จากบุคคลผู้เคร่งครัดนอกศาสนากลายมาเป็น พระอาจารย์ วราห์ ปุญญวโร" เจ้าอาวาสวัด โพธิ์ทอง

กระทู้สนทนา
ความเป็นมาก่อนบวชเป็นพระภิกษุ ของ พระอาจารย์ วราห์  ปุญฺญวโร
พระครูวิศิษฎ์พิทยาคม (วราห์  ปุญฺญวโร)  วัดโพธิทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร วิถีชีวิตบนเส้นทางธรรมใต้ร่มกาสาวพัสตร์ของท่านนั้นกล่าวได้ว่า "ไม่ธรรมดา"  
เหตุที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าบิดาของท่านเป็นอิสลาม มารดาเป็นชาวพุทธ แม้ว่าบิดาจะมีจิตใจกว้างขวางยินยอมให้มารดานับถือพุทธศาสนาตามศรัทธาสืบไป แต่สำหรับบุตรชายย่อมต้องเป็นอิสลามตามขนบธรรมเนียมประเพณีทางฝ่ายบิดา
เมื่อเป็นอิสลามมิกชนแล้ว โอกาสที่จะได้บวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาจะเกิดขึ้นมิได้
แต่ได้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งที่น้อมนำให้ชีวิตของพระอาจารย์วราห์  ปุญฺญวโร ต้องหักเหเข้าสู่วิถีแห่งพุทธธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในกาลต่อมา    ปี พ.ศ.๒๕๑๔ เวลานั้น พระอาจารย์วราห์  ปุญฺญวโร  ยังอยู่ในวัยเยาว์ วันหนึ่งท่านได้ล้มป่วยลง และมีอาการทรุดหนักอย่างรวดเร็ว บิดามารดาจึงรีบพาไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร แพทย์วินิจฉัยโรคแล้วก็ไม่อาจระบุชี้ชัดว่าป่วยไข้ด้วโรคอะไร
อาการของเด็กชายวราห์ ยังคงเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ทั้ง ๆที่อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ประจำโรงพยาบาลอย่างดีที่สุด
อาการเจ็บไข้ได้ป่วยครั้งนั้น นับว่าหนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง ถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา โอกาสจะรอดชีวิตหาแทบไม่เห็น กระทั้งวันต่อมาเด็กชายวราห์ก็มีอาการทรุดลงจนหมดสติ การเต้นของหัวใจอ่อนลงเรื่อยๆ กระทั้งแผ่วหายไป แพทย์พยายามวิ่งวุ่น
พยายามช่วยชีวิตด้วยการปั้มหัวใจอย่างสุดความสามารถ    ในห้วงเวลาที่เด็กชายวราห์สิ้นสติสัมปชัญญะไปแล้ว เกิดนิมิตอันแจ่มชัดว่า ได้มีภิกษุรูปหนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้า พระภิกษุรูปนั้นมีสง่าราศีผุดผ่องน่าเลื่อมใสศรัทธา บอกกล่าวแก่เด็กชายวราห์ว่า ท่านคือพญานาค นามว่า "พญามุจรินท์นาคราช"     มีบุพกรรมผูกพันกับเด็กชายวราห์หลายภพหลายชาติที่มาปากฏกายให้เห็นครั้งนี้ ก็เพื่อจะบอกว่าให้เปลี่ยนศาสนามาเป็นพุทธ มามกะเสีย ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่กำลังรุมเร้าอยู่ก็จะบรรเทาหายไป   ในนิมิตนั้นเด็กชายวราห์ได้แย้งว่า ตนเป็นอิสลามจะหันมานับถือศาสนาไม่ได้เด็ดขาด พระภิกษุก็กล่าวด้วยถ้อยคำที่ชวนสะดุ้งว่า  หากไม่ยอมรับเป็นพุทธมามกะ ก็ไม่มีอะไรมาช่วยชีวิตได้แน่นอน และจะต้องตายจากโลกมนุษย์ไปในเวลาไม่กี่นาทีนี้    เด็กชายวราห์รู้สึกตกใจกลัวว่า ตัวเองจะไม่พบหน้าพ่อแม่อีก จึงเอ่ยคำรับรองว่าจะเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาแสดงตนเป็นพุทธมามกะต่อไป     พระอาจารย์วราห์  ปุญฺญวโร  ได้เล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นว่า " ก็เป็นเรื่องแปลกนะโยม พออาตมายกมือไหว้พระภิกษุรูปนั้นและรับปากสัญญาว่าจะยอมเป็นพุทธมามกะ นิมิที่เกิดขึ้นก็ดับวูบไป รู้สึกตัวมีสติขึ้นมาทันที เวลานั้นคุณหมอกำลังปั้มหัวใจอยู่   ทราบจากโยมแม่ภายหลังว่าคุณหมอบอกว่าถ้าปั้มหัวใจไม่ได้ผลอีกครั้งจะเลิกกระทำ เพราะไม่ฟื้นแน่ พอคุณหมอปั้มหัวใจปุ๊บ อาตมาก็ลืมตาตื่นปั๊บทันที ทุกคนต่างปิติดีใจกันทุกคน   หลังจากนั้นอาการป่วยไข้ของอาตมาก็ทุเลาบรรเทาลงอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
อยู่โรงพยาบาลไม่กี่วันก็หายเป็นปกติ ได้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน"   หลังจากเด็กชายวราห์หรือพระอาจารย์วราห์  ปุญฺญวโร  ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ท่านได้เล่าเรื่องซึ่งเกิดนิมิตประหลาดให้โยมแม่ฟังโดยละเอียด แต่ก็ยังไม่กล้าบอกโยมพ่อ กลังโยมพ่อจะบันดาลโทสะเข้าไป ในช่วงหลายปีที่เจริญวัยเด็กชายมาเป็นวัยรุ่นและเป็นหนุ่มเต็มตัว ได้เกิดนิมิตติดต่อกับพระภิกษุรูปเดิม หรือพญามุจรินท์นาคราชเป็นประจำ ท่านผู้ทรงศีลในนิมิตได้แสดงธรรมให้ได้รับรู้และให้นำไปปฏิบัติเรื่อยมา ทำให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งดื่มดำ่ในธรรมกถาแต่ละข้ออย่างเงียบๆ
แต่ก็ไม่อาจแสดงออกนอกหน้าอย่างเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงโยมพ่ออยู่    เมื่อเริ่มเป็นหนุ่ม พระภิกษุหรือพญามุจรินท์นาคราชหนึ่งติดต่อกันทางจิตนิมิตได้บอกกับพระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร  ชิวิตในเพศฆราวาสของท่านถึงวาระหมดสิ้นแล้วให้ท่านบวชเป็นพระภิกษุเข้ามาเป็นพุทธสาวกรับใช้ในบวรพระพุทธศาสนาเสียเถิด แต่พระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร ซึ่งรู้ว่าพึงกระทำมิได้ ก็ขอผลัดผ่อนเรื่อยมา  ประมาณเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ พระภิกษุพญามุจรินท์นาคราชก็ได้ปรากฏในนิมิตอีก คราวนี้ท่านได้เตือนย้ำว่าถึงเวลาที่สมควรต้องบวชแล้ว เพราะโยมบิดาถึงวาระจะสิ้นอายุแน่นอน การบวชเป็นพระภิกษุผุ้ืรงศีลบำเพ็ญสมณธรรมเป็นกุศลธรรม ทางเดียวที่จะต่ออายุโยมบิดาให้ยืนยาว   ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง ในนิมิตนั้นปรากฎสภาพของโยมบิดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในต่างแดน และพระภิกษุพญามุจรินท์นาคราชยังระบุเอาไว้ชัดเจนว่า วันที่ ๑๓ ธันวาคม ปีนั้น คือวันสิ้นอายุของโยมบิดาทำให้ท่านตื่นตระหนกทุกข์ร้อนอย่างยิ่ง   พระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโรเล่าอีกว่า "เมื่ออาตมารู้เห็นจากนิมิตว่าโยมพ่อจะต้องตายแน่ๆ รู้สึกเดือดร้อนทุกข์ทรมานใจอย่างที่สุด แต่ไม่รู้จะบอกกับใครได้ เพราะเรื่องรู้เห็นจากนิมิตเช่นนี้ไม่มี หลักฐานอะไรมายืนยัน แต่ไม่รู้จะพูดกับใครได้ เพราะเรืองรู้เห็นจากนิมิตเช่นนี้ไม่มี หลักฐานอะไรมายืนยัน พูดกับใครบอกกับใคร เขาคงคิดว่าเราเพ้อเจ้อสติพร่องเข้าทำนอง บ้าๆ บอๆ นั่นแหละ จะขอโยมพ่อ โยมแม่บวชเป็นพระก็ให้ติดขัดคับใจไปเสียทั้งหมด เนื่องจากอยุ่ในสังคมของชาวอิสลาม จึงได้อัดอั้นตันใจอยู่คนเดียวด้วยความห่วงใยโยมพ่อ"     โยมบิดาของพระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร มีอาชีพเป็นพนักงานระดับสูง ในเรือเดินสมุทรรับส่งสินค้า ต้องตระเวนท่องทะเลไป ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ออกทะเลแต่ละคราวจะหายไปนานนับเดือนทีเดียว กว่าจะได้กลับมาพักผ่อนช่วงสั้นๆที่บ้าน     วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๔ ครอบครัวของพระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโรได้รับโทรเลขแจ้งว่าโยมบิดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันนี้ทำให้ทุกคนในครองครัววิปโภคโศกเศร้ากันทั่วหน้า โดยเฉพาะพระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร มีความรู้สึกรันทดใจอย่างหนัก  ทั้งนี้ก็เพราะตนเองรู้ทั้งรู้ว่า  มีช่องทางจะต่อชีวิตโยมบิดาได้แต่กลับหมดโอกาสกระทำ ประหนึ่งงอมืองอเท้าปล่อยให้ผู้ให้กำเนิดตายไปต่อหน้าต่อตา หลังจากพิธีศพของโยมบิดาพ้นไปแล้ว พระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโรก็ยังไม่ได้บวชเนื่องจากเหลือโยมแม่อยู่คนเดียว รวมทั้งมีภาระหน้าที่ต้องช่วยเหลือธุรกิจการงานของครอบครัว กระทั่งภาระทั้งหลายค่อยๆ ผ่อนเพลาลง จึงได้ตัดสินใจเด็ดขาดขอลาเพศฆาราวาสเข้าสู่สมณเพศในวันที่ ๖ กรกฏาคม ๒๕๒๘  อันเป็นอุปสมบท ณ วัดโพธิทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร โดยมีพระรัตนกวี วัดนางนอง เนพระอุปัชฌาย์      พรรษาแรกท่านศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างคร่ำเคร่งที่วัดโพธิทอง พร้อมๆกับปฏิบัติพระกรรมฐานไปด้วย ล่วงเข้าพรรษาที่ ๒ ท่านเห็นว่าการเจริญภาวนาที่วัดซึ่งมีญาติโยมค่อนข้างพลุกพล่านไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติทางจิตให้ลุล่วงไปสู่ระดับสูงได้จึงขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ออกเดินธุดงค์พร้อมกับสหธรรมมิก พระลูกศิษย์อีกรูปหนึ่ง พระอุปัชฌาย์ก็อนุญาต    
          



ประสบการณ์เดินธุดงค์
พระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโรกับเพื่อนสหธรรมิกออกจากวัดโพธิทอง บางมด จาริกธุดงค์มุ่งสู่ภาคใต้ไม่เร่งร้อน ในแต่ละวันจะเดินกันไปเรื่อยๆ เย็นย่ำสนธยาใกล้เวลาวิกาลเมื่อใดก็จะหยุดปักกลดเจริญสมาธิภาวนาเกือบตลอดคืน

ครั้นได้อรุณพระธุดงค์หนุ่มทั้งสองรูปจะออกไปบิณฑบาตโปรดสัตว์ ได้ภัตตาหารอย่างไรก็ฉันอย่างนั้น เพียงเพื่อประทังชีวิตให้ผ่านพ้นไปวันหนึ่งๆ

พระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร กล่าวถึงการจาริกธุดงค์ครั้งแรกในสมณเพศว่า เป็นประสบการณ์ที่มีคุณประโยชน์แก่ตนเองอย่างเอกอุ เพราะเป็นการทดสอบความอดทนความไม่หวั่นไหวต่อการตรากตรำอย่างหนัก เป็นการฝึกให้มีสติทุกอริยาบถทำให้รู้ตัวทั้วพร้อมไม่ว่าจะเป็นเวลาลืมตาตื่นหรือเวลานอนหลับ คือการหลับอย่างมีสติ ขณะที่จาริกผ่านภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมซึ่งยึดถือเส้นทางอันห่างไกลชุมชนที่เจริญ โดยเฉพาะบางเส้นทางเป็นป่่าเขาลำเนาไพรไม่มีหมู่บ้านที่อยู่อาศัยของผู้คน ทำให้ได้พบสถานที่สัปปายะเหมาะสมต่อการบำเพ็ญ เพียรเจริณสมาธิภาวนาอย่างยิ่ง และเป็นการขูดเกลากิเลสให้เบาบางลงไปอย่างได้ผล

เมื่อพระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร และพระเพื่อนบรรลุสู่แดนใต้ไปถึงจังหวัดยะลา ท่านได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันว่าจะได้พบกล่าวคือขณะปักกลดอยู่ชายป่าแห่งหนึ่ง โดยแยกปักกลดห่างไกลพอสมควร ขณะที่เดินดูพื้นที่สำหรับเดินจงกรมท่านก็พบงูเหลือมขนาดใหญ่อย่างน่าพรั่งพรึง กำลังม้วนลำตัวรัดลิงป่าตัวหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างขนาดเด็กอายุ ๑๑-๑๒  ขวบ ลิงนั้นยังไม่ตายและตะเกียกตะกายสู้สุดฤทธิ์ แม้ลิงจะต่อสู้อย่างไร ก็คงเอาตัวไม่รอดแน่ เพราะขนาดลำตัวยาวเหยียดและใหญ่โตของงูเหลือมม้วนกระหวัดรัดแน่นเข้าทุกที

"อาตมาเดินเข้าไปจนใกล้ เห็นนัยน์ตาของลิงป่าตื่นกลัวสุดขีด และมองมาที่อาตมาเหมือนกับร้องขอให้ช่วยชีวิตมันด้วย" พระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร เล่าถึงเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้าครั้งนั้นต่อไปว่า "อาตมาเกิดความเวทนาสงสารลิงป่าตัวนั้นจับจิต แต่ไม่รู้จะช่วยให้มันรอดตายได้อย่างไร พร้อมกันนั้นก็เกิดความสลดสังเวชที่เห็ฯสัตว็โลกต้องเบีัยดเบียนชีวิตเลือดเนื้อกันและกัน เพราะความอดอยากหิวโหยโดยแท้ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าการก่อเวรสร้างกรรมเช่นนี้ คือการสืบต่อกฏแห่งกรรมไม่มีวันจบสิ้นลงไปได้
เมื่ออาตมาไม่มีทางอื่นจะช่วยชีวิตลิง เพราะตัวเองเป็นพระสงฆ์ จึงตั้งจิตอธิษฐานแผ่เมตตาไปที่งูเหลือมว่า อาตมาขอบิณฑบาตชีวิตลิงเอาไว้สักครั้งเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย หากงูเหลือมเคยมีเวรกรรมผูกพันกับอาตมาไม่ว่าชาติใดภพใดอาตมายินดีที่จะมอบกายสังขารนี้อุทิศให้เป็นอาหารแทนลิงตัวนั้น โดยยินยอมพร้อมใจทุกอย่าง จะไม่ถือโทษโกรธตอบ และจะอโหสิกรรมให้ทั้งหมด

"ก็น่าแปลกนะโยม งูเหลือมใหญ่มากตัวนั้นค่อยๆ คลายลำตัวของเขาที่รัดลิงป่าออก จนประทั้งลิงป่าหลุดจากวงรัดเป็นอิสระแล้ว ตะกุยตะกายวิ่งหนีขึ้นต้นไม้ไป ส่วนงูเหลือมจ้องมองที่อาตมาเขม็ง ซึ่งอาตมาก็ไม่ถอยหนีเหมือนกัน คิดว่าเราให้สัจจะแกเขาแล้ว ถึงจะถูกเขาเข้ามารัดจนตาย ก็ขอยอมตายอย่างสงบ งูเหลือมตัวนั้นไม่ได้ทำอันตรายอาตมาแม้แต่น้อย เขาจ้องมองอาตมาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เลื้อยหายเข้าไปในป่าทึบ"

พระอาจารย์วราห์ ปุญฺญวโร เล่าถึงประสบการณ์ธุดงค์ครั้งแรกต่อไปอีกว่า ในระหว่างที่ท่านบำเพ็ญเพียรสมณธรรมตามสถานที่สงบสงัด พระภิกษุพญามุจรินท์นาคราชได้มาปรากฏในนิมิตหลายครั้ง เพื่อแนะนำแนวทางการปฏิบัติพระกรรมฐานให้ถูกทางและชี้แนะข้อธรรมซึ่งติดขัดจนปลอดโปร่งหายสงสัย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่