เมื่อวันก่อนไปงานศพคุณแม่ของพี่ที่ทำงาน
นั่งๆ ฟังพระสวดอยู่ น้องที่ไปด้วยกันหันมาถาม พี่ทำไมไม่มีสวดมนต์แปล คือฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ มันก็จะหลับ บ้างก็คุยกันรัยเงี้ย
ก็เลยคิดเล่นๆว่า ถ้าเป็นงานศพเรา เราอยากให้เป็นรูปแบบไหน
ซึ่งในส่วนตัวเราเอง มีเป้าหมายว่าจะบริจาคร่างกายให้เป็นการศึกษา
แต่ก็คิดแผนสำรองไว้ กรณีถ้าเกิดตายแล้ว ด้วยเหตุ หรือมีเหตุที่ไม่สามารถนำร่างกายมาเพื่อเก็บไว้ศึกษาได้
ก็คงไม่พ้นที่จะต้องมาจัดงานศพแบบนี้กัน
ก็เลยนึกในใจว่า ถ้างานศพเรานะ
1. ไม่รับเงินช่วยงาน ไม่รับพวงหรีด แต่จะเอากล่องบริจาคของมูลนิธิ องค์การกุศลต่างๆ มาตั้งไว้ ใครอยากหยอดอันไหนก็หยอดไป
2. มีสมุดให้เซ็นต์ (แต่ไม่ต้องอวยพรนะ 555) เหมือนเวลาเราไปงานแต่ง สมุดนี้เอาไว้เหมือนกับเช็คชื่อว่าใครมางานเราบ้าง
3. มีพระสวดแบบแปล โดยเราจะพิมพ์หนังสือที่มีบทสวดพร้อมคำแปล แจกให้คนที่มาฟังพระสวด อ่านตามเพื่อความเข้าใจไปด้วย
(หนังสือนี้แขกที่มาต้องคืน เราเอาไปถวายวัดไว้ใช้งานต่อไปได้อีก)
ฯลฯ อะไรอีกดี นึกไม่ออกแล้ว ฮ่าๆ ใครมีไอเดีย แวะมาคุยกันสนุกๆค่ะ
มรณานุสติ
คุยกันเนอะ : คุณเคยคิดออกแบบงานศพให้ตัวเองหรือเปล่า??
นั่งๆ ฟังพระสวดอยู่ น้องที่ไปด้วยกันหันมาถาม พี่ทำไมไม่มีสวดมนต์แปล คือฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ มันก็จะหลับ บ้างก็คุยกันรัยเงี้ย
ก็เลยคิดเล่นๆว่า ถ้าเป็นงานศพเรา เราอยากให้เป็นรูปแบบไหน
ซึ่งในส่วนตัวเราเอง มีเป้าหมายว่าจะบริจาคร่างกายให้เป็นการศึกษา
แต่ก็คิดแผนสำรองไว้ กรณีถ้าเกิดตายแล้ว ด้วยเหตุ หรือมีเหตุที่ไม่สามารถนำร่างกายมาเพื่อเก็บไว้ศึกษาได้
ก็คงไม่พ้นที่จะต้องมาจัดงานศพแบบนี้กัน
ก็เลยนึกในใจว่า ถ้างานศพเรานะ
1. ไม่รับเงินช่วยงาน ไม่รับพวงหรีด แต่จะเอากล่องบริจาคของมูลนิธิ องค์การกุศลต่างๆ มาตั้งไว้ ใครอยากหยอดอันไหนก็หยอดไป
2. มีสมุดให้เซ็นต์ (แต่ไม่ต้องอวยพรนะ 555) เหมือนเวลาเราไปงานแต่ง สมุดนี้เอาไว้เหมือนกับเช็คชื่อว่าใครมางานเราบ้าง
3. มีพระสวดแบบแปล โดยเราจะพิมพ์หนังสือที่มีบทสวดพร้อมคำแปล แจกให้คนที่มาฟังพระสวด อ่านตามเพื่อความเข้าใจไปด้วย
(หนังสือนี้แขกที่มาต้องคืน เราเอาไปถวายวัดไว้ใช้งานต่อไปได้อีก)
ฯลฯ อะไรอีกดี นึกไม่ออกแล้ว ฮ่าๆ ใครมีไอเดีย แวะมาคุยกันสนุกๆค่ะ
มรณานุสติ