ตอนนี้ พ่อกับแม่ผม ยังมีชีวิตอยู่ ...
แต่ทั้งสองท่านมีความสุข ตามอัตภาพ
ลูกเต้า ทุกคนก็มีครอบมีครัว มีอาชีพการงาน ไปหมดทุกคนแล้ว
ถือว่า พ่อแม่หมดห่วง ...
พ่อผมแก่แล้ว เป็นเบาหวาน แต่เพราะ ปฏิบัติธรรม ทุกวันทุกคืน
ฉันอาหาร มื้อเดียว .... อยู่เอกา คนเดียว
ทำให้พ่อผม แม้จะชรา แต่ ก็หน้าตาสดใส .... ไม่มีโรคอะไร แทรกซ้อน
มุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเดียว ...
ถ้าพ่อผมเสีย ... ผมถือว่าท่านได้ ใช้ชีวิตคุ้มแล้ว ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม
พ่อผมปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ท่านเคยกล่าวว่า
"เราบวชเป็นพระ ... ถ้าไม่เร่งปฏิบัติ หรือ ทุศิล
เกิดมาชาติหน้า จะต้องใช้หนี้ เป็นวัวเป็นควาย ให้เขาใช้งาน ..."
พ่อผมจึงปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นเนื้อนาบุญ ให้ญาติโยม ได้อานิสง เวลามาทำบุญ
ส่วนแม่ผม ...
เข้าวัดเข้าวา ทำบุญไม่เคยขาด .... ไหว้พระสวดมนต์ ทุกวัน
แม่ผม แม้จะ มีโรคประจำตัว คือ หัวใจรั่ว .. เข้าออก โรงพยาบาลบ่อยๆ
แต่อานิสงค์ จากการปฏิบัติธรรม ก็ทำให้แม่ อยู่ได้ แม้ร่างกายจะต่อสู้กับโรคร้าย
แต่หน้าตาของแม่ ยังสดใส ด้วยอานิสงส์ จากการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ..
ทั้งพ่อ และ แม่ เตรียมตัวก่อนตาย ...
ผมโทรหาแม่ พูดคุยบ่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่า แม่ไม่มีความวิตกกังวลใดๆ ...
คุยกันสบายๆ ตลอด ....
ถ้าพ่อ และ แม่ผม เสียชีวิต .... ผมอาจจะร้องไห้ ด้วยอาลัยอาวรณ์
แต่ผมคงไม่เสียใจ เพราะทั้งพ่อและ แม่ เดินมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
แม่ เคยเปรยๆ กับผมว่า ตอนนี้ ไม่ไหวแล้ว หายใจลำบาก เหนื่อย เพลีย
คงไม่รอดแล้วลูก ..... เดี๋ยวคงต้องตายสักวัน
ผมพูดกับแม่ว่า ตายก็ไม่เป็นไร แม่ .... มันเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์
แม่หัวเราะ .... อืมมมม .... ตายก็ตาย ไม่รู้จะทำอย่างไร ... ช่างมันเถอะ
ผมดีใจ ที่แม่รู้สึกอย่างนั้น ... พ่อแม่แก่ชรา สักวันก็คงต้องไป ...
และถึงเวลานั้น ผมก็ไม่เสียใจ นอกจากอาลัย...
แต่ก่อนถึงวันนั้น ผมพยายาม ทำดีพูดดี ทำเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ
ผมก็พยายาม ทุกอย่าง กระทำความดี เพื่อพ่อแม่
ส่งเสียทุกเดือนแม้ผมจะไม่ได้อยู่ใกล้ เพื่อปรนณิบัติพ่อแม่....
ปล. ภาพล่าสุดของพ่อผม ครับ แม้ร่างกายจะแก่ชรา หูตาฝ้าฟาง แต่
แต่สมอง และ สติ ไม่เลอะเลือน ด้วยการนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม
<<... ดีใจ ภูมิใจ ที่พ่อและแม่ อยู่อย่างมีความสุข ในบั้นปลายชีวิต ..>>
ตอนนี้ พ่อกับแม่ผม ยังมีชีวิตอยู่ ...
แต่ทั้งสองท่านมีความสุข ตามอัตภาพ
ลูกเต้า ทุกคนก็มีครอบมีครัว มีอาชีพการงาน ไปหมดทุกคนแล้ว
ถือว่า พ่อแม่หมดห่วง ...
พ่อผมแก่แล้ว เป็นเบาหวาน แต่เพราะ ปฏิบัติธรรม ทุกวันทุกคืน
ฉันอาหาร มื้อเดียว .... อยู่เอกา คนเดียว
ทำให้พ่อผม แม้จะชรา แต่ ก็หน้าตาสดใส .... ไม่มีโรคอะไร แทรกซ้อน
มุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเดียว ...
ถ้าพ่อผมเสีย ... ผมถือว่าท่านได้ ใช้ชีวิตคุ้มแล้ว ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม
พ่อผมปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ท่านเคยกล่าวว่า
"เราบวชเป็นพระ ... ถ้าไม่เร่งปฏิบัติ หรือ ทุศิล
เกิดมาชาติหน้า จะต้องใช้หนี้ เป็นวัวเป็นควาย ให้เขาใช้งาน ..."
พ่อผมจึงปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นเนื้อนาบุญ ให้ญาติโยม ได้อานิสง เวลามาทำบุญ
ส่วนแม่ผม ...
เข้าวัดเข้าวา ทำบุญไม่เคยขาด .... ไหว้พระสวดมนต์ ทุกวัน
แม่ผม แม้จะ มีโรคประจำตัว คือ หัวใจรั่ว .. เข้าออก โรงพยาบาลบ่อยๆ
แต่อานิสงค์ จากการปฏิบัติธรรม ก็ทำให้แม่ อยู่ได้ แม้ร่างกายจะต่อสู้กับโรคร้าย
แต่หน้าตาของแม่ ยังสดใส ด้วยอานิสงส์ จากการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ..
ทั้งพ่อ และ แม่ เตรียมตัวก่อนตาย ...
ผมโทรหาแม่ พูดคุยบ่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่า แม่ไม่มีความวิตกกังวลใดๆ ...
คุยกันสบายๆ ตลอด ....
ถ้าพ่อ และ แม่ผม เสียชีวิต .... ผมอาจจะร้องไห้ ด้วยอาลัยอาวรณ์
แต่ผมคงไม่เสียใจ เพราะทั้งพ่อและ แม่ เดินมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
แม่ เคยเปรยๆ กับผมว่า ตอนนี้ ไม่ไหวแล้ว หายใจลำบาก เหนื่อย เพลีย
คงไม่รอดแล้วลูก ..... เดี๋ยวคงต้องตายสักวัน
ผมพูดกับแม่ว่า ตายก็ไม่เป็นไร แม่ .... มันเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์
แม่หัวเราะ .... อืมมมม .... ตายก็ตาย ไม่รู้จะทำอย่างไร ... ช่างมันเถอะ
ผมดีใจ ที่แม่รู้สึกอย่างนั้น ... พ่อแม่แก่ชรา สักวันก็คงต้องไป ...
และถึงเวลานั้น ผมก็ไม่เสียใจ นอกจากอาลัย...
แต่ก่อนถึงวันนั้น ผมพยายาม ทำดีพูดดี ทำเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ
ผมก็พยายาม ทุกอย่าง กระทำความดี เพื่อพ่อแม่
ส่งเสียทุกเดือนแม้ผมจะไม่ได้อยู่ใกล้ เพื่อปรนณิบัติพ่อแม่....
ปล. ภาพล่าสุดของพ่อผม ครับ แม้ร่างกายจะแก่ชรา หูตาฝ้าฟาง แต่
แต่สมอง และ สติ ไม่เลอะเลือน ด้วยการนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม