[แฟน NFL ไม่ควรพลาด] 'The New Silver & Black' บทความเจาะลึก Oakland Raiders จาก Sports Illustrated ครับ

กระทู้สนทนา
'ว้าว...'

คือคำอุทานหลังจากที่ผมได้มีโอกาสบทความนี้จนจบ

จัดได้ว่าเป็นบทความที่เขียนถึงทีมสลัดดำตาเดียวได้อย่างลึกซึ้งถึงแก่นมากที่สุด แหล่งข่าวมาจากคนใกล้ชิดกับองค์กร

รวมไปถึงบทสัมภาษณ์จากปากคำของ Mark Davis และ Reggie McKenzie เจ้าของทีมและ GM คนปัจจุบัน

ในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา เราอาจจะมีโอกาสได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีมากมายเกี่ยวกับทีม Oakland Raiders และ Al Davis อดีตเจ้าของทีมผู้เป็นตำนานมาไม่มากก็น้อย

แต่ข้อมูลที่อยู่ในบทความนี้ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงครับ และเรื่องจริงหลายๆ เรื่องอาจจะทำให้ผู้อ่าน 'ตกตะลึง' ไปเลยก็เป็นได้

สำหรับคนที่ไม่อยากอ่าน

ผมสรุปประเด็นสำคัญให้ตามนี้นะครับ

- Al Davis คือทุกสิ่งทุกอย่างของสลัดดำตาเดียวอย่างแท้จริง ทุกการตัดสินใจของทีม มาจาก Al Davis ตั้งแต่แต่งตั้งโค้ช ผู้ช่วย เจรจาและเซ็นสัญญาผู้เล่น ตัดตัวผู้เล่น ไปจนถึงการวางแผนทีมบุก-ทีมรับ ทุกอย่างที่เป็นสลัดดำจะมี Fingerprints ของ Al Davis เสมอ

- สำหรับ Oakland Raiders ไม่เคยมีคำว่า 'ระบบการจัดการ' หรือ 'โครงสร้างองค์กร' แบบปิรามิด เพราะมันคือ 'Al Davis' คนเดียวที่อยู่เหนือ Chain of Command ในทุกเรื่อง

- Oakland Raiders ไม่เคยมี Scout Room ไม่มีแบบทดสอบ/แบบสำรวจ/ชุดคำถามเพื่อใช้สำหรับประกอบการประเมินผู้เล่นในการดราฟท์ ทุกอย่าง Al Davis เป็นคนตัดสินใจ 'ด้วยตัวเอง' จากสิ่งที่ตัวเองคิด ได้ยิน และได้เห็น 'ด้วยตัวเอง' เท่านั้น เมื่อ McKenzie รับตำแหน่ง GM เค้าเป็นคนริเริ่มทุกอย่าง 'จากศูนย์'

- Oakland Raiders ไม่มีพนักงานประจำเพื่อดูแลสภาพสนามฝึกซ้อมให้เป็นไปอย่างเหมาะสมตามมาตรฐานความปลอดภัยในการแข่ง NFL แต่ใช้การ Outsource บริษัทข้างนอกแทน ซึ่งถือว่าไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควรจะเป็น และนี่อาจเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผู้เล่นของทีมบาดเจ็บได้ง่ายกว่าที่ควร (ข้อมูลนี้มาจาก GM เอง)

- ด้วยอายุที่ชรา เวลาเจราจาเรื่องสัญญาบางทีปู่ Al ก็หลงลืม มีครั้งนึงในขณะที่เจรจากับ Agent อยู่ พอตกลงเรื่องวงเงินเรียบร้อย แกไอหนักจนต้องวางสายไปก่อน หลังจากนั้นไม่นานก็โทรกลับไปใหม่และได้ถาม Agent คนนั้นว่าได้เจรจาไปถึงไหนแล้ว ด้วยความเจ้าเล่ห์ Agent จึงบอกตัวเลขเกินกว่าที่ตกลงกันไปถึงปีละ 1 ล้าน (สมมติจาก 5m/yr เป็น 6m/yr) แต่ปู่ก็จำไม่ได้ และก็ได้ตกลงทำสัญญา แสดงให้เห็นถึงการฝืนสังขารทำงานอย่างแท้จริง

- เทคโนโลยีทุกอย่างในการทำงานของทีมอยู่ในระดับ 'ดึกดำบรรพ์' และไม่ได้อัพเกรดมาเป็นสิบปี (ตอนไล่ Lane Kiffin ออกปู่ใช้ Overhead Projector แบบแสงส้มๆ ในการฉายจดหมายให้นักข่าวดู เพราะแกไม่ใช้ Powerpoint และไม่มีเครือง Projector แบบใหม่ในอาคาร)

- Michael Lombardi (GM ของ Browns ในปัจจุบัน) เคยถูกจ้างเพื่อให้เข้ามาทำให้ระบบการทำงานของทีมทันสมัยขึ้น แต่ก็เป็นตัว Al Davis เองที่ไม่เคยอนุมัติข้อเสนอใดๆ ที่ Lombardi ได้เสนอแนะไป

- เมื่อรู้ว่าปู่ Al สุขภาพไม่ดี Mark Davis ก็ได้ติดต่อ Ron Wolf กับ John Madden ไว้นานแล้วเพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีที่แกต้องขึ้นมาทำงานแทนพ่อ และในทีนทีที่ปู่ Al จากโลกไป คนที่ Mark โทรไปหาคนแรกคือ Ron Wolf เพื่อขอให้ Wolf มาเป็น GM ชั่วคราว

- Ron Wolf รู้ตัวว่าสังขารแกไม่ไหว จึงบอกปัดไป Mark จึงขอให้แนะนำ Candidate ที่เหมาะสมให้ที และนั่นทำให้ Mark ได้รู้จัก Reggie McKenzie (ซึ่ง Wolf บอกว่ามีสายตาในการเฟ้นหาพรสวรรค์ของผู้เล่นในระดับน่าอัศจรรย์)

- การเทรด Carson Palmer เป็นการตัดสินใจของ Mark Davis ไม่ใช่ Hue Jackson (Hue เป็นคนเจรจา + แนะนำ) หลังจากที่ได้ปรึกษา Ron Wolf, John Madden และ Ken Herock สามเสาหลักของสลัดดำในยุครุ่งเรือง สองในสามคนได้ให้ไฟเขียวกับ Mark จึงเป็นที่มาของการเทรดสะท้านลีคในปีนั้น

- Hue Jackson อาจไม่ถูกไล่ออก หาก Raiders ได้เข้า Playoff ในปี 2011

- ในการเฟ้นหาโค้ช Dennis Allen กับ Winston Moss เป็นตัวเต็งสองคนสุดท้าย แต่ RM ตัดสินใจเลือก DA แม้ว่าจะเป็นเพื่อนกับ Moss มาร่วมสิบๆ ปี เพราะว่าเห็น 'บางอย่าง' ในตัว DA ที่ Moss ไม่มี และมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกันในแทบทุกเรื่อง แสดงให้เห็นว่า RM เป็นคนตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด และเอาความสามารถมาก่อนความสัมพันธ์เสมอ

- Tommy Kelly ออกมายืนยันว่าตลอดมา Al Davis เข้ามาก้าวก่ายในแผนเกมรับจริง ทำให้สลัดดำมีแผนเกมรับหน้าตาเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมาตลอดในรอบ 50 ปี

- Mark Davis รู้มาโดยตลอดว่าตำแหน่ง GM ที่ว่างลงเป็นงานที่หินมาก ทั้งแรงกดดันในเชิงสัญลักษณ์ที่ต้องมาแทนที่คนระดับตำนานและภาระหน้าที่ที่แท้จริง จากสภาพภายในองค์กรที่ยุ่งเหยิงในทุก Department คนที่จะเข้ามาทำงานนี้ได้ต้องเข้าใจปัญหาสลัดดำอย่างแท้จริง และมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหา คำตอบที่ได้จึงเป็น Reggie McKenzie

- Reggie is My Guy! นี่คือคำยืนยันของ Mark Davis และแกมีความตั้งใจที่จะอดทนรอจนกว่า RM จะ Rebuild สลัดดำจนเสร็จเพื่อประโยชน์ในระยะยาวของทีม และจะได้โอกาสในการทำงานอย่างน้อย 5 ปีตามที่ระบุไว้ในสัญญา (แต่ไม่ได้หมายถึงคนอื่นๆ จะได้ Free Pass แบบ RM)

- Mike Holmgren เคยได้รับการทาบทามเพื่อมาเป็นที่ปรึกษาของทีมจริง แต่การเจรจาไม่คืบหน้าเท่าที่ควร

ที่ผมดึงมาได้ก็เท่านี้ครับ หากใครว่าง มีเวลาอ่านขอแนะนำให้อ่านบทความฉบับเต็มด้านล่างครับ

และเนื่องด้วยบทความยาวมาก ผมขออนุญาตหั่นบทความออกเป็นสี่ท่อนนะครับ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ครับ




Reggie McKenzie knew he faced a significant challenge when he was announced as general manager of the Raiders on Jan. 6, 2012. Over the previous nine years the team had gone through six head coaches, and it had lost at least 11 games in an NFL-record seven straight seasons. Oakland's last winning campaign, in '02, was a millennium ago by NFL calendars.

Still, the depths of the struggle might not have truly hit McKenzie until several months after his hiring, when he changed into his workout gear and headed to the back of the team's Alameda training facility, where his long jog around the practice fields was spoiled by wildly uneven footing and goose droppings.

If the choppy grass fields were hazardous to a 49-year-old such as himself, he thought, imagine the dangers for players. In the previous two seasons alone, running backs Darren McFadden and Marcel Reece, wideouts Jacoby Ford and Denarius Moore, defensive tackles Richard Seymour and Tommy Kelly and linebacker Rolando McClain had been hobbled by or missed significant time because of lower-body injuries.

When McKenzie asked who was responsible for the upkeep of the fields, which were riddled with dirt patches, the answer stunned him. The Raiders did not employ a full-time, on-site groundskeeper. Instead, the work was outsourced to a local company-astounding considering that the difference between the playoffs and a pink slip could easily come down to a turned ankle, a jammed toe, a tweaked knee or a pulled hamstring.

The field conditions were just the first of many reminders that restoring greatness to a franchise whose mottos had included "Pride and Poise" and "A Commitment to Excellence" would be about much more than just hiring a new coach and ridding the roster of its bloated contracts and underachieving players. It would be about transforming an entire culture and overhauling an organizational model that had become stale and outdated after nearly five decades under Al Davis, the iconic and imperious owner who died of heart failure at age 82 in October 2011.

No franchise in American sports has been more closely associated with its owner than the Raiders were with Davis. It was as if his face had been behind the eye patch, his head beneath the leather helmet on the swashbuckling team logo. He didn't own the team as much as he was the team. Every major coaching hire, every brilliant or head-scratching draft selection, every trade that lifted the Raiders to the league's mountaintop or dropped them into the division's basement was made by him. Davis even dictated the style of play on the field, demanding a vertical passing attack and bump-and-run coverage and often phoning the sideline from his suite during games with instructions.

For four decades his touch was golden: From 1963, when Davis took over the Raiders as coach and G.M., until 2002, when they made their last Super Bowl appearance, their regular-season winning percentage was .625, best of any team in pro football. The Raiders went to a Super Bowl in every decade but the 1990s, winning three titles in their five appearances. Davis proved himself time and again to be a personnel genius, mining college football's backwaters for future Hall of Famers and picking up future Super Bowl champions off the scrap heap.

But as his health deteriorated, so did the fortunes of the franchise. With every losing season Davis became more desperate for another title, and he knowingly mortgaged the future in a quest for immediate gratification. Among the most painful moves: In 2005 he traded a first-round draft pick (No. 7) and starting linebacker Napoleon Harris to the Vikings for Randy Moss, whose production was dropping in tandem with his attitude; and in '09 he sent the No. 17 pick to New England for Seymour, who was a month from his 30th birthday and entering the final year of his contract.

Getting better on the field in the short term has been tricky, given the hurdles set up by McKenzie, who has to think long term.
In free agency he gave insanely inflated deals with large guarantees to receiver Javon Walker, cornerback DeAngelo Hall, safety Gibril Wilson and tight end Kevin Boss-only to see Hall released after eight games, Wilson and Boss after one season and Walker after 11 games. He also turned the market upside down by awarding megadeals to his own free agents, notably Seymour and cornerback Nnamdi Asomugha.

(to be continued)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  อเมริกันฟุตบอล
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่