กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเตือนภัยเพื่อนๆที่ชอบท่องเที่ยวต่างประเทศนะค่า เหตุเกิดในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี้เอง (วันที่ 12-16 เม.ย) ครอบครัวเราวางแผนว่าจะไปเที่ยวเมืองจีนกัน โดยเลือกที่จะไปเมืองกวางเจา เพราะพี่สาวและพี่เขยเคยเรียนที่เมืองนี้มาก่อน เค้าเลยอาสาพาครอบครัวเราไปเที่ยว (แน่นอนว่าเน้นช็อปกระจาย เพราะทริปนี้ผู้หญิงเป็นใหญ่ค่า 555 ทริป8คน ช.3 ญ.5) ซึ่งโดยปกติแล้วครอบครัวเรามักจะชอบเที่ยวต่างประเทศในช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์เป็นประจำอยู่แล้ว โดยมักแลกเงินกับธนาคารหรือไม่ก้อร้านรับแลกเงินชื่อดังอย่างซุปเปอร์ริช ซึ่งไม่เคยเกิดปัญหามากก่อน เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่โดนยัดไส้แบงค์ปลอมมาแน่ๆ ซึ่งคราวนี้บอกคำเดียวว่าคิดผิดถนัดค่ะ.....
ทริปเที่ยวครั้งนี้จริงๆครอบครัวเรายังพอมีเงินหยวนที่แลกเหลือจากครั้งก่อนๆอยู่พอประมาณ (8000-9000 หยวน) ประกอบกับพี่เขยว่าจะไปแลกเงินกะน้องชายเค้าที่เรียนอยู่ที่กวางเจา เราเลยไม่ได้หาที่แลกเงินเพิ่ม แต่พอมาวันที่ 12 ก่อนออกเดินทางในช่วงดึก พ่อเราคิดว่าเงินหยวนที่เหลืออาจจะน้อยไปเพราะต้องอยู่กันหลายวัน เค้าเลยไปแลกเพิ่ม ซึ่งร้านที่ไปแลกนั้น เป็นร้านรับแลกเงินชื่อดังแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุชค่ะ (ร้านนี้มีโฆษณาตามสื่อออนไลน์ มี 3 พยางค์) สาเหตุที่เลือก เพราะช่วงปีใหม่ครอบครัวเราก้อไปแลกเงินเยนที่ร้านนี้ ซึ่งครั้งนั้นก็ไม่เกิดปัญหา ประกอบกับร้านอยู่ใกล้บ้าน และเรตที่แลกก้อแพงกว่าซุปเปอร์ริชนิดหน่อย (4.75) จึงเลือกแลกที่ร้านนี้ โดยแลกเพิ่ม 5000หยวน พอกลับถึงบ้านพี่สาวก็โทรมาบอกว่า พี่เขยต้องไปเจอน้องชายเค้าที่กวางเจาก่อนถึงจะแลกเงินได้ ทางบ้านเราเห็นว่ามันยุ่งยากไปเลยแนะนำไปว่า ให้แลกกะที่ร้านนี้ไปเลยดีกว่า ซึ่งพี่สาวเราก็อโอเค พ่อเราเลยขับกลับไปที่ร้านนี้โดยแลกเพิ่มอีก 10000 หยวน (สรุปแลกไป 15000 หยวน) โดยเงินที่ได้นั้นเป็นแบงค์ร้อยหยวนทั้งหมด โดยมีทั้งแบงค์เก่าและใหม่สลับกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของร้านรับแลกเงินอยู่แล้ว พอได้มาครอบครัวเราก้อนับแค่จำนวนแบงค์ว่าครบไหมเท่านั้น (ยอมรับว่าอาจจะประมาทในส่วนนี้)
โดยเงินที่แลกมาใหม่นั้น พ่อเราแบ่งเป็น 2 กองคือ กองที่พ่อถือ 5000 หยวน และกองของพี่สาว 10000 หยวน ส่วนแม่และน้องๆที่เหลือใช้เงินกองเก่ากัน ซึ่งพอไปถึงจีน พี่สาวและพี่เขยก็เป็นไกด์พาเที่ยวค่ะ สองวันแรกครอบครัวเราก็ใช้เงินกันตามปกติ ซื้อของกันกระจายเพราะอย่างที่บอกว่าทริปนี้เน้นช็อปปิ้งค่ะ 555 โดยเงินที่ได้ทอนมานั้น พี่สาวจะเอาไฟที่ใช้ส่องแบงค์ปลอมที่เค้ามีมาส่องดูว่าเป็นแบงค์จริงหรือปลอมเสมอ เพราะอย่างที่รู้ๆกันดีว่าเมืองจีนขึ้นชื่อว่ามีแบงค์ปลอมปนมาด้วย ซึ่งทุกครั้งก็ไม่เกิดปัญหาอะไร (ที่ได้ทอนมาเป็นแบงค์ 10 20 50 หยวน)
ปัญหามันมาเกิดในวันที่สามนี้เอง (15 เม.ย) วันนั้นพี่เขยเราจะแวะไปหาน้องชายเค้า เลยแยกตัวไป ให้พี่สาวเราซึ่งพูดจีนได้เป็นคนพาเที่ยวต่อ วันนั้นพี่สาวเราเลือกซื้อเสื้อจากร้านแห่งหนึ่งตอนจ่ายเงินก้อยื่นแบงค์ 100 หยวนให้เจ้าของร้าน (ตอนนั้นสาวๆอีก 4 คนก้อมองตามเพราะรอเค้าจ่ายเงินอยู่) เจ้าของร้านถือเงินได้ไม่ถึง 5 นาทีเค้ายื่นเงินคืนแล้วบอกว่าขอเปลี่ยนเป็นแบงค์เก่าหรือแบงค์ย่อยได้ไหม พี่สาวไม่ได้คิดอะไรเลยยอมเปลี่ยนเป็นแบงค์ย่อยไปเพราะคิดว่าที่ร้านคงไม่มีทอน ออกมาเรายังแซวกันอยู่ว่า สงสัยร้านเค้ากลัวแบงค์ปลอมหรือเปล่า แต่ไงเราเป็นนักท่องเที่ยวไงก็แบงค์จริงอยู่แล้ว พี่เราก้อเอาแบงค์ร้อยดังกล่าวเก็บในกระเป๋าใส่เงิน จากนั้นครอบครัวเราก้อช็อปปิ้งกันตามปกติ เดินได้สักพักพี่เราก้อพาเข้าไปกินข้าวในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หลังกินข้าวเสร็จ ครอบครัวเห็นว่าไหนๆก้อเข้ามาในห้างแล้วก็ถือโอกาสเลือกซื้อขนมของฝากในซุปเปอร์ห้างนี้เลยล่ะกัน ซึ่งก็เลือกขนมกันค่อนข้างเยอะ พอถึงตอนจ่ายเงิน พี่เราก้อยื่นแบงค์ร้อยจ่ายให้เคาเตอร์ พนักงานเค้ารับแบงค์ไปสักพัก ก้อเรียกพนักงานคนอื่นอีก 2 คนมาช่วยกันดู ทั้งช่วยกันขูดแถบเงิน ทั้งส่อง ทั้งจับ เรากับพี่ก้อว่ามันแปลกๆล่ะ หลังจากผ่านไป 5 นาที พนักงานหันมาพูดกะพี่เราว่า ขอเปลี่ยนแบงค์เป็นแบงค์เก่าได้ไหม พี่เราหน้าเสียล่ะ เลยหยิบแบงค์ร้อยใบถัดไปให้ใหม่ เค้ารับแบงค์ใหม่ไปไม่ถึงนาทีเค้ายื่นคืนเลยว่าเปลี่ยนใบอีก (รอบนี้ทั้งบ้านเห็นกันจ๊ะๆเลย เพราะจ้องกันทุกคน (5คน) พนักงานเค้าไม่มีการเปลี่ยนมือหรือโอกาสเปลี่ยนแบงค์แน่ๆ ) เอาล่ะสิแบงค์ร้อย 2 ใบที่อยู่ติดกันพนักงานเค้าไม่รับเลยพี่เราเลยต้องเปลี่ยนให้เป็นใบที่ 3 รอบนี้พนักงานไม่พูดอะไร รับแล้วจ่ายเงินตามปกติ พอคิวต่อไปเราจ่ายบ้าง พอพนักงานเค้ารับแบงค์ปุ๊บ เค้ารีบดูเลย คงเห็นว่าเรามากลุ่มเดียวกัน ซึ่งรอบของเราไม่มีปัญหา พอจ่ายเงินกันเสร็จ พี่เรารีบเอาแบงค์ร้อย สองใบที่มีปัญหามาเช็คกับไฟส่องแบงค์ปลอมทันที ส่องกันหน้าซุปเปอร์เลย พนักงานเค้าก้อมองมาที่กลุ่มเรากันใหญ่ แต่ล่ะคนหน้าเสียกันล่ะ ส่องปุ๊บแจ็คพ็อตแตกค่ะ เจอะแบงค์ปลอมแน่ๆ แต่ล่ะคนเลยรีบเอาเงินในกระเป๋ามาส่องกันใหญ่ สรุปว่าใบอื่นไม่มีปัญหาค่า
คราวนี้แต่ละคนไม่มีอารมณ์ช็อปปิ้งล่ะ เดินทางกลับโรงแรมกันหมด พอกลับถึงโรงแรม เลยเอาแบงค์ที่แลกมาใหม่ 2 กอง(กองขอพี่เราและพ่อ) มาเช็คทุกใบ ซึ่งไม่เจอแบงค์ปลอมแล้ว แต่พอเอาแบงค์ที่มีปัญหามาเช็คดูใหม่ ทั้งสองใบมีเลขรหัสเบอร์เดียวกันเลยค่า แถมพอมาจับกระดาษดูกันชัดๆจะเห็นเลยว่ากระดาษมันไม่เหมือนกะแบงค์จริงเลย มันออกสากๆกว่า มิน่าพนักงานเค้ารับปุ๊บรีบขอเปลี่ยนเลย ทั้งบ้านเลยสรุปว่าน่าจะมีปัญหาจากร้านรับแลกที่ไทยแน่ๆ เพราะมันเป็นแบงค์ร้อย ไม่มีทางที่ร้านค้าในจีนจะทอนมา แถมแบงค์ที่มีปัญหามันยังอยู่สองใบติดและเลขรหัสยังตรงกันอีก แถมปัญหายังเกิดตอนอยู่ที่ซุปเปอร์ในห้างอีก ซึ่งเค้าคงสลับแบงค์ปลอมให้ลูกค้าแน่ๆ พ่อเราโกธรมากเลยเพราะไม่คิดว่าจะเจอเคสแบบนี้ เลยแยกแบงค์ร้อยปลอมทั้งสองใบเพื่อจะมาโวยกับร้านตอนกลับไทย แต่ที่บ้านเราสรุปว่าทางร้านไม่ยอมรับผิดแน่ๆ
พอกลับมาไทยปุ๊บ วันที่ 17 เมย.พ่อเราเลยรีบไปโวยที่ร้านรับแลกเงินดังกล่าว ทางร้านเค้าไม่รับผิดตามที่บ้านเราคิด โดยโบยไปว่าน่าจะเกิดจากร้านที่จีนสลับแบงค์ปลอมมาให้มากกว่า เพราะธนบัตรทุกใบของทางร้านจะมีปั้มโลโก้ร้านไว้ โดยทางร้านเอาแบงค์ที่ร้านให้ดู ซึ่งก็มีปั้มโลโก้เล็กจริงๆ (เอาตรงๆนะถ้าเค้ายัดแบงค์ปลอมให้ เค้าคงไม่โง่ปั้มโลโก้ร้านให้เราหรอกเนอะ) แถมยังว่าเคสแบบนี้ ลูกค้าเค้าเจอะกันหลายรายเลย (สรุปบ้านเราไม่ใช่เคสแรกชิมิค่ะ) พ่อเราก็ถามว่าทำไมไม่บอกเค้าแต่แรก จะได้รับมาปุ๊บจะได้เช็คกันเลยว่ามีโลโก้ไหม ถ้าไม่มีจะได้โวยร้านที่จีนเลย เค้าพูดง่ายๆว่า พนักงานเค้าคงลืมบอก สรุปทางร้านเค้าไม่รับผิดชอบตามที่ทุกคนลงความเห็นแต่แรก แถมยังบอกว่าร้านเค้าค่อนข้างมีชื่อเสียงคงไม่ยอมเสียเครดิตง่ายๆแน่ แต่ที่แน่ๆ บ้านเราก็คงไม่กลับไปแลกเงินกับร้านนี้อีกแล้วค่ะ บอกตรงๆว่าเข็คไปอีกนานค่ะ เราเลยเอาเรื่องของครอบครัวเรามาเตือนเพื่อนๆที่ชอบท่องเที่ยวต่างประเทศว่า อย่าได้ไว้ใจร้านรับเงินให้มาก ควรจะแลกกับธนาคารไปเลยดีกว่า เพราะถึงเรตที่แลกจะแพงกว่าแต่คงไม่โดนสอดไส้แบงค์ปลอมมาให้แน่ๆ และควรจะเช็คแบงค์ที่แลกมาทุกใบทุกครั้ง ย้ำค่ะว่าทุกใบ จะได้ไม่เจอเคสแบบครอบครัวเรา ส่วนแบงค์ปลอมที่ว่า ครอบครัวเราจะเก็บไว้เป็นที่อนุสรณ์ค่ะว่าครั้งหนึ่งโดนให้ใช้แบงค์ปลอมในต่างแดน ยังดีนะว่าตอนที่ใช้ พนักงานเค้าไม่เรียก รปภ.มาจับเราข้อหาใช้แบงค์ปลอม เกือบซวยรับสงกรานต์ซะแล้ว
ปล.เงินเยนที่แลกช่วงปีใหม่ยังมีเหลืออีก หวังว่ายังไม่เจอแจ็คพ็อตแตกแบบรอบนี้นะ ได้แต่ภาวนาอ่ะค่า เหอะๆ
[CR] [เตือนภัย] เมื่อเราโดนหลอกให้ใช้แบงค์ปลอมในต่างแดนโดยไม่รู้ตัว
ทริปเที่ยวครั้งนี้จริงๆครอบครัวเรายังพอมีเงินหยวนที่แลกเหลือจากครั้งก่อนๆอยู่พอประมาณ (8000-9000 หยวน) ประกอบกับพี่เขยว่าจะไปแลกเงินกะน้องชายเค้าที่เรียนอยู่ที่กวางเจา เราเลยไม่ได้หาที่แลกเงินเพิ่ม แต่พอมาวันที่ 12 ก่อนออกเดินทางในช่วงดึก พ่อเราคิดว่าเงินหยวนที่เหลืออาจจะน้อยไปเพราะต้องอยู่กันหลายวัน เค้าเลยไปแลกเพิ่ม ซึ่งร้านที่ไปแลกนั้น เป็นร้านรับแลกเงินชื่อดังแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุชค่ะ (ร้านนี้มีโฆษณาตามสื่อออนไลน์ มี 3 พยางค์) สาเหตุที่เลือก เพราะช่วงปีใหม่ครอบครัวเราก้อไปแลกเงินเยนที่ร้านนี้ ซึ่งครั้งนั้นก็ไม่เกิดปัญหา ประกอบกับร้านอยู่ใกล้บ้าน และเรตที่แลกก้อแพงกว่าซุปเปอร์ริชนิดหน่อย (4.75) จึงเลือกแลกที่ร้านนี้ โดยแลกเพิ่ม 5000หยวน พอกลับถึงบ้านพี่สาวก็โทรมาบอกว่า พี่เขยต้องไปเจอน้องชายเค้าที่กวางเจาก่อนถึงจะแลกเงินได้ ทางบ้านเราเห็นว่ามันยุ่งยากไปเลยแนะนำไปว่า ให้แลกกะที่ร้านนี้ไปเลยดีกว่า ซึ่งพี่สาวเราก็อโอเค พ่อเราเลยขับกลับไปที่ร้านนี้โดยแลกเพิ่มอีก 10000 หยวน (สรุปแลกไป 15000 หยวน) โดยเงินที่ได้นั้นเป็นแบงค์ร้อยหยวนทั้งหมด โดยมีทั้งแบงค์เก่าและใหม่สลับกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของร้านรับแลกเงินอยู่แล้ว พอได้มาครอบครัวเราก้อนับแค่จำนวนแบงค์ว่าครบไหมเท่านั้น (ยอมรับว่าอาจจะประมาทในส่วนนี้)
โดยเงินที่แลกมาใหม่นั้น พ่อเราแบ่งเป็น 2 กองคือ กองที่พ่อถือ 5000 หยวน และกองของพี่สาว 10000 หยวน ส่วนแม่และน้องๆที่เหลือใช้เงินกองเก่ากัน ซึ่งพอไปถึงจีน พี่สาวและพี่เขยก็เป็นไกด์พาเที่ยวค่ะ สองวันแรกครอบครัวเราก็ใช้เงินกันตามปกติ ซื้อของกันกระจายเพราะอย่างที่บอกว่าทริปนี้เน้นช็อปปิ้งค่ะ 555 โดยเงินที่ได้ทอนมานั้น พี่สาวจะเอาไฟที่ใช้ส่องแบงค์ปลอมที่เค้ามีมาส่องดูว่าเป็นแบงค์จริงหรือปลอมเสมอ เพราะอย่างที่รู้ๆกันดีว่าเมืองจีนขึ้นชื่อว่ามีแบงค์ปลอมปนมาด้วย ซึ่งทุกครั้งก็ไม่เกิดปัญหาอะไร (ที่ได้ทอนมาเป็นแบงค์ 10 20 50 หยวน)
ปัญหามันมาเกิดในวันที่สามนี้เอง (15 เม.ย) วันนั้นพี่เขยเราจะแวะไปหาน้องชายเค้า เลยแยกตัวไป ให้พี่สาวเราซึ่งพูดจีนได้เป็นคนพาเที่ยวต่อ วันนั้นพี่สาวเราเลือกซื้อเสื้อจากร้านแห่งหนึ่งตอนจ่ายเงินก้อยื่นแบงค์ 100 หยวนให้เจ้าของร้าน (ตอนนั้นสาวๆอีก 4 คนก้อมองตามเพราะรอเค้าจ่ายเงินอยู่) เจ้าของร้านถือเงินได้ไม่ถึง 5 นาทีเค้ายื่นเงินคืนแล้วบอกว่าขอเปลี่ยนเป็นแบงค์เก่าหรือแบงค์ย่อยได้ไหม พี่สาวไม่ได้คิดอะไรเลยยอมเปลี่ยนเป็นแบงค์ย่อยไปเพราะคิดว่าที่ร้านคงไม่มีทอน ออกมาเรายังแซวกันอยู่ว่า สงสัยร้านเค้ากลัวแบงค์ปลอมหรือเปล่า แต่ไงเราเป็นนักท่องเที่ยวไงก็แบงค์จริงอยู่แล้ว พี่เราก้อเอาแบงค์ร้อยดังกล่าวเก็บในกระเป๋าใส่เงิน จากนั้นครอบครัวเราก้อช็อปปิ้งกันตามปกติ เดินได้สักพักพี่เราก้อพาเข้าไปกินข้าวในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หลังกินข้าวเสร็จ ครอบครัวเห็นว่าไหนๆก้อเข้ามาในห้างแล้วก็ถือโอกาสเลือกซื้อขนมของฝากในซุปเปอร์ห้างนี้เลยล่ะกัน ซึ่งก็เลือกขนมกันค่อนข้างเยอะ พอถึงตอนจ่ายเงิน พี่เราก้อยื่นแบงค์ร้อยจ่ายให้เคาเตอร์ พนักงานเค้ารับแบงค์ไปสักพัก ก้อเรียกพนักงานคนอื่นอีก 2 คนมาช่วยกันดู ทั้งช่วยกันขูดแถบเงิน ทั้งส่อง ทั้งจับ เรากับพี่ก้อว่ามันแปลกๆล่ะ หลังจากผ่านไป 5 นาที พนักงานหันมาพูดกะพี่เราว่า ขอเปลี่ยนแบงค์เป็นแบงค์เก่าได้ไหม พี่เราหน้าเสียล่ะ เลยหยิบแบงค์ร้อยใบถัดไปให้ใหม่ เค้ารับแบงค์ใหม่ไปไม่ถึงนาทีเค้ายื่นคืนเลยว่าเปลี่ยนใบอีก (รอบนี้ทั้งบ้านเห็นกันจ๊ะๆเลย เพราะจ้องกันทุกคน (5คน) พนักงานเค้าไม่มีการเปลี่ยนมือหรือโอกาสเปลี่ยนแบงค์แน่ๆ ) เอาล่ะสิแบงค์ร้อย 2 ใบที่อยู่ติดกันพนักงานเค้าไม่รับเลยพี่เราเลยต้องเปลี่ยนให้เป็นใบที่ 3 รอบนี้พนักงานไม่พูดอะไร รับแล้วจ่ายเงินตามปกติ พอคิวต่อไปเราจ่ายบ้าง พอพนักงานเค้ารับแบงค์ปุ๊บ เค้ารีบดูเลย คงเห็นว่าเรามากลุ่มเดียวกัน ซึ่งรอบของเราไม่มีปัญหา พอจ่ายเงินกันเสร็จ พี่เรารีบเอาแบงค์ร้อย สองใบที่มีปัญหามาเช็คกับไฟส่องแบงค์ปลอมทันที ส่องกันหน้าซุปเปอร์เลย พนักงานเค้าก้อมองมาที่กลุ่มเรากันใหญ่ แต่ล่ะคนหน้าเสียกันล่ะ ส่องปุ๊บแจ็คพ็อตแตกค่ะ เจอะแบงค์ปลอมแน่ๆ แต่ล่ะคนเลยรีบเอาเงินในกระเป๋ามาส่องกันใหญ่ สรุปว่าใบอื่นไม่มีปัญหาค่า
คราวนี้แต่ละคนไม่มีอารมณ์ช็อปปิ้งล่ะ เดินทางกลับโรงแรมกันหมด พอกลับถึงโรงแรม เลยเอาแบงค์ที่แลกมาใหม่ 2 กอง(กองขอพี่เราและพ่อ) มาเช็คทุกใบ ซึ่งไม่เจอแบงค์ปลอมแล้ว แต่พอเอาแบงค์ที่มีปัญหามาเช็คดูใหม่ ทั้งสองใบมีเลขรหัสเบอร์เดียวกันเลยค่า แถมพอมาจับกระดาษดูกันชัดๆจะเห็นเลยว่ากระดาษมันไม่เหมือนกะแบงค์จริงเลย มันออกสากๆกว่า มิน่าพนักงานเค้ารับปุ๊บรีบขอเปลี่ยนเลย ทั้งบ้านเลยสรุปว่าน่าจะมีปัญหาจากร้านรับแลกที่ไทยแน่ๆ เพราะมันเป็นแบงค์ร้อย ไม่มีทางที่ร้านค้าในจีนจะทอนมา แถมแบงค์ที่มีปัญหามันยังอยู่สองใบติดและเลขรหัสยังตรงกันอีก แถมปัญหายังเกิดตอนอยู่ที่ซุปเปอร์ในห้างอีก ซึ่งเค้าคงสลับแบงค์ปลอมให้ลูกค้าแน่ๆ พ่อเราโกธรมากเลยเพราะไม่คิดว่าจะเจอเคสแบบนี้ เลยแยกแบงค์ร้อยปลอมทั้งสองใบเพื่อจะมาโวยกับร้านตอนกลับไทย แต่ที่บ้านเราสรุปว่าทางร้านไม่ยอมรับผิดแน่ๆ
พอกลับมาไทยปุ๊บ วันที่ 17 เมย.พ่อเราเลยรีบไปโวยที่ร้านรับแลกเงินดังกล่าว ทางร้านเค้าไม่รับผิดตามที่บ้านเราคิด โดยโบยไปว่าน่าจะเกิดจากร้านที่จีนสลับแบงค์ปลอมมาให้มากกว่า เพราะธนบัตรทุกใบของทางร้านจะมีปั้มโลโก้ร้านไว้ โดยทางร้านเอาแบงค์ที่ร้านให้ดู ซึ่งก็มีปั้มโลโก้เล็กจริงๆ (เอาตรงๆนะถ้าเค้ายัดแบงค์ปลอมให้ เค้าคงไม่โง่ปั้มโลโก้ร้านให้เราหรอกเนอะ) แถมยังว่าเคสแบบนี้ ลูกค้าเค้าเจอะกันหลายรายเลย (สรุปบ้านเราไม่ใช่เคสแรกชิมิค่ะ) พ่อเราก็ถามว่าทำไมไม่บอกเค้าแต่แรก จะได้รับมาปุ๊บจะได้เช็คกันเลยว่ามีโลโก้ไหม ถ้าไม่มีจะได้โวยร้านที่จีนเลย เค้าพูดง่ายๆว่า พนักงานเค้าคงลืมบอก สรุปทางร้านเค้าไม่รับผิดชอบตามที่ทุกคนลงความเห็นแต่แรก แถมยังบอกว่าร้านเค้าค่อนข้างมีชื่อเสียงคงไม่ยอมเสียเครดิตง่ายๆแน่ แต่ที่แน่ๆ บ้านเราก็คงไม่กลับไปแลกเงินกับร้านนี้อีกแล้วค่ะ บอกตรงๆว่าเข็คไปอีกนานค่ะ เราเลยเอาเรื่องของครอบครัวเรามาเตือนเพื่อนๆที่ชอบท่องเที่ยวต่างประเทศว่า อย่าได้ไว้ใจร้านรับเงินให้มาก ควรจะแลกกับธนาคารไปเลยดีกว่า เพราะถึงเรตที่แลกจะแพงกว่าแต่คงไม่โดนสอดไส้แบงค์ปลอมมาให้แน่ๆ และควรจะเช็คแบงค์ที่แลกมาทุกใบทุกครั้ง ย้ำค่ะว่าทุกใบ จะได้ไม่เจอเคสแบบครอบครัวเรา ส่วนแบงค์ปลอมที่ว่า ครอบครัวเราจะเก็บไว้เป็นที่อนุสรณ์ค่ะว่าครั้งหนึ่งโดนให้ใช้แบงค์ปลอมในต่างแดน ยังดีนะว่าตอนที่ใช้ พนักงานเค้าไม่เรียก รปภ.มาจับเราข้อหาใช้แบงค์ปลอม เกือบซวยรับสงกรานต์ซะแล้ว
ปล.เงินเยนที่แลกช่วงปีใหม่ยังมีเหลืออีก หวังว่ายังไม่เจอแจ็คพ็อตแตกแบบรอบนี้นะ ได้แต่ภาวนาอ่ะค่า เหอะๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น