เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนนะคะ ที่เพิ่งมาเล่าเพราะปกติไม่ค่อยได้เล่นค่ะ บังเอิญว่าช่วงนี้เห็นกระทู้เกี่ยวกับหมอๆ ผ่านตาบ่อย ก็เลยจะมาเล่าซักหน่อย ระบายความอึดอัดในใจ
เรื่องก็คือ ลุงโดนกิ่งไม้ดีดตาค่ะ ดีดช่วง ตี 3-4 เพราะแกออกไปรดน้ำต้นไม้ ตามประสาคนแก่นอนไม่ค่อยหลับ แล้วไปทำอีท่าไหนไม่รู้กิ่งไม้ดีดตา เห็นเล่าให้ฟังว่า เหยียบไม้ แล้วไม้ดีดขึ้นมาตี
เช้าวันต่อมาที่บ้านลุงมีงานบุญพอดี ประกอบกับลุงแกงก และคิดว่าไม่เป็นไรมาก ก็เลยไม่ไปหาหมอ
กว่าจะมาเจอเราก็ปาเข้าไปอีกวัน ตาบวมแดงมาก น้ำตาไหล มีขี้ตา มีสีแดงในตาขาว ดูน่ากลัวมาก
แต่อย่างที่บอกว่าแกงก รั้น เราพูดอะไรก็ไม่ยอมฟัง ให้ไปหาหมอ สรุปว่าวันนั้นเราไปปลูกต้นไม้กันอีกทั้งวัน
รวมเป็น 2 วัน ที่โดนมา เราไม่ไหวแล้วบอกว่าต้องไปหาหมอแล้ว ตามันเป็นอวัยวะที่สำคัญนะ
สรุปเย็นวันนั้น(เสาร์) ลุงก็ยอมไปหาหมอ เราเองก็สมองตีบตันคิดอะไรไม่ออก อยู่แถวศาลายาก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
เอกชนนี่เท่ากับ 0 เลย เพราะแกงกมาก
ดังนั้นจึงต้องไปโรงพยาบาลรัฐบาล
ตัวเลือกที่ลองมาในหัว คือโรงพยาบาลกาญจนาฯ ตรงข้าม ม.มหิดล
เราก็ไปกัน
ประมาณ 4 โมงของวันเสาร์ ปรากฏว่า รพ ปิด เราก็โอเค เราไม่ได้ตรวจสอบเองว่า รพ นี้เปิดบริการยังไง ไม่ได้โกรธอะไร
เจ้าหน้าที่ที่นั่นแนะนำให้ไป คลีนิคของมหิดล ซึ่งมีแพทย์ประจำ
เราก็ไป พอไปถึงปุ๊บ
อาการลุงตอนนี้หมอเห็นยังตกใจ ตาบวมมาก ตาขาวแดง ขี้ตาเยอะมาก น้ำตาไหล
หมอแนะนำให้ไป รพ.พุทธมณฑล เราก็ไป เราก็ถามว่าวันเสาร์จะมีแพทย์หรอ หมอที่คลีนิคบอก ยังไงก็ "ต้อง" มีหมอเวรอยู่แล้ว
แล้วโรงบาลนี้
ซับซ้อนมาก เราคนสามพรานก็ไม่คุ้นเคยแถวนั้น สุดท้ายเจอ โรงพยาบาล
ทำบัตรปุ๊บ ห้องบัตรบอกว่า "ไม่มีหมอนะคะ ต้องรักษากับคุณพยาบาลนะคะ"
เราก็สตั๊นมาก.... คือหมอที่คลินิคเพิ่งบอกให้มานี่ เพราะมีหมอ และอุปกรณ์ที่ดีกว่า
เราก็เอาวะ ดีกว่าไม่ได้หาอะไรเลย ก็โดนลัดคิวอุบัติเหตุ 2-3 ราย โอเค ของเรามันอาการไม่ฉุกเฉินมากพยายามทำใจ
สุดท้ายก็ได้เข้าห้องฉุกเฉิน แล้วพยาบาลก็เปลี่ยนกะกันพอดี บังเอิญ ผอ.รพ. เข้ามา เห็นตาลุงเราก็เลยรักษาให้
เราโคตรดีใจ
มีหมอแล้วโว้ยยย อยากออกไปตะโกน
คุยๆ กันซักพัก คุณหมอใจดีมาก เล่าให้เราฟังทุกอย่าง ว่าอาการนี้น่ากลัว มีสิทธิ์ตาบอก เพราะเลือดออกตาดำ
หมอว่า "ต้องนอนโรงพยาบาลทันที!" เพื่อดูอาการ เลือดมันตก ถ้ามันคั่งก็ต้องเจาะออกประมาณนี้ แถมส่องไฟฉายให้เราดูเลือด ซึ่งน่ากลัวมาก มันย้อยมาด้านล่างตาดำ
เราก็โอเคหมอ นอนก็นอน แต่หมอว่า ไปนอนที่ รพ นครปฐมดีกว่าเขามีหมอตาโดยตรง ระหว่างนั้นหมอก็เขียนใบส่งตัวให้
หลังจากนั้นเราก็ไป รพ นครปฐม จุดพีคของเรามันอยู่ตรงนี้
เราก็ทำบัตร วัดความดัน ทำอะไรทุกอย่างครบ รอหมอ
อ่า ได้เข้าห้องหมอแล้ว เราก็เออ นอนก็นอนไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เจอหมอผู้หญิง พอหมอเห็นตาลุงปั๊บ
แกไม่พูดอะไรเลย ไม่ได้จับ ได้แตะ ได้เอาไฟฉายส่อง ถามอาการ แต่หมอได้พูดว่า
"ต้องมาพรุ่งนี้นะลุง"
.................................
เราเพิ่งได้ฟัง ผอ. รพ พุทธมณฑล ย้ำเราว่า ยังไงก็ต้องนอนโรงพยาบาล มันอันตราย มีสิทธิ์ที่เลือดจะคั่ง แล้วถ้าไม่เจาะออกจะ พร่า บังอยู่อย่างนั้นตลอดไป
แต่หมอหญิงกลับบอกเราว่า ให้เรามาพรุ่งนี้ ทั้งที่หมอคนก่อนกำชับนักหนาว่า ยังไงก็ต้องนอนโรงพยาบาลเลย
นางได้ให้ยาแก้ปวด ตาหยอดตา มากิน โดยที่ไม่ได้ถามอะไร ....
วันต่อมาลุงเราก็ไปหาหมอ นอนโรงพยาบาล จนตอนนี้หายแล้ว
แต่จนถึงวันนี้เราก็ยังข้องใจ วินาทีนั้นคือ
เงินคือสิ่งที่จำเป็นหรอ มีเงิน รพ.รัฐ ก็ไม่ได้สนใจคุณเลยนะ
เราต้องเป็นใครคุณถึงจะสนใจเรา
รพ รัฐควรเป็นที่พึ่งสิ ไม่ใช่แบบนี้
หมอ เราไม่ได้บังคับให้คุณมาทำหน้าที่นี้เลยนะ คุณมาด้วยตัวคุณเอง คุณอยากเรียน คุณอยากเป็นเอง ทำไมคุณไม่ทำหน้าที่ของคุณให้ดี
จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ ที่เจอเหตุการณ์ประมาณนี้ แม่เราเป็นเบาหวาน ก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ ก็เจอคล้ายๆ กันแต่หน่อมแน้มกว่า แค่ รอ 3 ชั่วโมง หมอพูดกับเราไม่ถึง 3 นาที
คุณลองนึกสิ ป้าแก่ๆ คนนี้เจ็บป่วย ต่อคิวรอคุณมา 3 ชั่วโมง เพื่อที่จะให้คุณไม่สนใจ พูดด้วยแค่ 2-3 นาที
ลุงแก่ๆ ตะลอนๆ หาหมอมา 4 ที่ แล้วคุณก็ไม่สนใจเค้า
ตอนนี้ก็ได้แต่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
เผื่อผลบุญจะส่งให้ได้เจอ หมอ รพ รัฐ ที่ตั้งใจทำหน้าที่บ้าง
หมอดีๆ ก็มีนะคะ เราไม่ได้หวังให้คุณมาพะเน้าพะนอ เอาอกเอาใจอะไรมากมาย แค่ทำตามหน้าที่ สนใจเรา ให้ความสำคัญเรา
คุณรู้ัไหม คนแก่ เขากลัวหมอจะตาย เขาเชื่อหมอจะตาย เขาไม่ฟังลูกหลานหรอก เขารอที่จะพบคุณคนเดียว
ไม่เคยคิดเลยว่าไปหาหมอจะยากเย็นขนาดนี้
เรื่องก็คือ ลุงโดนกิ่งไม้ดีดตาค่ะ ดีดช่วง ตี 3-4 เพราะแกออกไปรดน้ำต้นไม้ ตามประสาคนแก่นอนไม่ค่อยหลับ แล้วไปทำอีท่าไหนไม่รู้กิ่งไม้ดีดตา เห็นเล่าให้ฟังว่า เหยียบไม้ แล้วไม้ดีดขึ้นมาตี
เช้าวันต่อมาที่บ้านลุงมีงานบุญพอดี ประกอบกับลุงแกงก และคิดว่าไม่เป็นไรมาก ก็เลยไม่ไปหาหมอ
กว่าจะมาเจอเราก็ปาเข้าไปอีกวัน ตาบวมแดงมาก น้ำตาไหล มีขี้ตา มีสีแดงในตาขาว ดูน่ากลัวมาก
แต่อย่างที่บอกว่าแกงก รั้น เราพูดอะไรก็ไม่ยอมฟัง ให้ไปหาหมอ สรุปว่าวันนั้นเราไปปลูกต้นไม้กันอีกทั้งวัน
รวมเป็น 2 วัน ที่โดนมา เราไม่ไหวแล้วบอกว่าต้องไปหาหมอแล้ว ตามันเป็นอวัยวะที่สำคัญนะ
สรุปเย็นวันนั้น(เสาร์) ลุงก็ยอมไปหาหมอ เราเองก็สมองตีบตันคิดอะไรไม่ออก อยู่แถวศาลายาก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
เอกชนนี่เท่ากับ 0 เลย เพราะแกงกมาก
ดังนั้นจึงต้องไปโรงพยาบาลรัฐบาล
ตัวเลือกที่ลองมาในหัว คือโรงพยาบาลกาญจนาฯ ตรงข้าม ม.มหิดล
เราก็ไปกัน
ประมาณ 4 โมงของวันเสาร์ ปรากฏว่า รพ ปิด เราก็โอเค เราไม่ได้ตรวจสอบเองว่า รพ นี้เปิดบริการยังไง ไม่ได้โกรธอะไร
เจ้าหน้าที่ที่นั่นแนะนำให้ไป คลีนิคของมหิดล ซึ่งมีแพทย์ประจำ
เราก็ไป พอไปถึงปุ๊บ
อาการลุงตอนนี้หมอเห็นยังตกใจ ตาบวมมาก ตาขาวแดง ขี้ตาเยอะมาก น้ำตาไหล
หมอแนะนำให้ไป รพ.พุทธมณฑล เราก็ไป เราก็ถามว่าวันเสาร์จะมีแพทย์หรอ หมอที่คลีนิคบอก ยังไงก็ "ต้อง" มีหมอเวรอยู่แล้ว
แล้วโรงบาลนี้ซับซ้อนมาก เราคนสามพรานก็ไม่คุ้นเคยแถวนั้น สุดท้ายเจอ โรงพยาบาล
ทำบัตรปุ๊บ ห้องบัตรบอกว่า "ไม่มีหมอนะคะ ต้องรักษากับคุณพยาบาลนะคะ"
เราก็สตั๊นมาก.... คือหมอที่คลินิคเพิ่งบอกให้มานี่ เพราะมีหมอ และอุปกรณ์ที่ดีกว่า
เราก็เอาวะ ดีกว่าไม่ได้หาอะไรเลย ก็โดนลัดคิวอุบัติเหตุ 2-3 ราย โอเค ของเรามันอาการไม่ฉุกเฉินมากพยายามทำใจ
สุดท้ายก็ได้เข้าห้องฉุกเฉิน แล้วพยาบาลก็เปลี่ยนกะกันพอดี บังเอิญ ผอ.รพ. เข้ามา เห็นตาลุงเราก็เลยรักษาให้
เราโคตรดีใจ มีหมอแล้วโว้ยยย อยากออกไปตะโกน
คุยๆ กันซักพัก คุณหมอใจดีมาก เล่าให้เราฟังทุกอย่าง ว่าอาการนี้น่ากลัว มีสิทธิ์ตาบอก เพราะเลือดออกตาดำ
หมอว่า "ต้องนอนโรงพยาบาลทันที!" เพื่อดูอาการ เลือดมันตก ถ้ามันคั่งก็ต้องเจาะออกประมาณนี้ แถมส่องไฟฉายให้เราดูเลือด ซึ่งน่ากลัวมาก มันย้อยมาด้านล่างตาดำ
เราก็โอเคหมอ นอนก็นอน แต่หมอว่า ไปนอนที่ รพ นครปฐมดีกว่าเขามีหมอตาโดยตรง ระหว่างนั้นหมอก็เขียนใบส่งตัวให้
หลังจากนั้นเราก็ไป รพ นครปฐม จุดพีคของเรามันอยู่ตรงนี้
เราก็ทำบัตร วัดความดัน ทำอะไรทุกอย่างครบ รอหมอ
อ่า ได้เข้าห้องหมอแล้ว เราก็เออ นอนก็นอนไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เจอหมอผู้หญิง พอหมอเห็นตาลุงปั๊บ
แกไม่พูดอะไรเลย ไม่ได้จับ ได้แตะ ได้เอาไฟฉายส่อง ถามอาการ แต่หมอได้พูดว่า
"ต้องมาพรุ่งนี้นะลุง"
.................................
เราเพิ่งได้ฟัง ผอ. รพ พุทธมณฑล ย้ำเราว่า ยังไงก็ต้องนอนโรงพยาบาล มันอันตราย มีสิทธิ์ที่เลือดจะคั่ง แล้วถ้าไม่เจาะออกจะ พร่า บังอยู่อย่างนั้นตลอดไป
แต่หมอหญิงกลับบอกเราว่า ให้เรามาพรุ่งนี้ ทั้งที่หมอคนก่อนกำชับนักหนาว่า ยังไงก็ต้องนอนโรงพยาบาลเลย
นางได้ให้ยาแก้ปวด ตาหยอดตา มากิน โดยที่ไม่ได้ถามอะไร ....
วันต่อมาลุงเราก็ไปหาหมอ นอนโรงพยาบาล จนตอนนี้หายแล้ว
แต่จนถึงวันนี้เราก็ยังข้องใจ วินาทีนั้นคือ
เงินคือสิ่งที่จำเป็นหรอ มีเงิน รพ.รัฐ ก็ไม่ได้สนใจคุณเลยนะ
เราต้องเป็นใครคุณถึงจะสนใจเรา
รพ รัฐควรเป็นที่พึ่งสิ ไม่ใช่แบบนี้
หมอ เราไม่ได้บังคับให้คุณมาทำหน้าที่นี้เลยนะ คุณมาด้วยตัวคุณเอง คุณอยากเรียน คุณอยากเป็นเอง ทำไมคุณไม่ทำหน้าที่ของคุณให้ดี
จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ ที่เจอเหตุการณ์ประมาณนี้ แม่เราเป็นเบาหวาน ก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ ก็เจอคล้ายๆ กันแต่หน่อมแน้มกว่า แค่ รอ 3 ชั่วโมง หมอพูดกับเราไม่ถึง 3 นาที
คุณลองนึกสิ ป้าแก่ๆ คนนี้เจ็บป่วย ต่อคิวรอคุณมา 3 ชั่วโมง เพื่อที่จะให้คุณไม่สนใจ พูดด้วยแค่ 2-3 นาที
ลุงแก่ๆ ตะลอนๆ หาหมอมา 4 ที่ แล้วคุณก็ไม่สนใจเค้า
ตอนนี้ก็ได้แต่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
เผื่อผลบุญจะส่งให้ได้เจอ หมอ รพ รัฐ ที่ตั้งใจทำหน้าที่บ้าง
หมอดีๆ ก็มีนะคะ เราไม่ได้หวังให้คุณมาพะเน้าพะนอ เอาอกเอาใจอะไรมากมาย แค่ทำตามหน้าที่ สนใจเรา ให้ความสำคัญเรา
คุณรู้ัไหม คนแก่ เขากลัวหมอจะตาย เขาเชื่อหมอจะตาย เขาไม่ฟังลูกหลานหรอก เขารอที่จะพบคุณคนเดียว