่น อยากได้นี่ อยากทำโน่นทำนี่ ตามใจตัวเอง แม้กระทั่งในสถานการณ์ที่อยู่กับคนหมู่มาก โดยอ้างสิทธิเสรีภาพ
    ส่วนบุคคล แต่กลับละเลยคำว่ามารยาททางสังคม กาลเทศะ และ "สมบัติผู้ดี" (ผู้ดีที่วัดกันจากการกระทำ หาใช่ชาติกำเนิดที่ต่างกัน
    แต่มีหัวใจที่ตรงกัน)


ประเด็นที่ 4 เรื่องทางหนีไฟ และการเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่ออยู่ในโรงหนัง

1. มีบางท่านแสดงความเห็นว่า โรงหนังเอาแต่โฆษณา แต่กลับไม่ฉายให้ดูเรื่องการปฏิบัติตัวเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินในโรงหนัง
    ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โรงหนังควรทำ  เห็นด้วยครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งคือ

    รู้สึกว่าระบบการศึกษาแบบท่องจำ ที่เราจะทำ เมื่อครูสั่งเท่านั้น ได้ส่งผลต่อประชากรไทยเสียแล้ว
    เราเป็นลูกนกที่เอาแต่รอให้คนเอาอาหารมาป้อนหรือป่าว

    เรื่องการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตำแหน่งทางหนีไฟ เราควรจะเป็นคนสังเกตด้วยตัวเองมากกว่า
    ไม่ใช่รอแต่คนอื่นมาบอกว่าทำยังไง อยู่ตรงไหน ความจริงมันควรจะเป็นสิ่งที่เราฝึกจนเป็นนิสัย หัดสังเกตทางเข้าออก
     และทางหนีไฟต่างๆด้วยตัวเองมากกว่า โดยเฉพาะเวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ไปเที่ยวเล่น เข้าผับบาร์ ชีวิตและ
     ความปลอดภัยของเรา เราควรจะทำด้วยตัวเองเป็นหลัก แล้วคนอื่นถึงเป็นส่วนเสริม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่