http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1367120495&grpid=01&catid=&subcatid=
เมื่อหกปีที่แล้วได้มีกลุ่มบุคคลคณะหนึ่ง ร่วมกันปลูกต้นไม้ชนิดหนึ่งโดย รู้เท่า
ไม่ถึงการณ์ ตั้งชื่อว่า ต้นประชาธิปไตย.
พวกเขาหวังว่า ต้นไม้นี้จะ งอกงามผลิด ดอก-ออกผล ให้ประชาชนทั้งประเทษ
ได้กินได้ใช้ ทั้งผลท้้งเนื้อไม้.
ดังนั้นแม้จะมี บุคคลอีกคณะหนึ่งออกมาคัดค้านว่า นั่นคือต้นไม้พิษ กินเข้าไปถึง
ตาย เนื้อไม้ก็เปราะ-ผุง่าย ใช้การอะไรไม่ได้.
แต่เขาเหล่านั้นหาฟังไม่ ยังคงยืนยันว่า มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประชาชน-ประเทษชาติ
เขาเฝ้าดูแลทนุถนอม ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ต้นไม้เหล่านี้.
แล้ววันหนึ่งในเดือนมีนาคม 2553.ต้นไม้เริ่มผลิดดอกท่ามกลางความไม่แน่ใจของผู้ปลูก
เพราะกลิ่นดอกไม้นี้เหมือนกลิ่นซากศพ.
ครั้งแล้วเดือน พฤษภาคม 2553.ก็มาถึงวันที่ 19.มีการแจกผลไม้ให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้คน
ปรากฎว่ามีผู้มารอรับแจกเป็นจำนวนมาก.
ผลลัพธ์คือ เสียชีวิตเกือบร้อยศพ บาดเจ็บนับพันชีวิต บ้านเมืองเสียหายมูลค่าประมาณมิได้
ที่เสียหายที่สุดคือ ชื่อเสียงของประเทศ-จิตใจของประชาชน.
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะโค่นต้นไม้พิษต้นนี้ทิ้งเสียที.....
ต้นไม้พิษ+ลูกไม้พิษ
เมื่อหกปีที่แล้วได้มีกลุ่มบุคคลคณะหนึ่ง ร่วมกันปลูกต้นไม้ชนิดหนึ่งโดย รู้เท่า
ไม่ถึงการณ์ ตั้งชื่อว่า ต้นประชาธิปไตย.
พวกเขาหวังว่า ต้นไม้นี้จะ งอกงามผลิด ดอก-ออกผล ให้ประชาชนทั้งประเทษ
ได้กินได้ใช้ ทั้งผลท้้งเนื้อไม้.
ดังนั้นแม้จะมี บุคคลอีกคณะหนึ่งออกมาคัดค้านว่า นั่นคือต้นไม้พิษ กินเข้าไปถึง
ตาย เนื้อไม้ก็เปราะ-ผุง่าย ใช้การอะไรไม่ได้.
แต่เขาเหล่านั้นหาฟังไม่ ยังคงยืนยันว่า มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประชาชน-ประเทษชาติ
เขาเฝ้าดูแลทนุถนอม ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ต้นไม้เหล่านี้.
แล้ววันหนึ่งในเดือนมีนาคม 2553.ต้นไม้เริ่มผลิดดอกท่ามกลางความไม่แน่ใจของผู้ปลูก
เพราะกลิ่นดอกไม้นี้เหมือนกลิ่นซากศพ.
ครั้งแล้วเดือน พฤษภาคม 2553.ก็มาถึงวันที่ 19.มีการแจกผลไม้ให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้คน
ปรากฎว่ามีผู้มารอรับแจกเป็นจำนวนมาก.
ผลลัพธ์คือ เสียชีวิตเกือบร้อยศพ บาดเจ็บนับพันชีวิต บ้านเมืองเสียหายมูลค่าประมาณมิได้
ที่เสียหายที่สุดคือ ชื่อเสียงของประเทศ-จิตใจของประชาชน.
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะโค่นต้นไม้พิษต้นนี้ทิ้งเสียที.....