จากกรณีที่นายกยิ่งลักษณ์ได้รับการเชิญให้ไปปาฐกถาพิเศษในเวทีประชุมประชาคมประชาธิปไตยครั้งที่ 7 ที่ประเทศมงโกลเลีย ที่ได้สับและทิ่มแทงจี้จุดใจดำของพวกโจรปล้นประชาธิปไตย...ถึงกับแตกพล่านยกรัง เป็นที่น่าสมเพช แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ทั้งพันธมิตรควายเหลือง สลิ่มไร้ความคิด และสายพันธุ์แมลงสาป ในเว็ปต่างๆ แสดงอาการแต๋วแตก ดิ้นกระแด๋วพล่านทั้งรัง ยังกับหมาบ้าโดนน้ำร้อนลวก ทนไม่ได้กับความจริง และการที่คนทั้งโลกเขาชื่นชมนายกยิ่งลักษณ์ ว่าพูดความจริงที่สุด ตรงจุด ตรงเป้า และชัดเจน
เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีหรือที่คนในต่างประเทศจะไม่รู้ สมัยนี้ไม่ใช่ยุคโทรเลข หรือม้าด่วนส่งข่าว ที่จะสามารถปกปิดข่าวได้ แต่เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ ที่มีการสื่อสารกันทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่สื่อสารด้วยตัวหนังสือ แต่ทั้งภาพและเสียง ตามที่เกิดขึ้นจริง ทำให้คนทั่วโลกได้รับรู้ และเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ถึงขนาดมีคำกล่าวขวัญว่า "หมดยูคที่ ผู้ชนะเท่านั้น ที่เขียนประวัติศาสตร์ได้แล้ว
แต่ประชาชนชาวโลก จะร่วมกันเขียนและจารึกประวัติศาสตร์ตามที่เกิดขึ้นจริง และจากมุมมองที่ต่างกันด้วย"
ผู้ฟังการพูดของนายกยิ่งลักษณ์ เขาย่อมรู้ดีว่า สิ่งที่นายกยิ่งลักษณ์พูดนั้น นายกยิ่งลักษณ์พูดด้วยความจริง หรือบิดเบือน หรือเท็จ แต่เขาก็จะไม่พูด แต่สิ่งที่เขาทำหรือมีปฏิกริยาก็คือ หากพูดไม่เป็นความจริง เขาก็จะนิ่งแล้วจำไว้ ใส่เครื่องหมายไว้ว่า "เชื่อถือไม่ได้" หลังจากนั้น เขาก็จะพยายามหลีกเลี่ยง การคบหาสมาคมด้วยตามมารยาท และไม่อยากร่วมมือด้วย ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบได้จากนายกของไทย ทั้งสองคน คือ อภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์
ในขณะที่นายอภิสิทธิ์พูดจาภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ค่อยมีใครอยากคบหาสมาคมด้วย แต่นายกยิ่งลักษณ์พูดจาภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ทุกชาติต่างชื่นชม เดินเข้าหา อยากร่วมมือด้วย
สิ่งที่บอกมานี้ เป็นจริงใช่ไหม .....แล้วมันบอกอะไร ให้เราได้รับรู้ ถึงพฤติกรรมและทัศนะคติของกลุ่มคนต่างๆ บ้างล่ะ
ความจริงที่ปฏิเสธไมได้ ไม่ว่าจะโจมตียิ่งลักษณ์เท่าไร
เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีหรือที่คนในต่างประเทศจะไม่รู้ สมัยนี้ไม่ใช่ยุคโทรเลข หรือม้าด่วนส่งข่าว ที่จะสามารถปกปิดข่าวได้ แต่เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ ที่มีการสื่อสารกันทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่สื่อสารด้วยตัวหนังสือ แต่ทั้งภาพและเสียง ตามที่เกิดขึ้นจริง ทำให้คนทั่วโลกได้รับรู้ และเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ถึงขนาดมีคำกล่าวขวัญว่า "หมดยูคที่ ผู้ชนะเท่านั้น ที่เขียนประวัติศาสตร์ได้แล้ว
แต่ประชาชนชาวโลก จะร่วมกันเขียนและจารึกประวัติศาสตร์ตามที่เกิดขึ้นจริง และจากมุมมองที่ต่างกันด้วย"
ผู้ฟังการพูดของนายกยิ่งลักษณ์ เขาย่อมรู้ดีว่า สิ่งที่นายกยิ่งลักษณ์พูดนั้น นายกยิ่งลักษณ์พูดด้วยความจริง หรือบิดเบือน หรือเท็จ แต่เขาก็จะไม่พูด แต่สิ่งที่เขาทำหรือมีปฏิกริยาก็คือ หากพูดไม่เป็นความจริง เขาก็จะนิ่งแล้วจำไว้ ใส่เครื่องหมายไว้ว่า "เชื่อถือไม่ได้" หลังจากนั้น เขาก็จะพยายามหลีกเลี่ยง การคบหาสมาคมด้วยตามมารยาท และไม่อยากร่วมมือด้วย ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบได้จากนายกของไทย ทั้งสองคน คือ อภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์
ในขณะที่นายอภิสิทธิ์พูดจาภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ค่อยมีใครอยากคบหาสมาคมด้วย แต่นายกยิ่งลักษณ์พูดจาภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ทุกชาติต่างชื่นชม เดินเข้าหา อยากร่วมมือด้วย
สิ่งที่บอกมานี้ เป็นจริงใช่ไหม .....แล้วมันบอกอะไร ให้เราได้รับรู้ ถึงพฤติกรรมและทัศนะคติของกลุ่มคนต่างๆ บ้างล่ะ