จริงหรือไม่คะ ที่ว่า ..ขณะคลอดลูก คุณแม่จะเกิดความเจ็บปวดถึง 57 เดล หรือเท่ากับการหักกระดูก 20 ท่อน ในเวลาเดียวกัน



ร่างกายของมนุษย์สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ 46 เดล (หน่วยของความเจ็บปวด) แต่กระนั้น...ขณะคลอดลูก คุณแม่จะเกิดความเจ็บปวดถึง 57 เดล หรือเท่ากับการหักกระดูก 20 ท่อน ในเวลาเดียวกัน !?!นึกออกหรือยังว่า…แม่ของเราเจ็บปวด..และรักเรามากแค่ไหน ?
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
ผิดครับ
แค่หน่วยวัดความเจ็บปวดเป็น "del" ก็ไม่มีจริงแล้ว
จะมีก็หน่วย "dol" ซึ่งเป็นการวัดความเจ็บปวดแบบเก่าที่เลิกใช้ไปตั้งกะยุค 60 แล้วมั้ง
เพราะความเจ็บมันเป็นความรู้สึกแบบ subjective ซึ่งแต่ละบุคคลมีความทนทานต่อความเจ็บปวดไม่เท่ากัน
เช่น บางคนโดนมดกัดอาจจะเจ็บจนทนไม่ได้ กับอีกคนโดนยิงยังหน้ายิ้มๆ
http://en.wikipedia.org/wiki/Dolorimeter

ปัจจุบันนี้เวลาเราอยากรู้ว่าคนไข้เจ็บขนาดไหนเราจะบอกว่า
"จาก 0-10 คนไข้เจ็บขนาดไหนครับ"

โดย
0            No Pain
1 – 3            Mild Pain (nagging, annoying, interfering little with ADLs)
4 – 6            Moderate Pain (interferes significantly with ADLs)
7 – 10    Severe Pain (disabling; unable to perform ADLs)

http://en.wikipedia.org/wiki/Pain_scale
*ADL = Activities of Daily Living
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เราคลอดเอง เจ็บมาก พอเบ่งปึ้ปความเจ็บ ความทรมานหายเป็นปลิดทิ้งจริงๆคะ

เเต่มากกว่าคำว่าเจ็บคือ

"ช้านนนนนนนนทำได้ ภูมิใจสุดๆ บอกกับลูกเสมอ "หนูรู้ไหม หม่ามี๊เบ่งหนูมาเองเลยนะ" 3,648 โล นะคะคนนี้ เบ่งทีเดียว พรวดดดดดดดดดดดด
ความคิดเห็นที่ 5
ขอเล่าจากประสบการณ์เลยนะคะ การคลอดลูกด้วยวิธีธรรมชาติเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิง แม้จะต้องเจ็บท้องตั้งแต่น้ำเดินประมาณ 8 - 10 ชั่วโมง แต่ไม่ใช่ปวดตลอดเวลา จะปวดเป็นระยะที่เด็กจะกลับหัวเพื่อคลอดออกมา และจะปวดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีคนอยู่ด้วยเป็นกำลังใจ และอยู่กับหมอตลอดเวลาก็ไม่น่าห่วงค่ะ และเมื่อถึงเวลาจะคลอดเราจะรู้โดยธรรมชาติว่าเราจะคลอดแล้ว บอกอาการแบบไม่สุภาพนะคะ เหมือนเราปวดจะถ่ายหนักมาก ๆน่ะคะ ยังไงก็ต้องเบ่ง และต้องออก ถึงตรงนี้จนถึงช่วงคลอดที่หมออยู่กับเราตลอดเวลา รวมทั้งพยาบาล ก็จะบอกวิธีเบ่งให้ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงค่ะ ตัวเองน่ะ หลังจากอาการดังกล่าว ก็ประมาณ 20 นาทีก็คลอดแล้วค่ะ คลอดเรียบร้อยเราก็บลูกก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เขาไม่แยกลูกออกไปค่ะ ออกจากหัองคลอดก็นอนบนเตียงห้ามลุกไปไหน จะฉี่จะอะไรก็บอกพยาบาลเลย 1 คืน เพื่อป้องกันการตกเลือดและอื่น ๆ พอเช้ามาก็เดินได้แล้วค่ะ สบายมาก อย่ากลัวเลยค่ะคุณแม่ทั้งหลาย แข็งแรงเร็วกว่าผ่าคลอดค่ะ แต่ยังไงก็ตามก็แล้วแต่การตัดสินใจค่ะ เพราะคนท้อง และคนจะคลอดควรจะเครียดและกังวลน้อยที่สุด  อะไรสบายใจก็ทำเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 37
ยังไงก็ระวังตอนหลังคลอด กรณีตกเลือดแบบเงียบ ๆ แล้วเสียชีวิตด้วยนะคะ เคยมีกรณีสมาชิกห้องไกลบ้านตั้งกระทู้เล่าถึงกรณีที่เสียภรรยาหลังคลอดน่ะ เคยอ่านเรื่องหลายปีมาแล้ว คือภรรยาคลอดลูกเสร็จก็คงเพลียและนอนพักน่ะ แต่ไม่ตื่นอีกเลย ลูกน้อยต้องมากำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเกิดเลย อ่านแล้วเศร้ามากเลย

ส่วนตัวเองก็เกือบ ๆ ไป คลอดเสร็จคุณหมอเย็บแผลเรียบร้อย คราวนี้ก็นอนพักเหนื่อยเพราะรู้สึกเพลียมาก แต่ซักพักรู้สึกกระหายน้ำมาก ๆ เลย แฟนเอาน้ำมาให้ดื่มกลายเป็นหนาวมาก หนาวจนสั่น จากนั้นเค้าก็เอาน้ำอุ่นมาให้ดื่ม คราวนี้กลายเป็นอ้วกออกมาทันที จากนั้นแฟนเลยเรียกพยาบาล พยาบาลมาดูตอนแรกก็ยังหาสาเหตุไม่เจอ จากนั้นพยาบาลบอกให้พลิกตัวเพื่อที่เธอจะได้เช็คที่นอน ปรากฏว่าเลือดเต็ม เลือดซึมจากแผ่นอนามัยซับแผล แล้วซึมล้นลงไปที่ที่นอน พอเธอเห็นเลือดเลยเช็คแผลปรากฏว่าเลือดไหลซึมไม่หยุด ส่วนคุณหมอทำคลอดก็กลับไปแล้ว เธอต้องได้โทรตามคุณหมอกลับมาแล้วคุณหมอต้องมาทำแผลใหม่และต้องส่งเข้าห้องไอซียูให้เลือดเพิ่มอีก คืนนั้นต้องนอนห้องไอซียูทั้งคืนเพื่อรับเลือด คือถ้าพยาบาลไม่สังเกตุปล่อยให้นอนไปเรื่อย ๆ เลือดคงจะซึมเรื่อย ๆ ก็คงจะไม่รอดแล้วน่ะ อาจจะหลับไปไม่ตื่นเลยก็ได้ เพราะตอนนั้นเจ้าตัวนี่เพลียมากอยากนอนอย่างเดียวและเวลาคนนอนหลับนี่ไม่รู้ตัวหรอกว่าเลือดซึม คนเฝ้าคนไข้ที่คลอดลูกสังเกตุอาการบ้างก็ดี ถ้ามีบ่นว่ากระหายน้ำหรือเหนื่อยนี่อย่าปล่อยให้นอนหลับไปเลย คอยเช็ค คอยปลุก หรือสังเกตุใต้ที่นอนเผื่อมีเลือดซึมแบบนี้บ้างก็ดี

ปล. กรณีของดิฉันแค่บล็อกหลังนะ ไม่ได้ผ่าคลอด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่