แตกประเด็นจาก  http://ppantip.com/topic/30379615



มาส่งข่าวค่ะ
จากกระทู้ 30379615
ได้พาเค้าไปกันมาแล้วนะคะ ประทับใจกันไปเลยค่ะ......

โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องพาเที่ยวกรุงเทพใน 1 วัน เอาให้ครอบคลุม เพราะเค้าจะไปฮันนีมูนต่อที่สมุยขากลับไปเกาหลีก้อไม่ได้ออกจากแอร์พอร์ต เพราะเปลี่ยนเครื่องแล้วกลับเกาหลีเลย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีไกด์เฉพาะกิจอย่างดิฉันและสามีค่ะรับเพื่อนคนเกาหลีที่โรงแรม 6 โมงเช้านิด ๆ  เราวางแผนกันมาระดับนึง โดยเริ่มดังนี้ค่ะ พาขึ้นรถ เราขับตรงไปบริเวณ

1)    พระที่นั่งอนันตสมาคม
เพื่อถ่ายรูป รถโล่งมากจนยืนถ่ายรูปกลางถนนได้เหมือนเวลาคนเค้ารับปริญญาเลย 555 ระหว่างทางก็ได้เห็น สนามม้า ทำเนียบรัฐบาล ป้อมพระกาฬ โลหะปราสาท อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย และอาคารสวย ๆ โดยรอบตลอดทาง  แล้วไปจอดรถที่วัดชนะสงคราม  เมื่อจอดรถแล้ว เป็นเวลาประมาณเกือบ 7 โมงเช้า ก็นั่งแท็กซี่ต่อไปที่ท่าพระจันทร์ เพื่อรับประทานอาหารเช้าง่าย ๆ ด่วนๆ แต่เช้ามาก อาหารก็ยังมาเปิดร้านไม่มากนะคะ แต่ก็พบข้าวต้มร้านนึงดูน่าสนใจ เป็นข้าวต้มปลา กุ้ง ปลาหมึก หมูสับ กระดูกหมู อร่อยมากทีเดียว จัดไปคนละชาม อิ่มผสมร้อน เพราะอากาศในวันนั้นร้อนมาก ๆ แม้ในเวลาเช้า
เมื่อเดินออกมาจากร้านข้าวต้มมีใส่บาตรบริเวณนั้น คนไทยพุทธจึงจัดให้เกาหลีทั้ง 2 ก็ได้ใส่บาตรคนละชุดค่ะ ^^ จากนั้น พวกเราจึงพากันนั่งตุ๊ก ๆ ไปที่

2)    ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
พร้อมถ่ายรูปนั่งรถตุ๊ก ๆ  ตามสูตร เมื่อลงรถมีคนมาขายดอกไม้ แพงเอาเรื่องอยู่ ทีแรกกะเข้าไปซื้อด้านใน แต่ไม่รู้ไง มือมันยื่นไปรับ ค่าดอกไม้ ค่าทอง คนละ 3 ชุด  รวม 480 บาท เฮ้ออ เมื่อเข้าไปก็ปิดทอง แต่ปิดไม่หมด เพราะทองเยอะเหลือเกิน
ก็ซื้อมาตั้งหลายกระตังนินา 555  โอเคไม่เป็นไร ก้อไหว้จนเสร็จไปด้วยดี ให้ทองที่เหลือ 2 ซองแก่เพื่อนเป้นที่ระลึกเมื่อเสร็จ เราก็ไปรอคิวเพื่อเข้า

3)    วัดพระแก้ว (เปิด8:30)  ด้วยความที่อากาศร้อนมาก ไม่สามารถเดินจากศาลหลักเมืองมาที่ประตูทางเข้าวัด แต่สิ่งที่ดีในวันอากาศร้อนคือ ท้องฟ้าสีฟ้าเข้ม เมฆขาวจัดเป็นก้อนใหญ่ ๆ สวยจริง ๆ  พวกเราจึงนั่งแท็กซี่ มองนอกหน้าต่างเห็นทัวร์ชาวจีนจำนวนมาก มารอเข้าคิวเพื่อซื้อบัตร ต่างชาติราคา 500 บาทนะเออ  ขาเข้าสามีดิฉันต้องไปเปลี่ยนกางเกง เพราะเค้าใส่ขาสี่ส่วนมา ทั้งๆ ที่ดิฉันแจ้งแก่เพื่อนที่มาทั้ง 2 คน กลายเป็นเกาหลีแต่งถูกระเบียบไปซะงั้น ก็เลยต้องมัดจำกางเกง ดูแล้วเสื้อและกางเกงที่ให้ใช้นั้นก็ดูสะอาดดีค่ะ เมื่อเข้ามาในเขตวัดแม้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ดิฉันก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจและทึ่งในความงามของอาคารและสีสันที่สวยงามวิจิตร และความงามของพระแก้วมรกฏ ทุกคราที่มาเยือน
ดิฉันอธิบายเรื่องเครื่องทรงทั้ง 3 ฤดูให้เพื่อนฟังว่ามี 3 ชุด เค้าสงสัยว่าเรามี 3 ฤดูเองหรือ ก็บอกไปว่าในกรุงเทพไม่น่าเกิน 3 วัน -1  อาทิตย์ มีโอกาสเย็นถึง 21 องศา เค้าร้องห๊าเลย แบบ แค่นี้เองเหรอ 5555 จากนั้นก็เดินชม

4)    พระบรมมหาราชวัง
ซึ่งก็อาคารสวยงามอย่างหาที่ติไม่ได้จริง ๆ ภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย เราจึงมีพระราชวังสวย ๆ ให้เป็นที่ภูมิใจแล้วภายในเขตพื้นที่ก็ยังมี

5)    พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ต่างชาติบัตรรวมเรียบร้อยแล้วตอนเข้าวัดพระแก้ว คนไทยเสียเพิ่มคนละ 150 บาท ข้างในอาคารติดแอร์เย็นฉ่ำ คลายร้อนได้เป็นอย่างดี ที่นี่จัดแสดงฉลองพระองค์ที่เป็นผ้าไทยที่ปักและตัดเย็บได้สวยสง่างามในหุ่น และจัดแสดงเรื่องงานศิลปาชีพต่าง ๆ ด้านล่างมีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมผ้าฝ้ายและของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์
มีข้อแนะนำว่าหากท่านจะมาที่วัดพระแก้วโปรดมาแต่เช้า มารอประตูทางเข้าเปิดได้ยิ่งดี เพราะตอนดิฉันออกเป็นเวลาสายแล้ว ประมาณเกือบ 10 โมง ทัวร์คนเยอะมากที่ทางเข้าเห็นร่มกางเป็นหลายร้อยคันเลยทีเดียว
เมื่อเสร็จจากที่นี่แล้วจึงไปคืนกางเกงที่มัดจำและดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ เตรียมพร้อมลุยต่อ ออกไปขึ้นตุ๊ก ๆ ให้ลมพัดอีกซักรอบ และมุ่งหน้า

6)    วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
เพื่อสักการะพระพุทธไสยาส วัดโพธิ์ เพื่อนเกาหลีได้หยอดเหรียญลงบาตรทั้ง 108 ด้วย  เมื่อเสร็จจากที่นี่แล้ว ตามแผนเดิม เราจะต้องมีการนั่งเรือข้ามท่าเตียนไปที่วัดอรุณ เพื่อชมพระปางค์วัดอรุณ แต่เนื่องจากเวลาของเรามีไม่พอเดินในพิพิธภัณฑ์ที่ติดแอร์นานไปหน่อย เพราะทีแรกดิฉันไม่รู้ว่ามีสถานที่นี้ และประกอบกับมีคนไม่อยากร้อนเหงื่อโทรมร่างกายอีก จึงจำต้องตัดบางสถานที่ออกจากโปรแกรม ดังนั้นจึงนั่งแท็กซี่กลับไปที่วัดชนะสงครามเพื่อไปเอารถ แต่กว่าจะได้แท๊กซี่นั้น ไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ เพราะแท็กซี่และตุ๊กตุ๊กที่จอดสนิทรอผู้โดยสารอยู่ตรงนั้น ณ เวลานั้น ทุกคันที่ดิฉันเดินไปคุยเค้าจอดรอเอาเปรียบผู้โดยสาร พอถามก็ทำหน้าแบบ ครุ่นคิด คิ้วยก ปกติจากวัดโพธิ์ไปวันชนะฯควรจะอยู่ 50 บาทนิดหน่อย แต่เค้าคิด 150 ไม่ยอมกดมิเตอร์ ตุ๊กตุ๊กก็คิดราคาเดียวกัน ใครเจออย่างนี้ไม่ต้องเซ็งนะคะ เดินไปหน่อยเดียวตรงท่าเตียน  40 เมตรจากทางออกวัดโพธิ์ แท๊กซี่ดี ๆ ที่ผ่านไปมา เค้ายินดีรับเราค่ะ

7)    ถนนข้าวสาร ช่วงกลางวัน ไม่มีอะไรมากเหมือนตอนกลางคืน แต่ก็ได้อารมณ์ สเน่ห์เฉพาะของถนนนี้นะ ข้าวของเสื้อผ้าก็มีมาวางขายกันเยอะแล้ว ถือว่าไม่พลาดตำแหน่งนี้ก็โอเคละค่ะ และพวกเราก็เดินไปขึ้นรถพร้อมไปสู่สถานที่ต่อไป ก็หิวกันแล้วนี่นาเพราะว่าเข้าไปจะ 11 โมงแล้ว เข้าก็ทานกันแค่ข้าวต้มอย่างเดียว
เพื่อนเกาหลีกับภรรยาเค้าอยากทาน แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด ต้มยำกุ้ง ผัดไท มะม่วง มะพร้าว เราจึงเลือกไปทานที่ฟู้ดคอร์ท เพราะว่ามีให้เลือกหลากหลาย ราคาคุ้มค่า อาหารแบบที่เรา ๆ  ทานกันได้ ฉะนั้นเป็นที่อื่นไปไม่ได้ต้องที่นี่ที่เดียว

8)    Pier21  (Terminal 21) เรามาที่นี่เกือบเที่ยง เพราะว่ารถติดมากจากทางลงด่วนพระรามเก้าถึงเทอร์มินอลใช้เวลายาวนานเหลือเกิน...เมื่อถึงฟู้ดคอร์ท ดิฉันได้จัดขนมจีนแกงไก่ ไข่มะตูม น้ำปลาพริก, ข้าวและแกงแพนงหมู, เกาเหลาเนื้อตุ๋น แคบหมู, เป็ดตุ๋น (เมนูนี้เค้าเลือก), ขาหมู ไข่พะโล้และหมูทอดของร้านข้าวขาหมู, มะม่วงปั่น สมูทตี้, ข้าวเนียวมะม่วง  ข้าวเปล่า 3 ขนมจีน 1 ชาม อาหารทั้งหมดนี้มากพอสำหรับ 4 คนทีเดียว และที่หมดอย่างแรกคือ ขนมจีน 3 จับ ที่จัดการเส้นทั้งหมดโดยเกาหลี เส้นขนมจีนกับแกงนี้มันอร่อยสุด ๆ อย่างที่เกาหลีไม่เคยมาก่อน 5555 คือถ้าดิฉันเลือกเป็นร้านอาหาร เราคงจะไม่ได้อาหารที่หลากหลายอย่างนี้ และสถานที่นี้ก็ดูดี สวยงาม พามาแล้วก็ไม่ขายหน้านะ แต่ดั๊นมาถึงเที่ยงซะนี่ คนเลยเยอะแบบสุด ๆ ไปเลย แต่ก็คึกคักดีค่ะ และหลังจากจบมื้ออาหารก็ยังสามารถเดินช๊อปปิ้งได้ด้วย ก็ไปได้เสื้อผ้านิดหน่อยและกระเป๋าหนังจระเข้สีส้มสวยมาก ๆ เลย เค้าบอกว่าที่เกาหลีเนี่ย มันแพงมาก ๆ เลย มาที่เมืองไทยนี่ถูกและร้าน CO-KO นี้เค้าแบบทันสมัยคุณภาพดี

9)    Jim Thompson  เป็นสถานที่ ที่ได้รับการร้องขอจากเพื่อนมาว่าจะต้องไปให้เป็นได้ เพราะมันฮิตมากในเกาหลี ดังนั้นการเดินทางด้วย BTS จึงเกิดขึ้น เพราะเราจะเดินทางจากสถานีอโศกไปยังสถานีบางจาก วิธีเดินทางก็หลากหลายเลยนะ ทั้งตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ รถส่วนตัว ยังเสียดายที่ขาดเรือข้ามฟากไปวัดอรุณ ก่อนเข้าซอยสุขุมวิท93 แวะ 7-11 หาเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ ดิฉันแนะนำน้ำตาลสด บอกให้ลองดูนะ Aroma มาก ๆ เค้าก็ดูดแล้ว โอ้ หอมดีนะ และเมื่อถึงสถานที่และเมื่อซื้อสินค้าเป็นที่พอใจแล้วก็ BTS กลับมาเอารถที่เทอร์มินัล21 แล้วไปแหล่งช๊อปปิ้งสำคัญที่ไม่ควรพลาดอีกอย่าง

10)     มาบุญครอง-สยามสแควร์ ขาขับไป รถก็ติดเหมือนกัน บ่ายสามโมงกว่า ดิฉันจอดรถที่ประจำ เป็นตึกของจุฬา ก็ลงเดินเที่ยวกัน แต่ว่าสาวเกาหลีของเราโดนรองเท้าแตะหูหนีบกัดหลังเท้า ก็ต้องหาพลาสเตอร์ให้ไป กัดสองข้างเลย จึงแนะนำไปว่าควรจะซื้อรองเท้าแต่ใหม่ เพราะรองเท้านี้คงไปเดินสมุยกับยูไม่ได้แล้วนะ ก็ได้ของหลายอย่าทั้งกางเกงลายช้าง เสื้อยืดลายกระทิงแดง กระเป๋าสตางค์แบบผู้ชายหนังไอ้เข้ที่ฮิตเป็นหนักหนาในเกาหลี และอื่น ๆ ระหว่างนี้ หิวนิดหน่อย ก็ได้ มนต์นมสดที่แสนหอมอร่อย เป็นของโปรดของดิฉันเอง อีกทั้งขนมปังสังขยาสีส้ม สีเขียว ที่โปรดปรานและแบบราดนมก็อื้มม  เมื่อได้เวลา เราก็ออกเดินทางไปทานอาหารที่เค้าร้องขออีก คือ เราจะต้องให้เค้ารู้ว่าประสบการณ์ของอาหารไทยที่เกาหลีกับออริจินัลในเมืองไทยนั้น มันเทียบกันไม่ด๊ายย

11)    ผัดไท ทิพย์สมัย เดินทางถึงร้านน่าจะซักประมาณทุ่มครึ่งแล้ว ร้านตกแต่งใหม่จากที่ดิฉันนั้นห่างไปนานเกือบสองปี กลับมาคราวนี้ แต่งแบบโบราณสวยดี มีที่กั้นเพื่อเข้าคิว ให้เป็นระเบียบ ร้านที่คนเยอะๆ อาจจะเอาไอเดียนี้ไปใช้ก็ดีเหมือนกันนะ ส่วนผัดไทนั้นผัดทีนึงกะทะใหญ่ ๆ รสชาติก็ยังใช้ได้ไม่เปลี่ยนเลย ขนาดคิดจะทำกินเองที่บ้านยังไม่เอาดีกว่า กลัวทำไปแล้วไม่มีคนกิน 555 สามีสั่งแบบกุ้งสดห่อไข่ให้ตัวเองและเพื่อน ส่วนดิฉันสั่งแบบธรรมดา คือดิฉันว่าแบบธรรมดามันมีกุ้งแห้งอยู่ทั่ว ถ้าแบบพิเศษมันมีแต่กุ้งสดตัวใหญ่ กลิ่นมันไม่ใช่อ่ะค่ะ และไข่ของแบบธรรมดานั้นก็จะยี ๆ มาชิ้นใหญ่หน่อยและติดเส้น แต่ถ้าห่อไข่ กลิ่นมันก้อเป็นแบบไข่เจียวซึ่งมันก้อไม่ใช่อีกอ่ะค่ะ หลังมื้ออาหาร ถามเค้าว่าอร่อยมั้ย เค้าบอกว่าเป็นผัดไทยที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลย เมื่อจบมื้อนี้ พวกเราก็เหนื่อยกันเต็มที่ทั้งวัน ทั้งร้อนตั้งแต่เช้า ทั้งเดินทาง ตัวเหนียวหนึบ เมื่อยขา ก็จะต้องไปหาที่นั่งชิว ก็คุยกันกับน้องชายสามีว่าเอาที่ใหนดี ที่สะดวก ๆ หน่อย ก็มาได้ที่สุขุมวิท 11

12)    ร้านรถเสบียง แต่ก็ไม่ได้นั่งด้านในแอร์ เราเลือกนั่งกันที่ด้านนอกดู Live Band  show เป็นวงแจส ก็สั่งเครืองดื่มมานั่งคุยกันต่อให้สมกันที่ไม่เจอกันนาน และหลังจากนี้จะเจอกันเมื่อไหร่อีกหนอ