จากการที่เราไปขอวีซ่ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้เห็นอะไรผิดพลาดมาเพียบเลยค่ะ เรื่องแรกที่เห็นเลยก็คือเรื่องเอกสารค่ะ ซึ่งก่อนที่เราจะเข้าไปสัมภาษณ์ได้ เราต้องมี 3-4 อย่างดังนี้ค่ะ 1. Passport 2. ใบหน้า Confirmation DS-160 ที่มีรูปเราและ Barcode 3. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า 4. ทะเบียนบ้าน (นำมาแสดงในกรณีที่ใช้พินเดียวจองมากกว่า 1 คน แล้วต้องเป็นคนในครอบครัวที่มีนามสกุลเดียวกันอยู่บ้านเดียวนะคะ)
จากการที่เรายืนรอคิว เราเห็นคนที่พลาดหลายคนเหมือนกันค่ะ ที่ลืมปริ๊น DS-160 ออกมา ไม่มีใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าบ้าง แล้วเห็นเค้าต้องออกจากคิวไปหาเอกสารพวกนั้น เลยอยากจะเตือนทุกคนที่กำลังจะไปขอวีซ่าว่าอย่าลืมเอกสารพวกนี้เด็ดขาดค่ะ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เตรียมมาจะเสียเปล่าหมดเลยค่ะ เพราะเค้าจะไม่ให้เข้าไปได้เลย
นอกจากนั้นเอกสารที่เรามีแล้วคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการขอวีซ่าให้เอาไปให้หมดค่ะ อย่างของเราไปขอวีซ่า F-1 ก็ต้องมี I-20 ใบเสร็จค่า SEVIS fee Transcript จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย แล้วก็ใบรับรองการทำงาน ถึงแม้ว่าเราจะยังทำงานอยู่หรือลาออกแล้วเราก็ควรจะขอจากที่ทำงานไว้ด้วยนะคะ เพราะทางสถานทูตเค้าจะได้มั่นใจว่าสิ่งที่เรากรอกลงไปใน DS-160 นั้นเป็นความจริง ส่วนของคุณพ่อเราไปด้วยกันแต่ขอวีซ่า B-2 ก็มี Passport เก่าที่เคยมีวีซ่าอเมริกา แล้วก็จาดหมายเชิญจากเพื่อนที่อยู่ที่นั่น และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ Bank statement และหลักฐานทางการเงินอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเรามีเงินพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั่งหมดระหว่างไปที่นั่น เพราะตอนที่กงศุลขอดูเค้าขอดูพวกเงินในบัญชีเพื่อเทียบกับค่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่โชว์ใน I-20 ซึ่งพอเค้าเห็นว่าของเรามากเกินพอแล้ว เค้าก็เรียกดูของคุณพ่อเราเพิ่ม เพื่อที่จะดูว่าคุณพ่อมีเงินพอที่จะเที่ยวที่นั่นรึเปล่า เพราะฉะนั่นความเข้าใจของบางคนที่คิดว่าจะไปขอวีซ่าท่องเที่ยวนั้นไม่จำเป็นต้องโชว์ statement นั้นไม่จริงเลยค่ะ แล้ว statement นั้นต้องย้อนหลังไป 6 เดือนด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นทางกงศุลเค้าจะคิดได้ว่าเราแต่งบัญชีค่ะ
ช่วงตอนสัมภาษณ์อยากให้ตอบคำถามด้วยความมั่นใจนะคะ เพราะต่อให้เรามีเอกสารพร้อมแต่ตอบคำถามไปแบบไม่มั่นใจก็อาจโดนปฏิเสธได้ค่ะ อันนี้เห็นกับตาตัวเองเลยค่ะ ว่าน้องคนข้างหน้าตอบแบบตะกุกตะกักมาก ตอบคำถามไม่เคลียร์ แถมเจอกงศุลซักเพิ่มไปกันใหญ่เลยค่ะ จนสุดท้ายโดนปฏิเสธ
Tip สุดท้ายที่อยากจะแนะนำเลยคือ อ่านกระทู้ที่เกี่ยวกับเรื่องการขอวีซ่าในพันทิปเยอะๆค่ะ (555+) เพราะตัวเราเองต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาตั้งกระทู้แนะนำเรื่องการขอวีซ่าอเมริกาจริงๆค่ะ เราได้อะไรจากในนี้เยอะมาก เราศึกษาข้อมูลจากในนี้ ทั้งประสบการณ์ของคนที่ขอผ่านและไม่ผ่าน แล้วก็ดูว่าที่ได้เพราะอะไร ไม่ได้เพราะอะไร และก็นำมาปรับใช้กับของตัวเองที่ขอวีซ่านักเรียนแล้วก็คุณพ่อที่ขอวีซ่าท่องเที่ยว เราจัดการทำเรื่องขอวีซ่าด้วยตัวเอง จนมาได้วีซ่ามาครองในที่สุดค่ะ
ข้อควรระวังเรื่องการไปขอวีซ่าอเมริกาค่ะ
จากการที่เรายืนรอคิว เราเห็นคนที่พลาดหลายคนเหมือนกันค่ะ ที่ลืมปริ๊น DS-160 ออกมา ไม่มีใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าบ้าง แล้วเห็นเค้าต้องออกจากคิวไปหาเอกสารพวกนั้น เลยอยากจะเตือนทุกคนที่กำลังจะไปขอวีซ่าว่าอย่าลืมเอกสารพวกนี้เด็ดขาดค่ะ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เตรียมมาจะเสียเปล่าหมดเลยค่ะ เพราะเค้าจะไม่ให้เข้าไปได้เลย
นอกจากนั้นเอกสารที่เรามีแล้วคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการขอวีซ่าให้เอาไปให้หมดค่ะ อย่างของเราไปขอวีซ่า F-1 ก็ต้องมี I-20 ใบเสร็จค่า SEVIS fee Transcript จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย แล้วก็ใบรับรองการทำงาน ถึงแม้ว่าเราจะยังทำงานอยู่หรือลาออกแล้วเราก็ควรจะขอจากที่ทำงานไว้ด้วยนะคะ เพราะทางสถานทูตเค้าจะได้มั่นใจว่าสิ่งที่เรากรอกลงไปใน DS-160 นั้นเป็นความจริง ส่วนของคุณพ่อเราไปด้วยกันแต่ขอวีซ่า B-2 ก็มี Passport เก่าที่เคยมีวีซ่าอเมริกา แล้วก็จาดหมายเชิญจากเพื่อนที่อยู่ที่นั่น และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ Bank statement และหลักฐานทางการเงินอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเรามีเงินพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั่งหมดระหว่างไปที่นั่น เพราะตอนที่กงศุลขอดูเค้าขอดูพวกเงินในบัญชีเพื่อเทียบกับค่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่โชว์ใน I-20 ซึ่งพอเค้าเห็นว่าของเรามากเกินพอแล้ว เค้าก็เรียกดูของคุณพ่อเราเพิ่ม เพื่อที่จะดูว่าคุณพ่อมีเงินพอที่จะเที่ยวที่นั่นรึเปล่า เพราะฉะนั่นความเข้าใจของบางคนที่คิดว่าจะไปขอวีซ่าท่องเที่ยวนั้นไม่จำเป็นต้องโชว์ statement นั้นไม่จริงเลยค่ะ แล้ว statement นั้นต้องย้อนหลังไป 6 เดือนด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นทางกงศุลเค้าจะคิดได้ว่าเราแต่งบัญชีค่ะ
ช่วงตอนสัมภาษณ์อยากให้ตอบคำถามด้วยความมั่นใจนะคะ เพราะต่อให้เรามีเอกสารพร้อมแต่ตอบคำถามไปแบบไม่มั่นใจก็อาจโดนปฏิเสธได้ค่ะ อันนี้เห็นกับตาตัวเองเลยค่ะ ว่าน้องคนข้างหน้าตอบแบบตะกุกตะกักมาก ตอบคำถามไม่เคลียร์ แถมเจอกงศุลซักเพิ่มไปกันใหญ่เลยค่ะ จนสุดท้ายโดนปฏิเสธ
Tip สุดท้ายที่อยากจะแนะนำเลยคือ อ่านกระทู้ที่เกี่ยวกับเรื่องการขอวีซ่าในพันทิปเยอะๆค่ะ (555+) เพราะตัวเราเองต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาตั้งกระทู้แนะนำเรื่องการขอวีซ่าอเมริกาจริงๆค่ะ เราได้อะไรจากในนี้เยอะมาก เราศึกษาข้อมูลจากในนี้ ทั้งประสบการณ์ของคนที่ขอผ่านและไม่ผ่าน แล้วก็ดูว่าที่ได้เพราะอะไร ไม่ได้เพราะอะไร และก็นำมาปรับใช้กับของตัวเองที่ขอวีซ่านักเรียนแล้วก็คุณพ่อที่ขอวีซ่าท่องเที่ยว เราจัดการทำเรื่องขอวีซ่าด้วยตัวเอง จนมาได้วีซ่ามาครองในที่สุดค่ะ