....ตอนนี้ดิฉันมีคดีความขึ้นศาลคดีเช็คเด้ง โจทย์คือเพื่อนสามี ดิฉันคือจำเลยที่ 1 สามีจำเลยที่ 2 (เป็นผู้สลักหลังเช็ค)
เช็คที่ฟ้อง มีทั้งหมด 4 ฉบับ ยอดเงินในเช็คแตกต่างกัน โจทย์ยื่นฟ้องสำนวนในหมายแจ้งว่า ดิฉันและสามี ได้ร่วมกันทำผิดสั่งจ่ายเช็คให้
ทั้งหมด 4 ฉบับ เมื่อถึงวันที่สั่งจ่ายโจทย์นำเช็คไปขึ้นปรากฏว่าว่าเช็คเด้ง นำใบที่ 2 ไปขึ้นปรากฏว่าเด้งอีก และ ต่อมาบัญชีนี้ได้ถูกปิด ต่อมาโจทย์จึงฟ้องร้องเช็คทั้ง 4 ฉบับนี้
ขอท้าวความแบบกระชับซักนิดนึงนะคะ เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมา
คือเดิม สามีกับโจทย์เป็นเพื่อนกัน คบหากันมานานหลายปี ประกอบอาชีพค้าขายมีร้านค้าอยู่ใกล้กัน ต่อมาสามีประสบปัญหาทางด้านการเงินจึงขอยืมเงินจากโจทย์ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายปีสามีก็เคยยืมโจทย์มาจำนวนเงินหลักล้าน แต่ต่อมาได้ใช้กันไปจนครบหมดสิ้นแล้ว ครั้งนี้ได้หยิบยืมใหม่ โดยที่ตอนยืมกันดิฉันไม่ได้รู้เรื่องด้วย (ประมาณว่าเพื่อนฝูงกันไปกินเหล้ากันแล้วก็เอ่ยปากยืมกัน) ยืมกันหลายครั้ง ต่อมาดิฉันถึงทราบว่าเค้าได้หยิบยืมกัน และได้ทราบต่อมาว่า ตัวโจทย์ได้ออกอุบายแนะนำสามีดิฉันว่าให้หาเช็คของใครก็ได้มาแลกแม่ของโจทย์เพราะเช็คของสามี(แต่ชื่อบัญชีดิฉัน)แม่โจทย์ไม่เชื่อถือ สามีจึงไปยืมเช็คเพื่อนมา 2 ใบ จากเพื่อน 2 คน เพื่อแลกเช็คเสียดอกเบี้ยร้อยละ 5 ให้ทุกเดือน ต่อมากิจการค้ายิ่งทรุด สามีไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้ได้ โจทย์ก็มาทวงถามเรื่อยๆ หนักเข้าก็มายึดของที่ร้านไปเพื่อขัดดอก (แต่ตามที่โจทย์บอกแม่โจทย์ไม่รู้ว่าเป็นเช็คสามีแต่มายึดของที่ร้านไปขัดดอก)
..ต่อมากิจการทรุดหนักไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นได้ โจทย์จึงมาหว่านล้อมขอเปลี่ยนเช็คใหม่ แต่คราวนี้ให้ดิฉันเป็นคนเขียน เขียนเปลี่ยนกันหลายใบเรื่อยมา จนกระทั่งโจทย์ให้สามีเซ้นสลักหลัง และให้ดิฉันไปเซ็นสัญญาเงินกู้ แต่ดิฉันไม่เซ็น โจทย์จึงเอากระดาษเปล่ามาให้สามีเซ็น และไปร่างสัญญาขึ้นมาเองทีหลัง สามีเซ็นให้เพื่อความสบายใจของโจทย์ และเพื่อความบริสุทธิ์ใจแต่เพราะไม่สามารถจะนำเงินมาใช้คืนให้ได้จริงๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ดิฉันก็ได้รับหมายฟ้องเห็นสัญญาที่โจทย์ร่างขึ้นเอง ลงชื่อดิฉันและสามี แต่ท้ายกระดาษมีแต่สามีลงชื่อคนเดียว ดิฉันกับสามีได้ไปขึ้นศาลและได้ตกลงเลื่อนนัดกันมาตลอดด้วยความยินยอมของทางโจทย์ด้วย โจทย์ฟ้องเช็ค 4 ใบ แยกออกเป็น 2 คดี ตลอดเวลาที่ไปขึ้นศาลแต่ละนัด ทางแม่ของสามีได้ไปด้วยทุกครั้งและทยอยผ่อนหนี้ให้โจทย์ ครั้งละ 20000 ส่วนดิฉัน ก็ผ่อนให้โจทย์เดือนละ 5100
เดือนหน้านี้จะถึงวันนัดคดีแรก ได้ยินมาจากทนายว่าครั้งนี้ศาลคงจะไม่ให้เลื่อนนัดแล้ว แต่ทางโจทย์ได้รับการผ่อนชำระจากทางเรามาตลอด และได้ตกลงกันว่าจะขอผ่อนชำระ เดือนละ 15000 โจทย์ยินยอมและจะถอนฟ้อง
....แต่โจทย์
1.ให้ดิฉันไปเปิดบัญชีเช็คและเขียนเช็คสั่งจ่ายให้โจทย์ อีกซึ่งระยะเวลาและยอดเงินยังไม่ได้ตกลงกัน
2.ให้สามีเซ็นสลักหลังเช็คเหมือนเดิม
3.ให้แม่สามีทำสัญญค้ำประกัน
4.ขอสำเนาบัตรประชาชนดิฉันและสามีเพื่อจะนำไปร่างสัญญาเงินกู้
เพิ่มเติมค่ะ ว่าดิฉันกับสามีไม่ได้จดทะเบียนกันค่ะ
อยากขอคำแนะนำจากกรณ๊เหตุการณ์ที่เล่าให้ฟังมานี้ค่ะ
รบกวนสอบถามผู้รู้กฏหมายด้วยค่ะ "เกี่ยวกับคดีเช็ค"
เช็คที่ฟ้อง มีทั้งหมด 4 ฉบับ ยอดเงินในเช็คแตกต่างกัน โจทย์ยื่นฟ้องสำนวนในหมายแจ้งว่า ดิฉันและสามี ได้ร่วมกันทำผิดสั่งจ่ายเช็คให้
ทั้งหมด 4 ฉบับ เมื่อถึงวันที่สั่งจ่ายโจทย์นำเช็คไปขึ้นปรากฏว่าว่าเช็คเด้ง นำใบที่ 2 ไปขึ้นปรากฏว่าเด้งอีก และ ต่อมาบัญชีนี้ได้ถูกปิด ต่อมาโจทย์จึงฟ้องร้องเช็คทั้ง 4 ฉบับนี้
ขอท้าวความแบบกระชับซักนิดนึงนะคะ เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมา
คือเดิม สามีกับโจทย์เป็นเพื่อนกัน คบหากันมานานหลายปี ประกอบอาชีพค้าขายมีร้านค้าอยู่ใกล้กัน ต่อมาสามีประสบปัญหาทางด้านการเงินจึงขอยืมเงินจากโจทย์ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายปีสามีก็เคยยืมโจทย์มาจำนวนเงินหลักล้าน แต่ต่อมาได้ใช้กันไปจนครบหมดสิ้นแล้ว ครั้งนี้ได้หยิบยืมใหม่ โดยที่ตอนยืมกันดิฉันไม่ได้รู้เรื่องด้วย (ประมาณว่าเพื่อนฝูงกันไปกินเหล้ากันแล้วก็เอ่ยปากยืมกัน) ยืมกันหลายครั้ง ต่อมาดิฉันถึงทราบว่าเค้าได้หยิบยืมกัน และได้ทราบต่อมาว่า ตัวโจทย์ได้ออกอุบายแนะนำสามีดิฉันว่าให้หาเช็คของใครก็ได้มาแลกแม่ของโจทย์เพราะเช็คของสามี(แต่ชื่อบัญชีดิฉัน)แม่โจทย์ไม่เชื่อถือ สามีจึงไปยืมเช็คเพื่อนมา 2 ใบ จากเพื่อน 2 คน เพื่อแลกเช็คเสียดอกเบี้ยร้อยละ 5 ให้ทุกเดือน ต่อมากิจการค้ายิ่งทรุด สามีไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้ได้ โจทย์ก็มาทวงถามเรื่อยๆ หนักเข้าก็มายึดของที่ร้านไปเพื่อขัดดอก (แต่ตามที่โจทย์บอกแม่โจทย์ไม่รู้ว่าเป็นเช็คสามีแต่มายึดของที่ร้านไปขัดดอก)
..ต่อมากิจการทรุดหนักไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นได้ โจทย์จึงมาหว่านล้อมขอเปลี่ยนเช็คใหม่ แต่คราวนี้ให้ดิฉันเป็นคนเขียน เขียนเปลี่ยนกันหลายใบเรื่อยมา จนกระทั่งโจทย์ให้สามีเซ้นสลักหลัง และให้ดิฉันไปเซ็นสัญญาเงินกู้ แต่ดิฉันไม่เซ็น โจทย์จึงเอากระดาษเปล่ามาให้สามีเซ็น และไปร่างสัญญาขึ้นมาเองทีหลัง สามีเซ็นให้เพื่อความสบายใจของโจทย์ และเพื่อความบริสุทธิ์ใจแต่เพราะไม่สามารถจะนำเงินมาใช้คืนให้ได้จริงๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ดิฉันก็ได้รับหมายฟ้องเห็นสัญญาที่โจทย์ร่างขึ้นเอง ลงชื่อดิฉันและสามี แต่ท้ายกระดาษมีแต่สามีลงชื่อคนเดียว ดิฉันกับสามีได้ไปขึ้นศาลและได้ตกลงเลื่อนนัดกันมาตลอดด้วยความยินยอมของทางโจทย์ด้วย โจทย์ฟ้องเช็ค 4 ใบ แยกออกเป็น 2 คดี ตลอดเวลาที่ไปขึ้นศาลแต่ละนัด ทางแม่ของสามีได้ไปด้วยทุกครั้งและทยอยผ่อนหนี้ให้โจทย์ ครั้งละ 20000 ส่วนดิฉัน ก็ผ่อนให้โจทย์เดือนละ 5100
เดือนหน้านี้จะถึงวันนัดคดีแรก ได้ยินมาจากทนายว่าครั้งนี้ศาลคงจะไม่ให้เลื่อนนัดแล้ว แต่ทางโจทย์ได้รับการผ่อนชำระจากทางเรามาตลอด และได้ตกลงกันว่าจะขอผ่อนชำระ เดือนละ 15000 โจทย์ยินยอมและจะถอนฟ้อง
....แต่โจทย์
1.ให้ดิฉันไปเปิดบัญชีเช็คและเขียนเช็คสั่งจ่ายให้โจทย์ อีกซึ่งระยะเวลาและยอดเงินยังไม่ได้ตกลงกัน
2.ให้สามีเซ็นสลักหลังเช็คเหมือนเดิม
3.ให้แม่สามีทำสัญญค้ำประกัน
4.ขอสำเนาบัตรประชาชนดิฉันและสามีเพื่อจะนำไปร่างสัญญาเงินกู้
เพิ่มเติมค่ะ ว่าดิฉันกับสามีไม่ได้จดทะเบียนกันค่ะ
อยากขอคำแนะนำจากกรณ๊เหตุการณ์ที่เล่าให้ฟังมานี้ค่ะ