อยากจะด่าปู
แต่หาที่ "โหน" ไม่ได้
มองไปมองมาก็ "ซูจี" นี่แหลว๊ะ
เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แถมยังบ้านใกล้เรือนเคียง
โดยที่ลืมไปว่า
ครั้งหนึีงสลิ่มศรีเคยพากันด่าซูจี
ที่ซูจีดันมาวิพากษ์วิจารณ์ รธน.ภายใต้เผด็จการทหารของไทย
ครั้งนั้น.....ซูจีพูดไว้อย่างแสบสันต์ยิ่งกว่าโดนไบก้อน
"ประเทศไทยตัวอย่างวิกฤติต่อเนื่องที่มาจากการรัฐประหาร2549
และรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยทหาร ได้ทำให้ประเทศไทยใกล้เหมือนประเทศพม่า"
แมงสาป และ สลิ่มศรี ด่าซูจีซะเละเลยครับ เพราะเจอฤทธิ์ "ไบก้อนจากแดนอังวะ"
มาตอนนี้เอาเธอมา "โหน" ซะอย่างงั้น
ผมไม่ได้ว่าซูจีไม่ดี
แต่มันคนละบริบทกับยิ่งลักษณ์
เพราะซูจีอยู่ในประเทศที่รัฐบาลทหารปกครองอย่างชัดเจน
ในขณะที่ยิ่งลักษณ์นั้น
อยู่ในประเทศที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย
แต่กลับมีมือที่มองไม่เห็น, มีระบบลากตั้ง, มี รธน.ที่โจรเขียนคอยขัดขวางการทำงาน
รธน.ที่โจรเขียนมันก็ "โจราธิปไตย" ดีๆนี่เองครับ
ยิ่งลักษณ์นั้น
พยายามที่จะปรองดองทุกอย่าง
อย่างน้อยที่สุดก็พยายามทำงานโดยไม่ "ต่อปากต่อคำ"
เพราะปูมันไม่ใช่คนพูดเก่ง ที่ดีแต่พูด
แต่เมื่อมีทั้งองค์กรอิสระที่จ้องเล่นงาน , มีทั้งฝ่ายแค้นที่แค้นทุกเรื่อง,
มีทั้งรัฐธรรมนูญฉบับ "หน้าแหลม ฟันดำ" ที่เป็นผลพวงจากเผด็จการ
มีทั้งทหารที่จ้องจะทำรัฐประหารตามแบบฉบับของประเทศด้อยพัฒนา....
ถ้าปูจะพูดเพื่อเรียกร้อง "ความถูกต้องของระบบ" ...แล้วมันผิดตรงไหน ????
และที่สำคัญ
สิ่งที่ปูพูดนั้น
แมงสาป หรือ สลิ่มศรี ออกมาค้านซิครับ ว่ามีตรงไหนที่ "ไม่จริง"
โลกเขาจะได้รับรู้ว่าปูโกหก
ถ้าจะบอกว่าปู "ขายชาติ" เพราะการพูดเรื่องนี้นั้น
ผมว่าเรื่องอย่าง ปรส. (ที่กำลังจะหมดอายุความ) ขายชาติแบบเห็นๆแบบชัดเจนครับ
ส่วนของซูจีนั้น
มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นประเทศของรัฐบาลเผด็จการทหาร
ยิ่งพักหลังๆที่ซูจี "สมานฉันท์" กับสล็อคมากขึ้น
มันก็ยิ่งเกิดคำถามของคนที่เคยสนับสนุนเธออย่างมากมาย
แต่ก็นั่นแหละครับ.....ซูจีอาจมองไม่เห็นทางอยู่รอดอื่น นอกเสียจากการยอม "ปรองดอง"
เพราะ "ยิ่งสู้ ก็ยิ่งเจ็บ"
ก็เผด็จการทหารมันครองเมืองซะขนาดนั้น .....ซูจีเขาไม่โง่หรอกครับ
การเลือกที่จะปรองดองน่าจะเป็นผลดีกับซูจี มากกว่าทุรังสู้ต่อไป
ซูจี กับ สล็อค มัน"สมประโยชน์" ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ
ซูจี ได้ออกมาโลดแล่นบนเวทีการเมือง
ส่วนเมียนม่าได้แสดงให้โลกเห็นว่า "ปรับตัว"
ซึ่งจะนำมาด้วยการเปิดประเทศเรียกเม็ดเงินการลงทุน
ไม่ต้องรอนานหรอกครับ
รอดูปลายปีนี้ที่เขาจะเป็นเจ้าภาพ
จัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เนปิดอว์ .....เมืองหลวงใหม่ของเขานั่นแหละ
มัน "ลงตัว" ด้วยกันทัังคู่
ทัง ซูจี และ สล็อค นั่นแหละครับ
อีกทั้ง ซูจี เองก็คง "เข็ด"
จากการถูกปิดปากมายาวนาน
และเล็งเห็นแล้วว่าสู้ต่อไปก็ไม่มีทางชนะ
มันทรมานนะครับกับการโดนกักบริเวณเป็นสิบๆปี
ผมเคยพยายามจะไปพบซูจีเมื่อซัก 15 ปีก่อน
ผมไปกับคุณอารี แท่นคำ อดีต บก.บห Quiet strom
และ คุณณัฐพงษ์ โอษะพนม ผู้กำกับภาพยนต์ที่เป็นเพื่อนกัน
เราไปถึงร่างกุ้ง
แต่ไปหยุดอยู่แค่ทางเข้าบ้านของซูจี
ซึ่งเต็มไปด้วยทหารที่ตั้งบังเกอร์ลวดหนามอย่างแน่นหนา
หลังบ้านของซูจีก็เป็นคลอง หรือ แม่น้ำอะไรซักอย่างนี่แหละ
เรียกว่าถึงไม่ติดคุก
แต่ก็เหมือนติดคุกดีๆนี่เอง
เพราะออกไปไหนมาไหนไม่ได้
และไม่สามารถแสดงความเห็นทางการเมืองได้เลย
ทำได้อย่างเดียวคือการออกมาโบกมือแสดงตนหน้าบ้านในบางที
ใครเป็นซูจี ก็คงเข็ดแหละครับ
ถ้าจะว่ากันจริงๆ
ซูจี และ ยิ่งลักษณ์ อาจไม่ต่างกันมากในด้านการต่อสู้
เพราะทั้งคู่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ "เผด็จการ" ปล้นไปจากตนเอง
ซูจี โดน สล็อค ใช้กำลังทหารปล้นตั้งแต่รุ่นพ่อ
ยิ่งลักษณ์ โดน เผด็จการปล้นพี่ชายของเธอ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมาครับ
ผมเฉยๆกับซูจีครับ ไม่ได้เชียร์ ไม่ได้เกลียด
เพราะมันใกลตัว และ เราอาจไม่เข้าใจธรรมชาติทางการเมืองของเมียนม่าดีพอ
แต่ผมเชียร์ยิ่งลักษณ์
เพราะทั้งเธอ และ พี่ชายเธอ ผ่านการคัดเลือกมาตามระบอบ ปชต.โดยคนส่วนใหญ่ของประเทศครับ
ประเทศสารขัณฑ์มักมีเรื่องแปลกๆแบบนี้เสมอ
คนที่พูด "ต่อต้านเผด็จการ"
กลับถูกมองว่าทำร้ายประเทศ
และควรออกมาขอโทษคนที่ "นิยมเผด็จการ"
คนที่ครั้งหนึ่งเคยโดนแมงสาป และ สลิ่มศรีด่า
เพราะบังอาจมาวิพากษ์วิจารณ์ รธน.เผด็จการของเพื่อนบ้าน "สารขัณฑ์แลนด์"
มาวันนี้กลับถูกนำมา "โหน" เพื่อใช้เปรียบเทียบกับผู้หญิงอีกคนที่พวกตนเกลียด
โดยที่ไม่สำเหนียกกันเลยว่า คนที่ "โดนโหน" นั้น เขาเกลียดเผด็จการเข้าใส้เช่นกัน
สังคมที่ขลาดแคลนฮีโร่นี่มันน่ากลัวจริงๆ
เพราะพร้อมที่จะจับแพะ ชนแกะ แบบมั่วๆ
ถึงขนาดเอาคนที่เคยด่าเขาไว้เพราะเขาวิจารณ์ รธน.เผด็จการ
มาเป็นสัญญลักษณ์ในการ "โหน" เพื่อต่อต้่านคนที่ "พูดต่อต้าน" เผด็จการได้ซะขนาดนั้นเลย
วันหน้าอย่าเผลอไปโหน "คิม จอง อึน" นะครับ....สลิ่มศรีทั้งหลาย
++++++++++ ห้ อ ย โ ห น โ จ น ทะ ย า น .......แหมมม.......ช่ า ง ก ล้ า นะ เธอว์.......++++++++++
แต่หาที่ "โหน" ไม่ได้
มองไปมองมาก็ "ซูจี" นี่แหลว๊ะ
เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แถมยังบ้านใกล้เรือนเคียง
โดยที่ลืมไปว่า
ครั้งหนึีงสลิ่มศรีเคยพากันด่าซูจี
ที่ซูจีดันมาวิพากษ์วิจารณ์ รธน.ภายใต้เผด็จการทหารของไทย
ครั้งนั้น.....ซูจีพูดไว้อย่างแสบสันต์ยิ่งกว่าโดนไบก้อน
"ประเทศไทยตัวอย่างวิกฤติต่อเนื่องที่มาจากการรัฐประหาร2549
และรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยทหาร ได้ทำให้ประเทศไทยใกล้เหมือนประเทศพม่า"
แมงสาป และ สลิ่มศรี ด่าซูจีซะเละเลยครับ เพราะเจอฤทธิ์ "ไบก้อนจากแดนอังวะ"
มาตอนนี้เอาเธอมา "โหน" ซะอย่างงั้น
ผมไม่ได้ว่าซูจีไม่ดี
แต่มันคนละบริบทกับยิ่งลักษณ์
เพราะซูจีอยู่ในประเทศที่รัฐบาลทหารปกครองอย่างชัดเจน
ในขณะที่ยิ่งลักษณ์นั้น
อยู่ในประเทศที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย
แต่กลับมีมือที่มองไม่เห็น, มีระบบลากตั้ง, มี รธน.ที่โจรเขียนคอยขัดขวางการทำงาน
รธน.ที่โจรเขียนมันก็ "โจราธิปไตย" ดีๆนี่เองครับ
ยิ่งลักษณ์นั้น
พยายามที่จะปรองดองทุกอย่าง
อย่างน้อยที่สุดก็พยายามทำงานโดยไม่ "ต่อปากต่อคำ"
เพราะปูมันไม่ใช่คนพูดเก่ง ที่ดีแต่พูด
แต่เมื่อมีทั้งองค์กรอิสระที่จ้องเล่นงาน , มีทั้งฝ่ายแค้นที่แค้นทุกเรื่อง,
มีทั้งรัฐธรรมนูญฉบับ "หน้าแหลม ฟันดำ" ที่เป็นผลพวงจากเผด็จการ
มีทั้งทหารที่จ้องจะทำรัฐประหารตามแบบฉบับของประเทศด้อยพัฒนา....
ถ้าปูจะพูดเพื่อเรียกร้อง "ความถูกต้องของระบบ" ...แล้วมันผิดตรงไหน ????
และที่สำคัญ
สิ่งที่ปูพูดนั้น
แมงสาป หรือ สลิ่มศรี ออกมาค้านซิครับ ว่ามีตรงไหนที่ "ไม่จริง"
โลกเขาจะได้รับรู้ว่าปูโกหก
ถ้าจะบอกว่าปู "ขายชาติ" เพราะการพูดเรื่องนี้นั้น
ผมว่าเรื่องอย่าง ปรส. (ที่กำลังจะหมดอายุความ) ขายชาติแบบเห็นๆแบบชัดเจนครับ
ส่วนของซูจีนั้น
มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นประเทศของรัฐบาลเผด็จการทหาร
ยิ่งพักหลังๆที่ซูจี "สมานฉันท์" กับสล็อคมากขึ้น
มันก็ยิ่งเกิดคำถามของคนที่เคยสนับสนุนเธออย่างมากมาย
แต่ก็นั่นแหละครับ.....ซูจีอาจมองไม่เห็นทางอยู่รอดอื่น นอกเสียจากการยอม "ปรองดอง"
เพราะ "ยิ่งสู้ ก็ยิ่งเจ็บ"
ก็เผด็จการทหารมันครองเมืองซะขนาดนั้น .....ซูจีเขาไม่โง่หรอกครับ
การเลือกที่จะปรองดองน่าจะเป็นผลดีกับซูจี มากกว่าทุรังสู้ต่อไป
ซูจี กับ สล็อค มัน"สมประโยชน์" ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ
ซูจี ได้ออกมาโลดแล่นบนเวทีการเมือง
ส่วนเมียนม่าได้แสดงให้โลกเห็นว่า "ปรับตัว"
ซึ่งจะนำมาด้วยการเปิดประเทศเรียกเม็ดเงินการลงทุน
ไม่ต้องรอนานหรอกครับ
รอดูปลายปีนี้ที่เขาจะเป็นเจ้าภาพ
จัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เนปิดอว์ .....เมืองหลวงใหม่ของเขานั่นแหละ
มัน "ลงตัว" ด้วยกันทัังคู่
ทัง ซูจี และ สล็อค นั่นแหละครับ
อีกทั้ง ซูจี เองก็คง "เข็ด"
จากการถูกปิดปากมายาวนาน
และเล็งเห็นแล้วว่าสู้ต่อไปก็ไม่มีทางชนะ
มันทรมานนะครับกับการโดนกักบริเวณเป็นสิบๆปี
ผมเคยพยายามจะไปพบซูจีเมื่อซัก 15 ปีก่อน
ผมไปกับคุณอารี แท่นคำ อดีต บก.บห Quiet strom
และ คุณณัฐพงษ์ โอษะพนม ผู้กำกับภาพยนต์ที่เป็นเพื่อนกัน
เราไปถึงร่างกุ้ง
แต่ไปหยุดอยู่แค่ทางเข้าบ้านของซูจี
ซึ่งเต็มไปด้วยทหารที่ตั้งบังเกอร์ลวดหนามอย่างแน่นหนา
หลังบ้านของซูจีก็เป็นคลอง หรือ แม่น้ำอะไรซักอย่างนี่แหละ
เรียกว่าถึงไม่ติดคุก
แต่ก็เหมือนติดคุกดีๆนี่เอง
เพราะออกไปไหนมาไหนไม่ได้
และไม่สามารถแสดงความเห็นทางการเมืองได้เลย
ทำได้อย่างเดียวคือการออกมาโบกมือแสดงตนหน้าบ้านในบางที
ใครเป็นซูจี ก็คงเข็ดแหละครับ
ถ้าจะว่ากันจริงๆ
ซูจี และ ยิ่งลักษณ์ อาจไม่ต่างกันมากในด้านการต่อสู้
เพราะทั้งคู่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ "เผด็จการ" ปล้นไปจากตนเอง
ซูจี โดน สล็อค ใช้กำลังทหารปล้นตั้งแต่รุ่นพ่อ
ยิ่งลักษณ์ โดน เผด็จการปล้นพี่ชายของเธอ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมาครับ
ผมเฉยๆกับซูจีครับ ไม่ได้เชียร์ ไม่ได้เกลียด
เพราะมันใกลตัว และ เราอาจไม่เข้าใจธรรมชาติทางการเมืองของเมียนม่าดีพอ
แต่ผมเชียร์ยิ่งลักษณ์
เพราะทั้งเธอ และ พี่ชายเธอ ผ่านการคัดเลือกมาตามระบอบ ปชต.โดยคนส่วนใหญ่ของประเทศครับ
ประเทศสารขัณฑ์มักมีเรื่องแปลกๆแบบนี้เสมอ
คนที่พูด "ต่อต้านเผด็จการ"
กลับถูกมองว่าทำร้ายประเทศ
และควรออกมาขอโทษคนที่ "นิยมเผด็จการ"
คนที่ครั้งหนึ่งเคยโดนแมงสาป และ สลิ่มศรีด่า
เพราะบังอาจมาวิพากษ์วิจารณ์ รธน.เผด็จการของเพื่อนบ้าน "สารขัณฑ์แลนด์"
มาวันนี้กลับถูกนำมา "โหน" เพื่อใช้เปรียบเทียบกับผู้หญิงอีกคนที่พวกตนเกลียด
โดยที่ไม่สำเหนียกกันเลยว่า คนที่ "โดนโหน" นั้น เขาเกลียดเผด็จการเข้าใส้เช่นกัน
สังคมที่ขลาดแคลนฮีโร่นี่มันน่ากลัวจริงๆ
เพราะพร้อมที่จะจับแพะ ชนแกะ แบบมั่วๆ
ถึงขนาดเอาคนที่เคยด่าเขาไว้เพราะเขาวิจารณ์ รธน.เผด็จการ
มาเป็นสัญญลักษณ์ในการ "โหน" เพื่อต่อต้่านคนที่ "พูดต่อต้าน" เผด็จการได้ซะขนาดนั้นเลย
วันหน้าอย่าเผลอไปโหน "คิม จอง อึน" นะครับ....สลิ่มศรีทั้งหลาย