คือพิมพ์ไม่ค่อยเก่งครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี จะพยายามพิมพ์ให้อ่านง่ายที่สุดนะครับ
ความรู้สึกผมเหมือนกับว่าหน้าหนังเลือก "กลุ่มเป้าหมายหลัก" เป็นวัยรุ่น ม.ปลายถึงมหาลัย
ด้วยความที่มัน "ไม่มีอะไรเลย" เพราะดูหน้าหนังแล้วผมไม่รู้จริงๆว่าหนังมันเกี่ยวกับอะไรเลย
(ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีชื่อ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล พ่วงมาด้วยคงไม่มีคนไปดูเยอะกว่านี้แน่)
ดูตัวอย่างหนังใครๆก็คิดว่าเป็นหนังวัยรุ่น ห่ามๆ ฮาๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ
พอได้ดูจริงกลับกลายเป็นว่า...
ตั้งใจจะไปดูความห่ามความฮา กลับกลายเป็นว่าเนื้อในของหนังมันล้ำลึกไปถึงระดับเซลผิวซะงั้น!
คือผมไม่ได้ตั้งใจปรามาสหรือดูถูกวัยรุ่นหรือเด็กๆที่เข้าไปดูเรื่องนี้เพราะมุ่งเน้นไปที่ความห่ามฮานะ
แต่หลังจากที่ผมไปดูแล้วพบกลุ่ม "เกรียน" ตัวเป็นๆในโรงแล้วก็พบว่า...
"เมื่อไหร่หนังจะจบกูอยากกลับบ้าน"
"_ม่งไม่เห็นตลกเลย"
"หนัง_ม่งโคตรงง กูดูไม่รู้เรื่องเลย"
ประโยคเหล่านี้ออกจากปากของเด็กๆที่นั่งอยู่แถวหลังผมประมาณ 5-6 คน พูดจนคนทั้งโรงได้ยิน เกรียนมั้ยล่ะ?
ซึ่งกลายเป็นว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ที่หนังอยากได้ กลับเข้าไม่ถึงเนื้อหาของหนังซะงั้น
ผมว่า เกรียนฟิคชั่น เนื้อหามันเหมาะกับทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง
แต่คนดูก็ต้องมีความสามารถตกผลึกสารที่อยู่ในหนังออกมาได้ในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเด็ก ม.ปลายที่มันแทบจะโคตรตรงกับชีวิตที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
เด็กมหาลัย+วัยเพิ่งทำงาน มันให้อารมณ์โหยหาย้อนวันเวลาเหล่านั้นให้กลับขึ้นมาคิดทบทวน
ผู้ใหญ่ อาจจะได้พลังงานบางอย่างจากความห่าม กล้าได้กล้าเสียในช่วงวัยรุ่นกลับมา
ผู้ปกครอง ได้เข้าใจและรับรู้ความเป็นไปของเด็กสมัยนี้ว่าเค้าคิดและเติบโตมายังไง
ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูตัวอย่างหนังแล้ว...
พูดตรงๆว่ามันไม่ได้เชิญชวนให้กลุ่ม วัยเพิ่งทำงาน+ผู้ใหญ่ ซึ่งน่าจะมีความสามารถในการตกผลึกสารในหนังได้เข้าไปดูเลยจริงๆ
ส่วนเป้าหมายหลักที่ไปดูกลายเป็นว่าตกผลึกไม่ได้ กระแสปากต่อปากมันก็เลยไม่เกิด
ทีนี้ ตัวอย่างชวนงงยังไม่พอ กระแสที่จะได้จากเป้าหมายหลักก็แทบจะไม่มีเลย หนังก็เลยดับสนิท
ที่ว่าดับสนิทผมอาจจะพูดเกินไป แต่ผมคิดว่าเนื้อหาหนังขนาดนี้ ควรจะได้ผลตอบรับมากกว่านี้(มากๆ)
ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า รู้สึกว่ามะเดี่ยวปรับโทนหนังเรื่องนี้ให้ดู feel good และตลาดมากขึ้น
คือ หนังมันจะดูง่ายๆดูผ่านๆมันก็ได้ แต่ด้วยความล้ำลึกของเนื้อหา มันเลยทำให้เป็นอารมณ์ feel good แบบแปลกๆไปเลย
สุดท้ายนี้ถือว่า เกรียนฟิคชั่น เป็นหนังน้ำดีที่(ผมคิดว่า)ทำออกมาให้มันเสพย์ง่ายและตลาดมากขึ้น
เหมือนปรับหนังยาขมกินยากให้กลายเป็นน้ำเชื่อมหวานๆ แต่กลับกลายเป็นว่ารสมันออกหวานแบบแปลกๆ
คนที่ชอบกินหวานเห็นแล้วก็อยากกิน แต่พอเจอหวานแปลกๆเข้าไป กลายเป็นว่ามันไม่อร่อยอย่างที่คิด
ในขณะที่คนชอบกินขม พอเห็นน้ำเชื่อมหวานๆคงคิดว่ากินแล้วคงไม่ได้ประโยชน์ ก็เลยไม่คิดจะกิน
ก็คงต้องดูกันต่อไปล่ะครับว่ากระแสในพันทิปนี้จะช่วยหนังคุณมะเดี่ยวได้มากน้อยแค่ไหน
อย่างน้อยๆก็ขอให้ได้ซัก 16 ล้าน เท่ากับ Home ก็คงจะดี เพราะอาทิตย์หน้าพี่ Tony Stark ก็เข้าโรงแล้ว
*แก้คำถูก censor ครับ
โอกาสที่จะทะยานมันเหลือน้อยเต็มที่... ถ้าเป็นไปได้ผมว่าทางค่ายหนังควรออกแคมเปญพิเศษบ่อยๆไปเลย
เพราะผมเชื่อว่าแฟนหนังเรื่องนี้คงมีอยู่ไม่น้อย และคงพร้อมสนับสนุนทุกทางเพื่อให้หนังฟื้นขึ้นมาบ้าง
ขอบคุณครับ
เกรียนฟิคชั่น หนังที่ความคาดหวังมันผิดที่ผิดทางไปหรือเปล่า?
ความรู้สึกผมเหมือนกับว่าหน้าหนังเลือก "กลุ่มเป้าหมายหลัก" เป็นวัยรุ่น ม.ปลายถึงมหาลัย
ด้วยความที่มัน "ไม่มีอะไรเลย" เพราะดูหน้าหนังแล้วผมไม่รู้จริงๆว่าหนังมันเกี่ยวกับอะไรเลย
(ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีชื่อ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล พ่วงมาด้วยคงไม่มีคนไปดูเยอะกว่านี้แน่)
ดูตัวอย่างหนังใครๆก็คิดว่าเป็นหนังวัยรุ่น ห่ามๆ ฮาๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ
พอได้ดูจริงกลับกลายเป็นว่า...
ตั้งใจจะไปดูความห่ามความฮา กลับกลายเป็นว่าเนื้อในของหนังมันล้ำลึกไปถึงระดับเซลผิวซะงั้น!
คือผมไม่ได้ตั้งใจปรามาสหรือดูถูกวัยรุ่นหรือเด็กๆที่เข้าไปดูเรื่องนี้เพราะมุ่งเน้นไปที่ความห่ามฮานะ
แต่หลังจากที่ผมไปดูแล้วพบกลุ่ม "เกรียน" ตัวเป็นๆในโรงแล้วก็พบว่า...
"เมื่อไหร่หนังจะจบกูอยากกลับบ้าน"
"_ม่งไม่เห็นตลกเลย"
"หนัง_ม่งโคตรงง กูดูไม่รู้เรื่องเลย"
ประโยคเหล่านี้ออกจากปากของเด็กๆที่นั่งอยู่แถวหลังผมประมาณ 5-6 คน พูดจนคนทั้งโรงได้ยิน เกรียนมั้ยล่ะ?
ซึ่งกลายเป็นว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ที่หนังอยากได้ กลับเข้าไม่ถึงเนื้อหาของหนังซะงั้น
ผมว่า เกรียนฟิคชั่น เนื้อหามันเหมาะกับทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง
แต่คนดูก็ต้องมีความสามารถตกผลึกสารที่อยู่ในหนังออกมาได้ในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเด็ก ม.ปลายที่มันแทบจะโคตรตรงกับชีวิตที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
เด็กมหาลัย+วัยเพิ่งทำงาน มันให้อารมณ์โหยหาย้อนวันเวลาเหล่านั้นให้กลับขึ้นมาคิดทบทวน
ผู้ใหญ่ อาจจะได้พลังงานบางอย่างจากความห่าม กล้าได้กล้าเสียในช่วงวัยรุ่นกลับมา
ผู้ปกครอง ได้เข้าใจและรับรู้ความเป็นไปของเด็กสมัยนี้ว่าเค้าคิดและเติบโตมายังไง
ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูตัวอย่างหนังแล้ว...
พูดตรงๆว่ามันไม่ได้เชิญชวนให้กลุ่ม วัยเพิ่งทำงาน+ผู้ใหญ่ ซึ่งน่าจะมีความสามารถในการตกผลึกสารในหนังได้เข้าไปดูเลยจริงๆ
ส่วนเป้าหมายหลักที่ไปดูกลายเป็นว่าตกผลึกไม่ได้ กระแสปากต่อปากมันก็เลยไม่เกิด
ทีนี้ ตัวอย่างชวนงงยังไม่พอ กระแสที่จะได้จากเป้าหมายหลักก็แทบจะไม่มีเลย หนังก็เลยดับสนิท
ที่ว่าดับสนิทผมอาจจะพูดเกินไป แต่ผมคิดว่าเนื้อหาหนังขนาดนี้ ควรจะได้ผลตอบรับมากกว่านี้(มากๆ)
ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า รู้สึกว่ามะเดี่ยวปรับโทนหนังเรื่องนี้ให้ดู feel good และตลาดมากขึ้น
คือ หนังมันจะดูง่ายๆดูผ่านๆมันก็ได้ แต่ด้วยความล้ำลึกของเนื้อหา มันเลยทำให้เป็นอารมณ์ feel good แบบแปลกๆไปเลย
สุดท้ายนี้ถือว่า เกรียนฟิคชั่น เป็นหนังน้ำดีที่(ผมคิดว่า)ทำออกมาให้มันเสพย์ง่ายและตลาดมากขึ้น
เหมือนปรับหนังยาขมกินยากให้กลายเป็นน้ำเชื่อมหวานๆ แต่กลับกลายเป็นว่ารสมันออกหวานแบบแปลกๆ
คนที่ชอบกินหวานเห็นแล้วก็อยากกิน แต่พอเจอหวานแปลกๆเข้าไป กลายเป็นว่ามันไม่อร่อยอย่างที่คิด
ในขณะที่คนชอบกินขม พอเห็นน้ำเชื่อมหวานๆคงคิดว่ากินแล้วคงไม่ได้ประโยชน์ ก็เลยไม่คิดจะกิน
ก็คงต้องดูกันต่อไปล่ะครับว่ากระแสในพันทิปนี้จะช่วยหนังคุณมะเดี่ยวได้มากน้อยแค่ไหน
อย่างน้อยๆก็ขอให้ได้ซัก 16 ล้าน เท่ากับ Home ก็คงจะดี เพราะอาทิตย์หน้าพี่ Tony Stark ก็เข้าโรงแล้ว
*แก้คำถูก censor ครับ
โอกาสที่จะทะยานมันเหลือน้อยเต็มที่... ถ้าเป็นไปได้ผมว่าทางค่ายหนังควรออกแคมเปญพิเศษบ่อยๆไปเลย
เพราะผมเชื่อว่าแฟนหนังเรื่องนี้คงมีอยู่ไม่น้อย และคงพร้อมสนับสนุนทุกทางเพื่อให้หนังฟื้นขึ้นมาบ้าง
ขอบคุณครับ