ตามความเห็นผมนะครับ ศาลโลกคงจะได้แค่ตีความยืนยันว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำพิพากษาเมื่อปี 2505
ส่วนเรื่อง พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น เป็นประเด็นใหม่ที่มีความขัดแย้งด้านแผนที่ โดยทางไทยและกัมพูชา ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าว ศาลโลกคงไม่ลงมายุ่งในรายละเอียดให้ปวดหัวเปล่าๆ ศาลโลกก็คงหาทางลงโดยให้พี้นที่นี้เป็น พื้นที่ทับซ้อนเหมือนเดิม โดยให้ทั้งคู่ไปทำความตกลงการใช้ประโยชน์พิ้นที่ร่วมกัน
สรุป เรื่องมันก็วนมาจุดเริ่มต้นใหม่ เสียเวลาทั้งสองฝ่ายไปเปล่าๆ ยังไงก็ต้องกลับมาทำข้อตกลงแบบ MOU ปี 43 ของคุณชวน หรือ ข้อตกลงที่ คุณนพดลทำเมื่อ ปี 2551 เหมือนเดิมนั่นแหละครับ ที่จะเรียกว่า Win-Win ถ้าเป็น Zero sum game คงได้รบกันแน่ครับ
และก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเขตแดนหรือแหล่งก๊าซธรรมชาติตามที่บางคนจินตนาการนะครับ เขามีคณะกรรมการร่วมทั้งสองฝ่ายดูแลเรื่องปักปันเขตแดนอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นพวกที่คิดว่าตัวเองรักชาติอยู่พวกเดียว ก็คงจะทวงคืนเขาพระวิหารพร้อมชี้หน้าด่าคนอื่นว่าขายชาติ 3 เวลาหลังอาหาร อยู่เหมือนเดิมแหละครับ คนปกติทั่วไปคงเอือมระอาแต่ก็ต้องทำใจแหละครับ
ปล. ที่มันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตนี่ไม่ได้อะไรเลย เกิดการเล่นการเมืองภายในจนเลยเถิด จนกลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศนั่นแหละครับไปไล่เรียงต้นสายปลายเหตุดูได้เลย
คดีเขาพระวิหาร ศาลโลกตัดสินง่ายนิดเดียว
ส่วนเรื่อง พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น เป็นประเด็นใหม่ที่มีความขัดแย้งด้านแผนที่ โดยทางไทยและกัมพูชา ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าว ศาลโลกคงไม่ลงมายุ่งในรายละเอียดให้ปวดหัวเปล่าๆ ศาลโลกก็คงหาทางลงโดยให้พี้นที่นี้เป็น พื้นที่ทับซ้อนเหมือนเดิม โดยให้ทั้งคู่ไปทำความตกลงการใช้ประโยชน์พิ้นที่ร่วมกัน
สรุป เรื่องมันก็วนมาจุดเริ่มต้นใหม่ เสียเวลาทั้งสองฝ่ายไปเปล่าๆ ยังไงก็ต้องกลับมาทำข้อตกลงแบบ MOU ปี 43 ของคุณชวน หรือ ข้อตกลงที่ คุณนพดลทำเมื่อ ปี 2551 เหมือนเดิมนั่นแหละครับ ที่จะเรียกว่า Win-Win ถ้าเป็น Zero sum game คงได้รบกันแน่ครับ
และก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเขตแดนหรือแหล่งก๊าซธรรมชาติตามที่บางคนจินตนาการนะครับ เขามีคณะกรรมการร่วมทั้งสองฝ่ายดูแลเรื่องปักปันเขตแดนอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นพวกที่คิดว่าตัวเองรักชาติอยู่พวกเดียว ก็คงจะทวงคืนเขาพระวิหารพร้อมชี้หน้าด่าคนอื่นว่าขายชาติ 3 เวลาหลังอาหาร อยู่เหมือนเดิมแหละครับ คนปกติทั่วไปคงเอือมระอาแต่ก็ต้องทำใจแหละครับ
ปล. ที่มันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตนี่ไม่ได้อะไรเลย เกิดการเล่นการเมืองภายในจนเลยเถิด จนกลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศนั่นแหละครับไปไล่เรียงต้นสายปลายเหตุดูได้เลย