หน้าตาอย่างนี้เนี่ยนะพระเอก..." คงจะเป็นแว้บแรกในความคิดของคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่รู้สึกต่อภาพลักษณ์ของพระเอกหนุ่มขายดีคนหนึ่งของวงการบันเทิงบ้านเราในตอนนี้ที่ชื่อ "บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรุ่นเก่าๆ ที่ผ่านห้วงเวลาแห่งความสุขกับภาพยนตร์ไทยที่พลันเห็นหน้าแบบนี้ หนวดแบบนี้ก็คงจะพาลให้นึกไปถึงดาวร้ายชื่อดังในอดีตผู้จากไปแล้วอย่าง "สมศักดิ์ ชัยสงคราม"
แต่ถึงแม้จะหน้าแบบนี้ หนวดแบบนี้ แถมยังทำตัวกรุ้มกริ่มชอบทำท่าทางหลุดๆ บ้าๆ บอๆ กระทั่งหลายคนยกฉายาให้เป็นหนุ่มเกรียนตัวพ่อของวงการฯ ทว่าใครจะรู้บ้างว่าตัวตนจริงๆ ของเขาคนนั้นจะเจ้าระเบียบและหัวโบราณสุดๆ ถึงขนาดที่ว่ายุคนี้ พ.ศ.นี้แล้วเจ้าตัวยังฝันไว้ว่าอยากจะได้สาวบริสุทธิ์มาเป็นแฟนกันเลยทีเดียว
“ผมโตมาในครอบครัวคนจีนที่เคร่งครัดเรื่องวินัย ครอบครัวจะปลูกฝังทุกเรื่องในการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องการใช้เงิน เรื่องมารยาท เรื่องความคิด ที่บ้านจะเคร่งครัดเวลาในการกลับบ้าน ตอนมัธยม 2 ทุ่มก็ถือว่าดึกแล้ว แต่ตอนมหาวิทยาลัย 4 ทุ่มถือว่าดึกมาก ประมาณ ม.4-5 เคยโดนแม่กักบริเวณช่วงปิดเทอมไม่ให้ไปไหนเลย เพราะโดดเรียนพิเศษ แล้วเทอมต่อมาก็ไม่ให้ไปเรียนพิเศษอีกเลยเพราะทำผิดครั้งนั้นครั้งเดียว แต่ก็ได้ผลนะ ผมก็เข็ด”
พ่อแม่เข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก?
“ที่บ้านห้ามเยอะ ค่อนข้างอยู่ในกรอบมากกว่าคำว่าบังคับ เช่น เวลาขึ้นบันไดก็ห้ามขึ้นเสียงดัง หรือการพูดคุยกับผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกลับว่าโดนตีกรอบอะไรขนาดนั้น แต่ตอนเด็กๆ ผมก็มีความรู้สึกค้านบ้างขัดแย้งบ้าง แต่พอโตผมก็รู้สึกโชคดีที่เจอกับอารมณ์นั้นมา เพราะมันทำให้ผมเป็นแบบทุกวันนี้ได้”
“ตอนเด็กเป็นคนที่อยากได้โน่นได้นี่ อยากไปเที่ยว อยากไปโน่นไปนี่ แต่ที่บ้านจะสอนให้รู้จักคำว่าพอดี เราจะไม่ได้ทุกอย่างที่เราอยากได้ ถ้าแม่จะให้อะไรซักอย่างนึงจะดูเรื่องของเหตุผลและความถี่เป็นหลัก สำหรับผมแล้ว แม่เป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลก แม่เป็นทุกอย่างของผม นิสัยของผมทั้งหมดได้มาจากแม่เกือบทุกเรื่อง”
ประหยัดถึงขนาดที่เรียกได้ว่างก!
“ที่บ้านสอนมาตลอดว่าให้ประหยัด ใช้เงินให้เป็น จำได้ว่าตอนขึ้นปี 1 ก็เริ่มมีสมุดบัญชีเป็นของตัวเอง 3-4 ปีแรก คุณแม่ก็ยังขอดูสมุดอยู่บ้าง ซึ่งเขาไม่อยากดูหรอกว่าเรามีเงินเท่าไหร่ แค่อยากดูว่าเราใช้หรือเก็บเงินเป็นหรือเปล่า แต่พอเริ่มทำงานมีเงินเป็นของตัวเองก็ค่อนข้างที่จะใช้เงินเยอะขึ้น ด้วยวัยด้วย ด้วยการทำงานด้วย เป็นอะไรที่จำเป็นต้องใช้ แต่อยากได้อะไรเราก็ต้องชั่งน้ำหนัก อย่างอยากได้อันแรกก็เก็บไว้ก่อน ถ้าอยากได้อันที่สามก็ค่อยไปซื้อ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่อยากได้จะต้องได้ ที่คิดได้เพราะกลัวโดนแม่ด่าด้วย แล้วก็เสียดายเงินด้วย (หัวเราะ)"
ตลอดชีวิตเคยมีแฟนมา 4 คน คนที่ 5 คือคนที่จะแต่งงานด้วย
“ผมไม่มีแฟนมาปีกว่าแล้วครับ ที่ไม่มีเพราะว่าไม่มีเวลาดูแลเค้า ถ้าจะคบใครผมก็อยากจะเป็นแฟนกัน เพราะเป็นคนที่ถ้าคบใครแล้วจะจริงจังมาก ผมเจอคนสวยเยอะ แต่ยังไม่มีเวลาไปศึกษาใคร เวลาโทรจีบ นัดกินข้าวดูหนังมีแน่ แต่น้อยมาก ซึ่งคนเป็นแฟนกันมันต้องมีเวลาให้กันมากกว่านี้ ก็เลยอย่าจีบเลยดีกว่าเสียเวลา เสียความรู้สึก”
“ผมมีแฟนคนแรกตอนอายุ 16 คบ 3 ปี เคยมีแฟนมา 4 คนแล้วครับ คนที่ 5 ที่จะเข้ามาในอนาคตผมก็อยากจะแต่งงานเลย เพราะตอนนี้อายุก็ 28 แล้ว แต่อย่างน้อยต้องคบกัน 3 ปีขึ้นไปนะผมถึงจะแต่ง เพราะอยากศึกษากันให้มั่นใจว่าจะเป็นคู่ชีวิตเราได้มั้ย ผมชอบคนเก่ง ไม่ต้องรวยก็ได้ สวยก็ดี น่ารักก็ดี แล้วก็ชอบคนเฮฮา ติดดิน ลุยๆ ไม่ชอบคนห่วงสวยมาก"
ชอบเทคแคร์แต่ไม่โรแมนติก
"ผมชอบเทกแคร์แฟนนะ แต่ไม่ใช่การเปิดประตูรถให้ครับ ผมคิดว่าการเปิดประตูรถให้จะเป็นการช่วยเค้าตรงไหน แต่ผมจะดูแลแบบสมมติไปดูหนังกันเสร็จ 5 ทุ่ม แต่เอารถมาคนละคัน ผมจะขับตามไปส่งจนกว่าเค้าจะถึงบ้าน แบบนี้คือวิธีดูแลของผม แต่จะไม่ทำทุกอย่างให้เพราะไม่อย่างนั้นเค้าก็จะทำอะไรไม่ได้เลย แล้วไม่ใช่ว่าเค้าจะมีเราอยู่ด้วยตลอดทั้งชีวิต”
“ผมเป็นคนที่ไม่โรแมนติกเลย เวลาเทศกาลต่างๆ ผมเคยพาแฟนไปกินอาหารอิตาลีใต้แสงเทียน มืดก็มืด(หัวเราะ) พอมืดก็กินไม่อร่อย แพงด้วย เพราะฉะนั้นวันเกิด วันวาเลนไทน์ เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกันก็ได้ ร้านอะไรก็ได้ที่อร่อยเพราะอยู่ด้วยกันก็พิเศษแล้ว และมีของแลกกัน เขียนการ์ดให้กัน”
เป็นคนหัวโบราณ ไม่ชอบผู้หญิงแต่งตัวโป๊ ไม่มีทางอยู่ก่อนแต่งเด็ดขาด!
“ผมจะรู้ว่าต้องเลือกแฟนยังไงให้แม่ชอบ คือต้องเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะ เพราะเรื่องนี้สำคัญกับบ้านผมมาก ถ้ามีเรื่องนี้พอแล้ว เพราะคำนี้คำเดียวมันสื่อทุกอย่างเลย คนที่มีกาลเทศะจะเป็นคนที่มีความคิด นอกจากมีความคิดแล้วยังคิดดีทำดี อยากก้าวหน้าในชีวิต”
“ผมไม่มีความคิดอยู่ก่อนแต่งครับ ผมว่าธรรมเนียมไทยกับคนจีนไม่มีอยู่ก่อนแต่ง ต้องแต่งก่อนถึงจะอยู่ด้วยกัน ในเรื่องของแฟน เรื่องผู้หญิงผมหัวโบราณมากนะ อาจจะเป็นสิ่งที่คนข้างนอกคิดไม่ถึงว่าผมหัวโบราณมาก เช่น ผมขี้หึงมาก ขี้หวงมาก อย่างเรื่องการแต่งตัวจะใส่กระโปรงสั้น หรือใส่เสื้อคว้านคอลึกๆ แบบนั้นไม่ชอบเลย"
"ทะเลาะกับแฟนเรื่องนี้บ่อยมาก ผมกล้าพูดเลยว่าผู้ชาย 99 เปอร์เซ็นต์ถ้าเห็นผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆ ใครจะไม่หันไปมอง ซึ่งผมไม่ชอบให้คนอื่นมามองแฟนเราแบบนั้น”
ปรารถนาอยากได้ “สาวบริสุทธิ์” มาเป็นภรรยา
“ผมว่าเป็นอะไรที่ดีนะ เค้าเรียกว่ารักนวลสงวนตัว ถ้ายังไม่ถึงเวลา ผมไม่ได้บอกว่าคนที่ไม่เวอร์จิ้นไม่ดี แต่ถ้าเวอร์จิ้นก็ดีกว่า แต่ทุกวันนี้ค่านิยมหรือสังคมก็เปลี่ยนไป ไอ้เรื่องเวอร์จิ้นหรือไม่เวอร์จิ้นอาจจะไม่สลักสำคัญอะไรมากแล้วในปัจจุบัน ผมว่าความคิดแบบนี้อาจจะไม่ใช่ผู้ชายทุกคน เพราะผมเองก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ถ้าได้มันก็ดีครับ”
ขอเป็นดาราที่จับต้องได้
“ผมไม่อยากให้คนที่ดูละครหรือคนที่ติดตามเรา รู้สึกว่าเราจับต้องไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นดารา ตอนที่ผมไม่ได้มาทำงานตรงนี้ เคยรู้สึกว่าคนที่เป็นดาราเขาอยู่อีกขั้นนึงกับเรา เขาเป็นคนที่พิเศษกว่าเรา แต่พอผมมาทำงานตรงนี้กลับไม่มีความรู้สึกว่าผมพิเศษกว่าใคร ผมก็เลยอยากให้คนที่ติดตามผลงานเรารู้สึกว่าเราเท่ากัน การไปไหนหรือการที่เราจะไปกินข้าวข้างนอกส่วนตัว แล้วมีคนมาขอถ่ายรูป ผมบอกเลยว่านี่แหละคืองานของเรา"
"ผมไม่มีความรู้สึกว่าเราไม่เป็นส่วนตัว แต่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องแลกมา เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเป็นนักแสดง ถ้าละครจะดังได้ต้องมีคนดู แล้วพวกเขาที่มาขอถ่ายรูปเราเป็นคนดูที่สนับสนุนเรา ฉะนั้นชีวิตส่วนตัวที่ต้องแชร์ให้แฟนคลับเราต้องรับให้ได้”
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000049673
ล้วงหัวใจหนุ่มหัวโบราณ "บอย ปกรณ์" : ผู้ปรารถนาสาวบริสุทธิ์เป็นภรรยา
หน้าตาอย่างนี้เนี่ยนะพระเอก..." คงจะเป็นแว้บแรกในความคิดของคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่รู้สึกต่อภาพลักษณ์ของพระเอกหนุ่มขายดีคนหนึ่งของวงการบันเทิงบ้านเราในตอนนี้ที่ชื่อ "บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรุ่นเก่าๆ ที่ผ่านห้วงเวลาแห่งความสุขกับภาพยนตร์ไทยที่พลันเห็นหน้าแบบนี้ หนวดแบบนี้ก็คงจะพาลให้นึกไปถึงดาวร้ายชื่อดังในอดีตผู้จากไปแล้วอย่าง "สมศักดิ์ ชัยสงคราม"
แต่ถึงแม้จะหน้าแบบนี้ หนวดแบบนี้ แถมยังทำตัวกรุ้มกริ่มชอบทำท่าทางหลุดๆ บ้าๆ บอๆ กระทั่งหลายคนยกฉายาให้เป็นหนุ่มเกรียนตัวพ่อของวงการฯ ทว่าใครจะรู้บ้างว่าตัวตนจริงๆ ของเขาคนนั้นจะเจ้าระเบียบและหัวโบราณสุดๆ ถึงขนาดที่ว่ายุคนี้ พ.ศ.นี้แล้วเจ้าตัวยังฝันไว้ว่าอยากจะได้สาวบริสุทธิ์มาเป็นแฟนกันเลยทีเดียว
“ผมโตมาในครอบครัวคนจีนที่เคร่งครัดเรื่องวินัย ครอบครัวจะปลูกฝังทุกเรื่องในการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องการใช้เงิน เรื่องมารยาท เรื่องความคิด ที่บ้านจะเคร่งครัดเวลาในการกลับบ้าน ตอนมัธยม 2 ทุ่มก็ถือว่าดึกแล้ว แต่ตอนมหาวิทยาลัย 4 ทุ่มถือว่าดึกมาก ประมาณ ม.4-5 เคยโดนแม่กักบริเวณช่วงปิดเทอมไม่ให้ไปไหนเลย เพราะโดดเรียนพิเศษ แล้วเทอมต่อมาก็ไม่ให้ไปเรียนพิเศษอีกเลยเพราะทำผิดครั้งนั้นครั้งเดียว แต่ก็ได้ผลนะ ผมก็เข็ด”
พ่อแม่เข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก?
“ที่บ้านห้ามเยอะ ค่อนข้างอยู่ในกรอบมากกว่าคำว่าบังคับ เช่น เวลาขึ้นบันไดก็ห้ามขึ้นเสียงดัง หรือการพูดคุยกับผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกลับว่าโดนตีกรอบอะไรขนาดนั้น แต่ตอนเด็กๆ ผมก็มีความรู้สึกค้านบ้างขัดแย้งบ้าง แต่พอโตผมก็รู้สึกโชคดีที่เจอกับอารมณ์นั้นมา เพราะมันทำให้ผมเป็นแบบทุกวันนี้ได้”
“ตอนเด็กเป็นคนที่อยากได้โน่นได้นี่ อยากไปเที่ยว อยากไปโน่นไปนี่ แต่ที่บ้านจะสอนให้รู้จักคำว่าพอดี เราจะไม่ได้ทุกอย่างที่เราอยากได้ ถ้าแม่จะให้อะไรซักอย่างนึงจะดูเรื่องของเหตุผลและความถี่เป็นหลัก สำหรับผมแล้ว แม่เป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลก แม่เป็นทุกอย่างของผม นิสัยของผมทั้งหมดได้มาจากแม่เกือบทุกเรื่อง”
ประหยัดถึงขนาดที่เรียกได้ว่างก!
“ที่บ้านสอนมาตลอดว่าให้ประหยัด ใช้เงินให้เป็น จำได้ว่าตอนขึ้นปี 1 ก็เริ่มมีสมุดบัญชีเป็นของตัวเอง 3-4 ปีแรก คุณแม่ก็ยังขอดูสมุดอยู่บ้าง ซึ่งเขาไม่อยากดูหรอกว่าเรามีเงินเท่าไหร่ แค่อยากดูว่าเราใช้หรือเก็บเงินเป็นหรือเปล่า แต่พอเริ่มทำงานมีเงินเป็นของตัวเองก็ค่อนข้างที่จะใช้เงินเยอะขึ้น ด้วยวัยด้วย ด้วยการทำงานด้วย เป็นอะไรที่จำเป็นต้องใช้ แต่อยากได้อะไรเราก็ต้องชั่งน้ำหนัก อย่างอยากได้อันแรกก็เก็บไว้ก่อน ถ้าอยากได้อันที่สามก็ค่อยไปซื้อ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่อยากได้จะต้องได้ ที่คิดได้เพราะกลัวโดนแม่ด่าด้วย แล้วก็เสียดายเงินด้วย (หัวเราะ)"
ตลอดชีวิตเคยมีแฟนมา 4 คน คนที่ 5 คือคนที่จะแต่งงานด้วย
“ผมไม่มีแฟนมาปีกว่าแล้วครับ ที่ไม่มีเพราะว่าไม่มีเวลาดูแลเค้า ถ้าจะคบใครผมก็อยากจะเป็นแฟนกัน เพราะเป็นคนที่ถ้าคบใครแล้วจะจริงจังมาก ผมเจอคนสวยเยอะ แต่ยังไม่มีเวลาไปศึกษาใคร เวลาโทรจีบ นัดกินข้าวดูหนังมีแน่ แต่น้อยมาก ซึ่งคนเป็นแฟนกันมันต้องมีเวลาให้กันมากกว่านี้ ก็เลยอย่าจีบเลยดีกว่าเสียเวลา เสียความรู้สึก”
“ผมมีแฟนคนแรกตอนอายุ 16 คบ 3 ปี เคยมีแฟนมา 4 คนแล้วครับ คนที่ 5 ที่จะเข้ามาในอนาคตผมก็อยากจะแต่งงานเลย เพราะตอนนี้อายุก็ 28 แล้ว แต่อย่างน้อยต้องคบกัน 3 ปีขึ้นไปนะผมถึงจะแต่ง เพราะอยากศึกษากันให้มั่นใจว่าจะเป็นคู่ชีวิตเราได้มั้ย ผมชอบคนเก่ง ไม่ต้องรวยก็ได้ สวยก็ดี น่ารักก็ดี แล้วก็ชอบคนเฮฮา ติดดิน ลุยๆ ไม่ชอบคนห่วงสวยมาก"
ชอบเทคแคร์แต่ไม่โรแมนติก
"ผมชอบเทกแคร์แฟนนะ แต่ไม่ใช่การเปิดประตูรถให้ครับ ผมคิดว่าการเปิดประตูรถให้จะเป็นการช่วยเค้าตรงไหน แต่ผมจะดูแลแบบสมมติไปดูหนังกันเสร็จ 5 ทุ่ม แต่เอารถมาคนละคัน ผมจะขับตามไปส่งจนกว่าเค้าจะถึงบ้าน แบบนี้คือวิธีดูแลของผม แต่จะไม่ทำทุกอย่างให้เพราะไม่อย่างนั้นเค้าก็จะทำอะไรไม่ได้เลย แล้วไม่ใช่ว่าเค้าจะมีเราอยู่ด้วยตลอดทั้งชีวิต”
“ผมเป็นคนที่ไม่โรแมนติกเลย เวลาเทศกาลต่างๆ ผมเคยพาแฟนไปกินอาหารอิตาลีใต้แสงเทียน มืดก็มืด(หัวเราะ) พอมืดก็กินไม่อร่อย แพงด้วย เพราะฉะนั้นวันเกิด วันวาเลนไทน์ เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกันก็ได้ ร้านอะไรก็ได้ที่อร่อยเพราะอยู่ด้วยกันก็พิเศษแล้ว และมีของแลกกัน เขียนการ์ดให้กัน”
เป็นคนหัวโบราณ ไม่ชอบผู้หญิงแต่งตัวโป๊ ไม่มีทางอยู่ก่อนแต่งเด็ดขาด!
“ผมจะรู้ว่าต้องเลือกแฟนยังไงให้แม่ชอบ คือต้องเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะ เพราะเรื่องนี้สำคัญกับบ้านผมมาก ถ้ามีเรื่องนี้พอแล้ว เพราะคำนี้คำเดียวมันสื่อทุกอย่างเลย คนที่มีกาลเทศะจะเป็นคนที่มีความคิด นอกจากมีความคิดแล้วยังคิดดีทำดี อยากก้าวหน้าในชีวิต”
“ผมไม่มีความคิดอยู่ก่อนแต่งครับ ผมว่าธรรมเนียมไทยกับคนจีนไม่มีอยู่ก่อนแต่ง ต้องแต่งก่อนถึงจะอยู่ด้วยกัน ในเรื่องของแฟน เรื่องผู้หญิงผมหัวโบราณมากนะ อาจจะเป็นสิ่งที่คนข้างนอกคิดไม่ถึงว่าผมหัวโบราณมาก เช่น ผมขี้หึงมาก ขี้หวงมาก อย่างเรื่องการแต่งตัวจะใส่กระโปรงสั้น หรือใส่เสื้อคว้านคอลึกๆ แบบนั้นไม่ชอบเลย"
"ทะเลาะกับแฟนเรื่องนี้บ่อยมาก ผมกล้าพูดเลยว่าผู้ชาย 99 เปอร์เซ็นต์ถ้าเห็นผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆ ใครจะไม่หันไปมอง ซึ่งผมไม่ชอบให้คนอื่นมามองแฟนเราแบบนั้น”
ปรารถนาอยากได้ “สาวบริสุทธิ์” มาเป็นภรรยา
“ผมว่าเป็นอะไรที่ดีนะ เค้าเรียกว่ารักนวลสงวนตัว ถ้ายังไม่ถึงเวลา ผมไม่ได้บอกว่าคนที่ไม่เวอร์จิ้นไม่ดี แต่ถ้าเวอร์จิ้นก็ดีกว่า แต่ทุกวันนี้ค่านิยมหรือสังคมก็เปลี่ยนไป ไอ้เรื่องเวอร์จิ้นหรือไม่เวอร์จิ้นอาจจะไม่สลักสำคัญอะไรมากแล้วในปัจจุบัน ผมว่าความคิดแบบนี้อาจจะไม่ใช่ผู้ชายทุกคน เพราะผมเองก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ถ้าได้มันก็ดีครับ”
ขอเป็นดาราที่จับต้องได้
“ผมไม่อยากให้คนที่ดูละครหรือคนที่ติดตามเรา รู้สึกว่าเราจับต้องไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นดารา ตอนที่ผมไม่ได้มาทำงานตรงนี้ เคยรู้สึกว่าคนที่เป็นดาราเขาอยู่อีกขั้นนึงกับเรา เขาเป็นคนที่พิเศษกว่าเรา แต่พอผมมาทำงานตรงนี้กลับไม่มีความรู้สึกว่าผมพิเศษกว่าใคร ผมก็เลยอยากให้คนที่ติดตามผลงานเรารู้สึกว่าเราเท่ากัน การไปไหนหรือการที่เราจะไปกินข้าวข้างนอกส่วนตัว แล้วมีคนมาขอถ่ายรูป ผมบอกเลยว่านี่แหละคืองานของเรา"
"ผมไม่มีความรู้สึกว่าเราไม่เป็นส่วนตัว แต่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องแลกมา เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเป็นนักแสดง ถ้าละครจะดังได้ต้องมีคนดู แล้วพวกเขาที่มาขอถ่ายรูปเราเป็นคนดูที่สนับสนุนเรา ฉะนั้นชีวิตส่วนตัวที่ต้องแชร์ให้แฟนคลับเราต้องรับให้ได้”
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000049673