นิยายปี 40 ตอน 2: เบสบอล

กระทู้สนทนา
จากความเดิมตอนที่แล้ว http://ppantip.com/topic/30379108/comment17-2

เด็กไทยส่วนใหญ่ที่เคยได้ไปอยู่หรือเรียนที่สหรัฐ

ถ้าไม่ใช่แฟนบาสเก๊ตบอลก็อเมริกันฟุตบอล

ยิ่งสมัยยุค 90's ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความยิ่งใหญ่ของ ไมเคิ้ล จอร์แดน

สิ่งนึงที่ผมเสียดายในการเป็นคนยุคนั้นคือการไม่ได้ไปดูจอร์แดนเล่นในสนาม

เพราะดันไปนั่งดูกีฬาที่เล้กๆสำหรับชาวโลกแต่ยิ่งใหญ่สำหรับชาวสหรัฐอย่าง'เบสบอล'แทน

อาจจะเพราะความเป็นคนแบบ'จิตๆ'ของผมหรือไม่ก็เพราะความขี้งกของผมก็ไม่รู้

แต่ผมรู้สึกว่าการเอาเงินไปซื้อตั๋วเบสบอลราคาซัก $34 แล้วได้ไปนั่งหลังแคชเชอร์ดูเกมส์ที่ไม่มีวันจบกินฮอทด๊อกดื่มเบียร์มันช่างเป็นการฆ่าเวลาที่ดีมากๆในประเทศที่น่าเบื่อแห่งนี้ ( แน่นอนตั๋วราคาเดียวกันหากเอาไปซื้อตั๋วบาสอาจได้เห็นไมเคิล จอร์แดนตัวเท่าไข่มด -  -" )

ที่บอกว่าเบสบอลมัน'จิตๆ'เพราะว่ามันเป็นเกมส์ที่นอกจากเน้นไปเรื่องกล้ามเนื้อความว่องไวแล้วส่วนใหญ่ของเกมส์มันจะขึ้นอยู่กับการเดาใจฝ่ายตรงข้ามหรือพิชเชอร์นั่นเอง จริงๆในโลกเราก็มีเกมส์แบบนี้หลายเกมส์นะแต่เบสบอลมันจะมีการเดาใจอยู่ตลอดเวลา ทุกลูกที่โยนมาอีกฝ่ายต้องใช้สัญชาตญานเดาว่าเขาจะโยนลูกอะไรไม่อย่างนั้นไม่มีทางตีทัน, อีกฝ่ายที่โยนบอลก็ต้องหาทางหลอกล่อให้อีกฝ่าย'เสี้ยน'บอล พูดง่ายๆถ้าอีกฝ่ายไม่เสี่ยงสวิงลูกอีกฝ่ายก็จะโยนลูกเข้าตรงกลางเอาดื้อๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายต้องการทำสกอร์มากๆเช่นทีมกำลังตามหลังอีกฝ่ายก็จะโยนลูกโค้ง,ลูกหลอกให้สวิงลม เจ็บใจเล่นๆ

ชาวพันทิพย์หลายคนที่เคยอยู่ญี่ปุ่นหรือสหรัฐน่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว.....ยอมรับว่าส่วนใหญ่จะบ่นว่ามันน่าเบื่อและคงถามผมว่า " เอ็งทนเกมส์ที่ไม่มีวเวลาจบมีคนโยนมีคนตีนี้ได้ยังไงwa ? " ( แม้แต่ห้องศุภก็ยังไม่อยากเปิดห้องให้ )

สำหรับผมความน่าสนใจของเกมส์เบสบอลก็คือมันคือเกมส์ของทุนนิยมครับ

การเลือก'เสี่ยง'สวิงคือการลงทุน

การเลือกไม่สวิงคือการ'เสี่ยง'ออม

พิชเชอร์คือนายธนาคารนักการเงิน

คนสวิงคือพวกเรา

เริ่มสนุกกับเบสบอลบ้างหรือยังครับ ?

หวังว่านะ....เพราะเรื่องตอนนี้สนุกไม่แพ้ตอนก่อนแน่นอน ( แต่อาจไม่อีโรติกเท่า )

...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่