"เคลลี่"ฟ้องพ่อ"กรีน"เหตุโดนจม.ข่มขู่มาเกือบ10เดือน

กระทู้สนทนา


หลังจากมีกระแสภาพหลุดสำเนาฟ้องพ่อของ “กรีน-อัษฏาภรณ์ สิริวัฒน์ธนกุล” บนอินเตอร์เน็ตซึ่งชื่อคนฟ้องเป็น “เคลลี่-รัฐพงศ์ ธนพัฒน์” แฟนหนุ่มของสาว "กรีน" ทำให้เกิดคำถามต่างๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้เจอทั้งคู่ในงาน "7 สีคอนเสิร์ต" ซึ่งได้พาทนายมาด้วยก็แจงเรื่องให้ฟังว่า

      เคลลี่ : มันเป็นเรื่องระหว่างบุคคล 2 คน อย่ามองในเรื่องสถานะ ที่เป็นข่าวทางอินเตอร์เน็ตหรือได้ฟังมาก็ลืมมันไปเลยเพราะมันไม่มีความจริง แต่ถ้าถามผมว่ามีหมายศาลไหมก็มีจริงๆ แต่ข้อมูลอื่นๆ ไม่มีความจริงเลย วันนี้ผมได้พาทนายมาด้วย มีอะไรก็จะให้เขาบอกแล้วกัน
      ทนาย : คือทางนั้นเข้าได้ใช้ทนายส่งหนังสือมาเพื่อข่มขู่ เราก็ต้องป้องกันสิทธิ์ของเรา ทางคุณเคลลี่ก็เลยต้องมีทนายส่งหนังสือไปเหมือนกัน ผมส่งหนังสือให้ไปแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ผมก็เลยต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายนะครับ”

เรื่องมันเกิดมาจากอะไร
      เคลลี่ : ขอบอกก่อนว่าที่ทำไปเพราะต้องปกป้องสิทธิ์ของผม เราได้พยายามเจรจากับทางฝ่ายโน้นไปแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาประมาณ10เดือนไปแล้ว ในเวลานั้นผมไม่ได้พูดอะไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องภายใน มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเอามาพูด ตอนแรกเราก็กะจะไปตกลงกันโดยดี
      ทนาย : ตอนนี้ยังคุยกันไม่ได้ ต้องรอวันที่ 20 พ.ค. ถึงจะไปคุยกันได้ที่ศาลครับ
      เคลลี่ : คือมันมีรายละเอียดเยอะมากครับ เอาไว้ไปฟังกันเต็มๆ ในวันที่ 20 พ.ค. เอาอย่างนี้แล้วกันว่าผมไม่ลึกซึ้งทางด้านกฎหมาย ผมเข้าใจว่าน้องเขาบรรลุวุฒิภาวะแล้ว มันก็อาจจะมีเรื่องพ่อที่ไม่จริงบ้าง หรืออาจะมีจดหมายมาข่มขู่หรือบีบบังคับผม ผมก็ต้องปรึกษาทนาย
      ทนาย : คือคุณเคลลี่เขาไม่รู้เรื่องด้านกฎหมายครับ เรื่องของเรื่องคือมันมีหนังสือมาเพื่อจะดำเนินตามกฎหมาย ทางคุณเคลลี่ก็ต้องป้องกันสิทธิ์ของเขา เขาก็เลยมาปรึกษาผมซึ่งผมก็มีหนังสือไปซึ่งได้โทรคุยกับทนายฝั่งโน้นแล้ว แต่ทางเขาไม่ยอมหยุด เราก็เลยต้องไปดำเนินการที่ศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของเขา
      เคลลี่ : ส่วนเรื่องบาดหมางกันเพราะอะไรอันนี้ผมก็ไม่ทราบรายละเอียดจริงๆ แต่ก็อย่างที่บอกว่าทางฝั่งเรามีหลักฐาน ผมไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้หรอกครับ ผมลำบากใจ น้องกรีนก็ลำบากใจเพราะเขาเป็นคนกลาง เขาทุกข์ เสียใจ เขาก็หมดกำลังใจในการทำงานและการเรียน ผมก็ต้องอยู่เคียงข้างเขา ผมเองก็ไมได้หลับไม่ได้นอนเลยเพราะทุกข์ตัวน้องก็อยู่เคียงข้างผมตลอดเวลาที่เกิดเหตุขึ้น ผมขอร้องว่าอย่าเพิ่งไปตัดสินว่าใครผิดไม่ผิด อยากให้รอรับข้อมูลให้ครบก่อน ผมก็ขอบอกว่ามันเป็นเรื่องระหว่างผมกับทางฝ่ายโน้นไม่เกี่ยวกับน้องเขา

ก่อนหน้านี้ได้คุยกันไหม
      ทนาย : เคยคุยกันแล้วครับ แต่เขาไม่หยุด เรื่องมันก็เกือบๆ 10 เดือนแล้ว เราก็ได้จดหมายมาหลายฉบับ ทั้งหมดนี่เราก็ได้ส่งให้ทางผู้ใหญ่ด้วยแต่เราก็ไมได้ตอบกลับหรืออะไร ก็มีล่าสุดเราตอบกลับไปที่ทนายของเขาซึ่งตัวเขาก็ไม่ยอมหยุด ผมก็เลยบอกว่าดำเนินการทางศาลดีกว่า

กลัวว่าเรื่องจะยาวกว่านี้ไหม
      เคลลี่ : ไม่ครับ ผมถือว่าเราผู้ใหญ่กันแล้ว เราก็น่าจะไปคุยหรือตกลงกันได้ ก็อย่างที่บอกว่ามันมีเหตุผลที่ทำไมจะต้องถึงศาล ก็เพราะว่ามันเป็นกฎหมาย ผมได้รับจดหมายมาจากทนายซึ่งมันมีเรื่องของกฎหมายมาเกี่ยวข้อง ผมไม่ได้เรียนกฎหมายมาผมเลยจำเป็นต้องปรึกษาทนาย ผมพูดไว้เลยว่าสิ่งที่ต้องการไมได้เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง แต่ผมต้องการให้เขาหยุดและขอโทษ เพราะได้มีจดหมายไปถึงทางช่อง 7 ถึงบริษัทอื่นๆ ที่ผมได้เคยร่วมงาน ถ้าเกิดตอนนี้เขาบอกผมว่าจะหยุดจะขอโทษแบบไหนก็ได้ผมก็จะจบเรื่องเหมือนกัน ผมก็อยู่วงการนี้มา 10 กว่าปี กว่าจะสร้างผลงาน กว่าจะมีชื่อเสียง มันไม่ใช่ง่ายๆ ก่อนหน้านี้ผมก็ไมได้มีเรื่องเสียหาย แต่วันหนึ่งก็มีการอย่างนี้เกิดขึ้นซึ่งมีเรื่องกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้องผมก็ต้องป้องกันสิทธิ์ของตัวเอง แต่การที่ผมปกป้องสิทธิ์ของผมมันก็เท่ากับเอาชื่อเสียงที่ผมทำมาเสี่ยงซึ่งมีแต่เสียกับเสีย แต่ผมก็เชื่อในความดี เชื่อในพระเจ้า เชื่อในความรัก ผมถึงต้องมาทำแบบนี้

กรีนได้คุยกับคุณพ่อบ้างหรือยัง
      กรีน : ยังเลยค่ะ กรีนได้ทำงานกับเรียนอย่างเดียวก็เลยยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อ ก็ลำบากใจมากๆ ค่ะ แต่ถ้าจะให้กรีนพูดกรีนก็อยากให้ทุกคนให้โอกาสกันและกันมากกว่า คือเรารักกันแต่อาจจะมีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันแค่นั้นเอง ถ้าเกิดให้โอกาสและลองหันมาคุยกันกรีนว่ามันน่าจะดีกว่า กรีนขอร้องเลยว่าอย่าทำแบบนี้ หยุดสักทีแบบที่เคลลี่บอกค่ะ ไม่ได้เข้าข้างใครแต่อยากให้โอกาส ให้โอกาสพี่เคลลี่ ให้โอกาสกรีนและตัวเขาเองด้วย ถามว่าจะบั่นทอนความสัมพันธ์ไหม็คงไม่มีปัญหาค่ะ
      เคลลี่ : คืออย่างที่บอกว่าเราต้องการคุยจริงๆ ครับ ถ้าเขาหยุดเราก็จบ ถามว่าเป็นเรื่องใหญ่ไหมมันก็ไมได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่ผู้ใหญ่ 2 คนไม่สามารถมานั่งตกลงกันได้ มันก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่เราจะออกมานั่งคุยกัน

ถ้าเกิดคุณพ่ออยากให้เคลลี่กับกรีนเลิกกันหละ
      เคลลี่ : เรื่องนี้ผมก็คุยกับกรีนแล้วว่าถ้าเกิดมีทางเลือกแค่ทางนี้ก็ต้องเข้าใจว่าคนเรา 2 คนกว่าจะได้มาเจอกัน กว่าจะมารักกัน มันไม่ใช่เรื่องง่าย อยู่ดีๆ จะมาให้เลิกกันมันก็ลำบาก การที่เราจะเลิกกันผมว่ามันเป็นสิทธิ์ของคน 2 คนไม่ใช่ให้ใครมาบีบบังคับ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้
      กรีน : เรื่องนี้ให้มันเกิดขึ้นก่อนแล้วกรีนจะตอบดีกว่าค่ะ เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับคุณแม่เลยค่ะ ตอนนี้ก็ทำแต่งาน ด้วยละครที่กำลังออนแอร์อยู่ก็แทบจะไม่มีเวลาแล้วค่ะ จริงๆ ข่าวนี้ไมได้รู้เรื่องจากครอบครัวด้วยซ้ำแต่ได้รู้จากพี่ๆ เขามาบอกถึงได้ตกใจค่ะ ตัวกรีนเองก็อยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีทุกฝ่ายและไม่ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ค่ะ

กรีนออกมาให้ข่าวกับฝั่งนี้หวั่นคุณพ่อไม่พอใจไหม
      กรีน : ถึงกรีนไม่ให้สัมภาษณ์กรีนก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ข่าวมันออกมาแล้ว คนที่อยู่ใกล้นักข่าวมากที่สุดก็คือกรีนกับพี่เคลลี่ที่สามารถออกมาพูดได้ กรีนก็รักทั้งคู่แต่มันก็ต้องอยู่บนความถูกต้อง

หลายคนอาจจะมองว่าเราอกตัญญู
      กรีน : กรีนคงห้ามคนมองไม่ได้ แต่กรีนพูดความจริงและกรีนก็รักครอบครัวค่ะ
      เคลลี่ : ผมถึงได้บอกว่าอยากให้มันเป็นเรื่องของผมและฝ่ายโน้นมากกว่า อย่าเอาน้องเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะเขาก็ลำบากใจพอแล้วครับ ถ้าเกิดว่ามีทางเลือกทางอื่นผมก็คงเลือกทางนั้นไปแล้ว ที่เป้นแบบนี้เพราะผมคิดว่ามันไม่มีทางอื่นแล้ว ก็ไม่รู้จะไปทางไหนแล้วครับ ก็มึนเหมือนกันว่าจะทำยังไงดี





http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=34524
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่