คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
ผิดครับ
แค่หน่วยวัดความเจ็บปวดเป็น "del" ก็ไม่มีจริงแล้ว
จะมีก็หน่วย "dol" ซึ่งเป็นการวัดความเจ็บปวดแบบเก่าที่เลิกใช้ไปตั้งกะยุค 60 แล้วมั้ง
เพราะความเจ็บมันเป็นความรู้สึกแบบ subjective ซึ่งแต่ละบุคคลมีความทนทานต่อความเจ็บปวดไม่เท่ากัน
เช่น บางคนโดนมดกัดอาจจะเจ็บจนทนไม่ได้ กับอีกคนโดนยิงยังหน้ายิ้มๆ
http://en.wikipedia.org/wiki/Dolorimeter
ปัจจุบันนี้เวลาเราอยากรู้ว่าคนไข้เจ็บขนาดไหนเราจะบอกว่า
"จาก 0-10 คนไข้เจ็บขนาดไหนครับ"
โดย
0 No Pain
1 – 3 Mild Pain (nagging, annoying, interfering little with ADLs)
4 – 6 Moderate Pain (interferes significantly with ADLs)
7 – 10 Severe Pain (disabling; unable to perform ADLs)
http://en.wikipedia.org/wiki/Pain_scale
*ADL = Activities of Daily Living
แค่หน่วยวัดความเจ็บปวดเป็น "del" ก็ไม่มีจริงแล้ว
จะมีก็หน่วย "dol" ซึ่งเป็นการวัดความเจ็บปวดแบบเก่าที่เลิกใช้ไปตั้งกะยุค 60 แล้วมั้ง
เพราะความเจ็บมันเป็นความรู้สึกแบบ subjective ซึ่งแต่ละบุคคลมีความทนทานต่อความเจ็บปวดไม่เท่ากัน
เช่น บางคนโดนมดกัดอาจจะเจ็บจนทนไม่ได้ กับอีกคนโดนยิงยังหน้ายิ้มๆ
http://en.wikipedia.org/wiki/Dolorimeter
ปัจจุบันนี้เวลาเราอยากรู้ว่าคนไข้เจ็บขนาดไหนเราจะบอกว่า
"จาก 0-10 คนไข้เจ็บขนาดไหนครับ"
โดย
0 No Pain
1 – 3 Mild Pain (nagging, annoying, interfering little with ADLs)
4 – 6 Moderate Pain (interferes significantly with ADLs)
7 – 10 Severe Pain (disabling; unable to perform ADLs)
http://en.wikipedia.org/wiki/Pain_scale
*ADL = Activities of Daily Living
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ขอเล่าจากประสบการณ์เลยนะคะ การคลอดลูกด้วยวิธีธรรมชาติเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิง แม้จะต้องเจ็บท้องตั้งแต่น้ำเดินประมาณ 8 - 10 ชั่วโมง แต่ไม่ใช่ปวดตลอดเวลา จะปวดเป็นระยะที่เด็กจะกลับหัวเพื่อคลอดออกมา และจะปวดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีคนอยู่ด้วยเป็นกำลังใจ และอยู่กับหมอตลอดเวลาก็ไม่น่าห่วงค่ะ และเมื่อถึงเวลาจะคลอดเราจะรู้โดยธรรมชาติว่าเราจะคลอดแล้ว บอกอาการแบบไม่สุภาพนะคะ เหมือนเราปวดจะถ่ายหนักมาก ๆน่ะคะ ยังไงก็ต้องเบ่ง และต้องออก ถึงตรงนี้จนถึงช่วงคลอดที่หมออยู่กับเราตลอดเวลา รวมทั้งพยาบาล ก็จะบอกวิธีเบ่งให้ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงค่ะ ตัวเองน่ะ หลังจากอาการดังกล่าว ก็ประมาณ 20 นาทีก็คลอดแล้วค่ะ คลอดเรียบร้อยเราก็บลูกก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เขาไม่แยกลูกออกไปค่ะ ออกจากหัองคลอดก็นอนบนเตียงห้ามลุกไปไหน จะฉี่จะอะไรก็บอกพยาบาลเลย 1 คืน เพื่อป้องกันการตกเลือดและอื่น ๆ พอเช้ามาก็เดินได้แล้วค่ะ สบายมาก อย่ากลัวเลยค่ะคุณแม่ทั้งหลาย แข็งแรงเร็วกว่าผ่าคลอดค่ะ แต่ยังไงก็ตามก็แล้วแต่การตัดสินใจค่ะ เพราะคนท้อง และคนจะคลอดควรจะเครียดและกังวลน้อยที่สุด อะไรสบายใจก็ทำเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 37
ยังไงก็ระวังตอนหลังคลอด กรณีตกเลือดแบบเงียบ ๆ แล้วเสียชีวิตด้วยนะคะ เคยมีกรณีสมาชิกห้องไกลบ้านตั้งกระทู้เล่าถึงกรณีที่เสียภรรยาหลังคลอดน่ะ เคยอ่านเรื่องหลายปีมาแล้ว คือภรรยาคลอดลูกเสร็จก็คงเพลียและนอนพักน่ะ แต่ไม่ตื่นอีกเลย ลูกน้อยต้องมากำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเกิดเลย อ่านแล้วเศร้ามากเลย
ส่วนตัวเองก็เกือบ ๆ ไป คลอดเสร็จคุณหมอเย็บแผลเรียบร้อย คราวนี้ก็นอนพักเหนื่อยเพราะรู้สึกเพลียมาก แต่ซักพักรู้สึกกระหายน้ำมาก ๆ เลย แฟนเอาน้ำมาให้ดื่มกลายเป็นหนาวมาก หนาวจนสั่น จากนั้นเค้าก็เอาน้ำอุ่นมาให้ดื่ม คราวนี้กลายเป็นอ้วกออกมาทันที จากนั้นแฟนเลยเรียกพยาบาล พยาบาลมาดูตอนแรกก็ยังหาสาเหตุไม่เจอ จากนั้นพยาบาลบอกให้พลิกตัวเพื่อที่เธอจะได้เช็คที่นอน ปรากฏว่าเลือดเต็ม เลือดซึมจากแผ่นอนามัยซับแผล แล้วซึมล้นลงไปที่ที่นอน พอเธอเห็นเลือดเลยเช็คแผลปรากฏว่าเลือดไหลซึมไม่หยุด ส่วนคุณหมอทำคลอดก็กลับไปแล้ว เธอต้องได้โทรตามคุณหมอกลับมาแล้วคุณหมอต้องมาทำแผลใหม่และต้องส่งเข้าห้องไอซียูให้เลือดเพิ่มอีก คืนนั้นต้องนอนห้องไอซียูทั้งคืนเพื่อรับเลือด คือถ้าพยาบาลไม่สังเกตุปล่อยให้นอนไปเรื่อย ๆ เลือดคงจะซึมเรื่อย ๆ ก็คงจะไม่รอดแล้วน่ะ อาจจะหลับไปไม่ตื่นเลยก็ได้ เพราะตอนนั้นเจ้าตัวนี่เพลียมากอยากนอนอย่างเดียวและเวลาคนนอนหลับนี่ไม่รู้ตัวหรอกว่าเลือดซึม คนเฝ้าคนไข้ที่คลอดลูกสังเกตุอาการบ้างก็ดี ถ้ามีบ่นว่ากระหายน้ำหรือเหนื่อยนี่อย่าปล่อยให้นอนหลับไปเลย คอยเช็ค คอยปลุก หรือสังเกตุใต้ที่นอนเผื่อมีเลือดซึมแบบนี้บ้างก็ดี
ปล. กรณีของดิฉันแค่บล็อกหลังนะ ไม่ได้ผ่าคลอด
ส่วนตัวเองก็เกือบ ๆ ไป คลอดเสร็จคุณหมอเย็บแผลเรียบร้อย คราวนี้ก็นอนพักเหนื่อยเพราะรู้สึกเพลียมาก แต่ซักพักรู้สึกกระหายน้ำมาก ๆ เลย แฟนเอาน้ำมาให้ดื่มกลายเป็นหนาวมาก หนาวจนสั่น จากนั้นเค้าก็เอาน้ำอุ่นมาให้ดื่ม คราวนี้กลายเป็นอ้วกออกมาทันที จากนั้นแฟนเลยเรียกพยาบาล พยาบาลมาดูตอนแรกก็ยังหาสาเหตุไม่เจอ จากนั้นพยาบาลบอกให้พลิกตัวเพื่อที่เธอจะได้เช็คที่นอน ปรากฏว่าเลือดเต็ม เลือดซึมจากแผ่นอนามัยซับแผล แล้วซึมล้นลงไปที่ที่นอน พอเธอเห็นเลือดเลยเช็คแผลปรากฏว่าเลือดไหลซึมไม่หยุด ส่วนคุณหมอทำคลอดก็กลับไปแล้ว เธอต้องได้โทรตามคุณหมอกลับมาแล้วคุณหมอต้องมาทำแผลใหม่และต้องส่งเข้าห้องไอซียูให้เลือดเพิ่มอีก คืนนั้นต้องนอนห้องไอซียูทั้งคืนเพื่อรับเลือด คือถ้าพยาบาลไม่สังเกตุปล่อยให้นอนไปเรื่อย ๆ เลือดคงจะซึมเรื่อย ๆ ก็คงจะไม่รอดแล้วน่ะ อาจจะหลับไปไม่ตื่นเลยก็ได้ เพราะตอนนั้นเจ้าตัวนี่เพลียมากอยากนอนอย่างเดียวและเวลาคนนอนหลับนี่ไม่รู้ตัวหรอกว่าเลือดซึม คนเฝ้าคนไข้ที่คลอดลูกสังเกตุอาการบ้างก็ดี ถ้ามีบ่นว่ากระหายน้ำหรือเหนื่อยนี่อย่าปล่อยให้นอนหลับไปเลย คอยเช็ค คอยปลุก หรือสังเกตุใต้ที่นอนเผื่อมีเลือดซึมแบบนี้บ้างก็ดี
ปล. กรณีของดิฉันแค่บล็อกหลังนะ ไม่ได้ผ่าคลอด
แสดงความคิดเห็น
จริงหรือไม่คะ ที่ว่า ..ขณะคลอดลูก คุณแม่จะเกิดความเจ็บปวดถึง 57 เดล หรือเท่ากับการหักกระดูก 20 ท่อน ในเวลาเดียวกัน
ร่างกายของมนุษย์สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ 46 เดล (หน่วยของความเจ็บปวด) แต่กระนั้น...ขณะคลอดลูก คุณแม่จะเกิดความเจ็บปวดถึง 57 เดล หรือเท่ากับการหักกระดูก 20 ท่อน ในเวลาเดียวกัน !?!นึกออกหรือยังว่า…แม่ของเราเจ็บปวด..และรักเรามากแค่ไหน ?