ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปยุโรปครั้งแรกค่ะ ปกติอยู่แต่แถวๆ นี้อ่ะค่ะ มีเรื่องอยากจะมาแชร์กันค่ะ ยาวหน่อยนะคะ แต่หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ ^^
ก่อนเดินทาง - ยื่นวีซ่า
พอดีว่าที่บ้านสามีแพลนว่าจะไปเที่ยวแล้วก็เยี่ยมอา ที่อยู่ที่เนเธอร์แลนด์ช่วงสงกรานต์ ตั้งใจจะไปดูทิวลิปกันค่ะ แพลนไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว เราก็ตื่นเต้นนะ ไม่เคยไปยุโรปเลย
ใจนึงก็กลัวด้วย กลัวขอวีซ่าไม่ผ่าน พยายามหาข้อมูลเยอะมาก เพราะเราแต่งงานไม่ได้จดทะเบียน แล้วก็ทำงานเงินเดือนไม่เยอะมากนอยด์ไปก่อนว่าเราจะเป็นคนเดียวที่มีปัญหาอ่ะค่ะ
กว่าจะได้ยื่นขอวีซ่าก็ประมาณเกือบกลางเดือนมีนาคมแล้วค่ะ (เราจะไป 5 เม.ย.) เพราะต้องรอเอกสารจากทางอาของสามีส่งมา เพราะใช้การยื่นขอแบบ visit family อ่ะค่ะ เราก็กลัวไม่ทันเพราะว่าระหว่างรอเอกสารจากอาประมาณวันที่ 9 -10 มี.ค. เราลองเลือกวันเพื่อทำการนัดหมายยื่นวีซ่า ได้ตั้งประมาณวันที่ 20 มีนาคม กลัวว่ามันจะเฉียดฉิวไป แต่แล้วเราได้เอกสารจากอา วันที่ 11 มี.ค.
เราก็รีบจองตั๋วเครื่องบิน ยื่นสมัครประกันเดินทางออนไลน์เลยภายในวันนั้น แล้วรีบนัดยื่นวีซ่าเย็นวันที่ 11 มี.ค. ปรากฎว่าได้คิวเป็นวันรุ่งขึ้น 12 มี.ค. เวลา 11.00 น. งงเหมือนกัน
พอวันที่ 12 เดินทางไปถึงสถานฑูตฯ ปรากฎว่าตอนยื่นตรวจเอกสารเจ้าหน้าที่ไม่พบรายชื่อของพวกเรา อ้าว! เค้าก็ให้กลับไปติดต่อที่ป้อมยาม ปรากฏว่ามีคนที่ไม่มีรายชื่อเหมือนเราด้วย แต่เราก็ยืนยันเพราะมีจดหมายนัดจากสถานฑูตมาเรียบร้อย เขาบอกไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย แต่ก็ได้ยื่นนะคะ แต่ต้องช้ากว่าคนอื่นไปเพราะเหมือนเค้ารันคิวให้คนอื่นไปก่อน
ตอนสัมภาษณ์ก็เข้าไปที่ช่องเค้าเต้อร์พร้อมกันหมดเลยค่ะ สี่คน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไรค่ะ บอกว่าไปเยี่ยมญาติ เอกสารครบก็เรียบร้อยเลย
ยื่นเสร็จวันอังคาร พอวันศุกร์วีซ่าก็ส่งไปรษณีย์มาถึงบ้านแล้วค่ะ เร็วมั่กๆ
-------
ข้ามมาเมื่อเดินทางถึงอัมสเตอร์ดัม ตอนผ่านตม.
พ่อกับแม่สามีเดินไปด้วยกันผ่านฉลุยไม่มีอะไร แล้วพอเราแทนที่จะเดินไปด้วยกันกับสามี ก็เดินมั่นใจไปคนเดียว ปรากฎว่าโดนถามว่ามากี่วัน มาทำอะไร ก็โอเคค่ะ ไม่มีอะไรบอกว่ามี visit family , husband's family
เสร็จเรียบร้อยพอรับกระเป๋าจะเดินออก พ่อกับแม่ก็เดินออกผ่านฉลุย พอเรากับสามีผ่าน โดนเรียกเลยค่ะ สงสัยเป็นเอเชีย เพราะเกือบหมดเป็นฝรั่งหมด แถมกระเป๋าใบใหญ่เกิ๊น เค้าก็เรียกขอตรวจกระเป๋า เราก็แบบ เอ๊า ซวยแล้ว สงสัยโดนรื้อกระเป๋าป่ะเนี่ย เราก็บอกมาเยี่ยมญาติ เค้าก็พยายามถามว่าซื้ออะไรมาฝากญาติมั๊ย
อาฝากซื้อ แคปซูลฟ้าทะลายโจรค่ะ เราก็มองหน้าแฟน แฟนก็บอกว่าไม่ได้ฝากซื้ออะไร เค้าก็ถามย้ำก็ตอบย้ำไป เค้าก็เปิดกระเป๋าเรามีแต่เสื้อผ้าค่ะ ละก็เจอยาแฟนก็บอกของเราเป็นสมุนไพร ก็โอเคไม่โดนรื้อค่ะ เฮ้อออออ โชคดีไป ไม่อยากจัดกระเป๋าใหม่ -'-
-------
เกร็ดเรื่องการเดินทางนิดหน่อยค่ะ
อาผู้หญิงเราได้แฟนเป็นต่างชาติค่ะ เค้าก็อาจจะไม่เชี่ยวชาญในอัมสเตอร์ดัมมาก ก็แนะนำให้ซื้อเป็นบัตรเติมเงินเดินทางค่ะ ก็คือ OV chipkaart เพื่อเดินทางทั้งรถเมล์ รถแทรม และเมโทรค่ะ แต่เจ้าบัตรนี้เราต้องสแตมป์ check in และ check out ตอนขึ้นลงทุกครั้งนะคะ และห้ามเบิ้ลค่ะ
มีวันนึงเรากับพ่อสามี ตกใจตอนลงรถค่ะ ประตูไม่เปิดไปเผลอ check out สองครั้ง โดนปรับไป 4 euro ค่ะ
อันนี้ขอผู้รู้มาแนะนำค่ะ เรากับแฟนคิดว่าถ้าเผลอเบิ้ลไป ก็น่าจะต้องแตะอีกทีรึป่าว ให้รวมเป็น สามที ในป้ายเดียวกัน ถึงจะไม่โดนปรับ
-------
ส่วนอีกเรื่องคือ บัตร ov chipkaart ตอนเราเดินทางข้ามเมือง อาบอกว่าเนี่ย ใช้ได้ ใช้ขึ้นรถไฟระหว่างเมือง (Train) ได้เลย เราจะไป utrecht กันค่ะ ก็เติมเงินเผื่อไว้ แล้วก็แตะบัตรที่สถานีรถไฟ ปรากฎว่ามันขึ้นสีแดงค่ะ อ้าว เราคิดว่าแปลกๆ ละ แต่อาเราก็ยืนยันว่าได้ๆ แบบนี้แหละ
แต่เรากับแฟนก็คิดว่าไม่น่าใช่นะ พอเดินทางถึง สถานี utrecht ก็แตะบัตรตอนขาออก มันก็แดงอีก เราเลยเอาบัตรไปเช็คเงินที่ตู้ ปรากฎว่ามันไม่ตัดเงินค่ะ เราก็กดเล่นๆ ที่ตู้ มันขึ้นประมาณว่า บัตรยังไม่สามารถใช้ NS Train ได้ ต้องกด Other product .. blah blah (เราจำเมนูไม่ได้ค่ะ แต่มันขึ้นให้ดู)
เราก็เลยกดค่ะ พอกดตามก็โอเคค่ะ บัตรก็ไม่ขึ้นเตือนแล้ว ก็เลยมั่นใจว่าน่าจะใช้ได้ละ
พอขากลับก็แตะบัตรกลับอย่างมั่นใจ และที่โชคดีค่ะ ขากลับเจอ เจ้าหน้าที่มาตรวจบัตร หุหุ คิดว่ารอดตัวไป สงสัยจะประหยัดแล้ว ใช้ตั๋วแค่ขากลับขาเดียว ที่ไหนได้พอเช็คเงินปรากฎว่าทำไมโดนตัดไปตั้งประมาณ 24 euro ทั้งที่ตั๋วไปกลับแค่ 16 euro ก็คิดว่าโดนอีกละ โดนปรับอีกละแน่เลย
-------
ส่วนเรื่องสำคัญไฮไลต์ของทริปนี้ก็เกิดที่ Utrecht นี่แหละค่ะ
วันนั้นเป็นวันที่อา เดินทางไปด้วย ไปกันหมดห้าคน ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่จะออกจากบ้านไปเที่ยวไหน
อาจะย้ำนักย้ำหนาว่า ระวังกระเป๋าดีๆ ระวังดีๆ อย่าหยิบกระเป๋าตังค์มาเปิดมานับในที่สาธารณะ (อ้าวแล้วจะใช่ไงอ่ะ)
ไปไหนกับแม่ แม่ก็จะย้ำๆ คอยเตือนคอยตลอดๆๆ แต่วันนั้นวันเกิดเหตุ กำลังจะกลับกันแล้วก็เดินผ่านตลาดนัดหน้า Utrecht เราเดินแยกไปกับแม่กับอาไปดูเครื่องสำอางค์ พ่อกับสามีเดินด้วยกัน แล้วพอเข้าตลาดอาก็ชวนไปเลือกรองเท้าให้เรา ก็เลือกๆ กันหลายร้าน
พอเลือกได้แฟนเราหยิบกระเป๋าตังค์จะมาจ่ายเงิน ก็แบบเฮ้ย โดนล้วงกระเป๋า กระเป๋าตังค์หายไปแล้ว แฟนเราใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงแบบทหารอ่ะค่ะ ที่มีหลายๆช่อง ใส่ไว้ตรงขาอ่ะค่ะ แล้วไม่ได้ติดกระดุม ก็แบบช็อคกันเลย แฟนรีบเดินไปดูตามทางเผื่อหล่น รึ ลืม รึป่าว สุดท้ายก็คือโดนแน่ๆ ค่ะ เลยรีบโทรยกเลิกบัตรเครดิตทั้งหมด
แฟนเราเฟลมากเลย เรา แม่ กับอา ก็ต้องช่วยกันปลอบ เค้าบอกประมาทไป เจ็บใจตัวเอง
คือก่อนหน้านี้แฟนเราหยิบกระเป๋ามานับตังค์จริงๆ ค่ะ ในตลาดนัด จะซื้อของแล้วก็ใส่กลับเข้ากางเกง ...แล้วคงเพราะไม่ติดกระดุมด้วยกระเป๋าช่องใหญ่อีก เลยสบจังหวะ
ถือว่าประมาท พลาดไปเองค่ะ จำไว้เป็นบทเรียนเลย
ก็เป็น เรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆค่ะ ไว้นึกอะไรได้จะมาเล่าอีกนะคะ ยังไม่ได้รีวิวเลย อยากรีวิวเหมือนกันค่ะ แต่กลัวรีวิวไม่สนุก หุหุ เที่ยวแต่ในเนเธอร์แลนด์ค่ะ ไม่ค่อยได้ไปไหนเลย
เรากับสามีไปเบลเยี่ยมมาวันนึง เพราะพ่อกับแม่อายุมากหน่อย จะลุยๆ ไปไกลๆ ก็ไม่ไหว แค่นี้ก็แย่แล้ว เพราะอากาศยังหนาวอยู่เลยค่ะ ช่วงที่ไป ปกติอาบอกว่าต้องอุ่นแล้ว ดอกไม้ออกเยอะแล้วไปดูทิวลิปเลยไม่เห็นเลยค่ะ สวนด้านนอกยังไม่ออกเลย Y_Y
ประสบการณ์ครั้งแรกในยุโรป! โดนล้วง!
ก่อนเดินทาง - ยื่นวีซ่า
พอดีว่าที่บ้านสามีแพลนว่าจะไปเที่ยวแล้วก็เยี่ยมอา ที่อยู่ที่เนเธอร์แลนด์ช่วงสงกรานต์ ตั้งใจจะไปดูทิวลิปกันค่ะ แพลนไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว เราก็ตื่นเต้นนะ ไม่เคยไปยุโรปเลย
ใจนึงก็กลัวด้วย กลัวขอวีซ่าไม่ผ่าน พยายามหาข้อมูลเยอะมาก เพราะเราแต่งงานไม่ได้จดทะเบียน แล้วก็ทำงานเงินเดือนไม่เยอะมากนอยด์ไปก่อนว่าเราจะเป็นคนเดียวที่มีปัญหาอ่ะค่ะ
กว่าจะได้ยื่นขอวีซ่าก็ประมาณเกือบกลางเดือนมีนาคมแล้วค่ะ (เราจะไป 5 เม.ย.) เพราะต้องรอเอกสารจากทางอาของสามีส่งมา เพราะใช้การยื่นขอแบบ visit family อ่ะค่ะ เราก็กลัวไม่ทันเพราะว่าระหว่างรอเอกสารจากอาประมาณวันที่ 9 -10 มี.ค. เราลองเลือกวันเพื่อทำการนัดหมายยื่นวีซ่า ได้ตั้งประมาณวันที่ 20 มีนาคม กลัวว่ามันจะเฉียดฉิวไป แต่แล้วเราได้เอกสารจากอา วันที่ 11 มี.ค.
เราก็รีบจองตั๋วเครื่องบิน ยื่นสมัครประกันเดินทางออนไลน์เลยภายในวันนั้น แล้วรีบนัดยื่นวีซ่าเย็นวันที่ 11 มี.ค. ปรากฎว่าได้คิวเป็นวันรุ่งขึ้น 12 มี.ค. เวลา 11.00 น. งงเหมือนกัน
พอวันที่ 12 เดินทางไปถึงสถานฑูตฯ ปรากฎว่าตอนยื่นตรวจเอกสารเจ้าหน้าที่ไม่พบรายชื่อของพวกเรา อ้าว! เค้าก็ให้กลับไปติดต่อที่ป้อมยาม ปรากฏว่ามีคนที่ไม่มีรายชื่อเหมือนเราด้วย แต่เราก็ยืนยันเพราะมีจดหมายนัดจากสถานฑูตมาเรียบร้อย เขาบอกไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย แต่ก็ได้ยื่นนะคะ แต่ต้องช้ากว่าคนอื่นไปเพราะเหมือนเค้ารันคิวให้คนอื่นไปก่อน
ตอนสัมภาษณ์ก็เข้าไปที่ช่องเค้าเต้อร์พร้อมกันหมดเลยค่ะ สี่คน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไรค่ะ บอกว่าไปเยี่ยมญาติ เอกสารครบก็เรียบร้อยเลย
ยื่นเสร็จวันอังคาร พอวันศุกร์วีซ่าก็ส่งไปรษณีย์มาถึงบ้านแล้วค่ะ เร็วมั่กๆ
-------
ข้ามมาเมื่อเดินทางถึงอัมสเตอร์ดัม ตอนผ่านตม.
พ่อกับแม่สามีเดินไปด้วยกันผ่านฉลุยไม่มีอะไร แล้วพอเราแทนที่จะเดินไปด้วยกันกับสามี ก็เดินมั่นใจไปคนเดียว ปรากฎว่าโดนถามว่ามากี่วัน มาทำอะไร ก็โอเคค่ะ ไม่มีอะไรบอกว่ามี visit family , husband's family
เสร็จเรียบร้อยพอรับกระเป๋าจะเดินออก พ่อกับแม่ก็เดินออกผ่านฉลุย พอเรากับสามีผ่าน โดนเรียกเลยค่ะ สงสัยเป็นเอเชีย เพราะเกือบหมดเป็นฝรั่งหมด แถมกระเป๋าใบใหญ่เกิ๊น เค้าก็เรียกขอตรวจกระเป๋า เราก็แบบ เอ๊า ซวยแล้ว สงสัยโดนรื้อกระเป๋าป่ะเนี่ย เราก็บอกมาเยี่ยมญาติ เค้าก็พยายามถามว่าซื้ออะไรมาฝากญาติมั๊ย
อาฝากซื้อ แคปซูลฟ้าทะลายโจรค่ะ เราก็มองหน้าแฟน แฟนก็บอกว่าไม่ได้ฝากซื้ออะไร เค้าก็ถามย้ำก็ตอบย้ำไป เค้าก็เปิดกระเป๋าเรามีแต่เสื้อผ้าค่ะ ละก็เจอยาแฟนก็บอกของเราเป็นสมุนไพร ก็โอเคไม่โดนรื้อค่ะ เฮ้อออออ โชคดีไป ไม่อยากจัดกระเป๋าใหม่ -'-
-------
เกร็ดเรื่องการเดินทางนิดหน่อยค่ะ
อาผู้หญิงเราได้แฟนเป็นต่างชาติค่ะ เค้าก็อาจจะไม่เชี่ยวชาญในอัมสเตอร์ดัมมาก ก็แนะนำให้ซื้อเป็นบัตรเติมเงินเดินทางค่ะ ก็คือ OV chipkaart เพื่อเดินทางทั้งรถเมล์ รถแทรม และเมโทรค่ะ แต่เจ้าบัตรนี้เราต้องสแตมป์ check in และ check out ตอนขึ้นลงทุกครั้งนะคะ และห้ามเบิ้ลค่ะ
มีวันนึงเรากับพ่อสามี ตกใจตอนลงรถค่ะ ประตูไม่เปิดไปเผลอ check out สองครั้ง โดนปรับไป 4 euro ค่ะ
อันนี้ขอผู้รู้มาแนะนำค่ะ เรากับแฟนคิดว่าถ้าเผลอเบิ้ลไป ก็น่าจะต้องแตะอีกทีรึป่าว ให้รวมเป็น สามที ในป้ายเดียวกัน ถึงจะไม่โดนปรับ
-------
ส่วนอีกเรื่องคือ บัตร ov chipkaart ตอนเราเดินทางข้ามเมือง อาบอกว่าเนี่ย ใช้ได้ ใช้ขึ้นรถไฟระหว่างเมือง (Train) ได้เลย เราจะไป utrecht กันค่ะ ก็เติมเงินเผื่อไว้ แล้วก็แตะบัตรที่สถานีรถไฟ ปรากฎว่ามันขึ้นสีแดงค่ะ อ้าว เราคิดว่าแปลกๆ ละ แต่อาเราก็ยืนยันว่าได้ๆ แบบนี้แหละ
แต่เรากับแฟนก็คิดว่าไม่น่าใช่นะ พอเดินทางถึง สถานี utrecht ก็แตะบัตรตอนขาออก มันก็แดงอีก เราเลยเอาบัตรไปเช็คเงินที่ตู้ ปรากฎว่ามันไม่ตัดเงินค่ะ เราก็กดเล่นๆ ที่ตู้ มันขึ้นประมาณว่า บัตรยังไม่สามารถใช้ NS Train ได้ ต้องกด Other product .. blah blah (เราจำเมนูไม่ได้ค่ะ แต่มันขึ้นให้ดู)
เราก็เลยกดค่ะ พอกดตามก็โอเคค่ะ บัตรก็ไม่ขึ้นเตือนแล้ว ก็เลยมั่นใจว่าน่าจะใช้ได้ละ
พอขากลับก็แตะบัตรกลับอย่างมั่นใจ และที่โชคดีค่ะ ขากลับเจอ เจ้าหน้าที่มาตรวจบัตร หุหุ คิดว่ารอดตัวไป สงสัยจะประหยัดแล้ว ใช้ตั๋วแค่ขากลับขาเดียว ที่ไหนได้พอเช็คเงินปรากฎว่าทำไมโดนตัดไปตั้งประมาณ 24 euro ทั้งที่ตั๋วไปกลับแค่ 16 euro ก็คิดว่าโดนอีกละ โดนปรับอีกละแน่เลย
-------
ส่วนเรื่องสำคัญไฮไลต์ของทริปนี้ก็เกิดที่ Utrecht นี่แหละค่ะ
วันนั้นเป็นวันที่อา เดินทางไปด้วย ไปกันหมดห้าคน ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่จะออกจากบ้านไปเที่ยวไหน
อาจะย้ำนักย้ำหนาว่า ระวังกระเป๋าดีๆ ระวังดีๆ อย่าหยิบกระเป๋าตังค์มาเปิดมานับในที่สาธารณะ (อ้าวแล้วจะใช่ไงอ่ะ)
ไปไหนกับแม่ แม่ก็จะย้ำๆ คอยเตือนคอยตลอดๆๆ แต่วันนั้นวันเกิดเหตุ กำลังจะกลับกันแล้วก็เดินผ่านตลาดนัดหน้า Utrecht เราเดินแยกไปกับแม่กับอาไปดูเครื่องสำอางค์ พ่อกับสามีเดินด้วยกัน แล้วพอเข้าตลาดอาก็ชวนไปเลือกรองเท้าให้เรา ก็เลือกๆ กันหลายร้าน
พอเลือกได้แฟนเราหยิบกระเป๋าตังค์จะมาจ่ายเงิน ก็แบบเฮ้ย โดนล้วงกระเป๋า กระเป๋าตังค์หายไปแล้ว แฟนเราใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงแบบทหารอ่ะค่ะ ที่มีหลายๆช่อง ใส่ไว้ตรงขาอ่ะค่ะ แล้วไม่ได้ติดกระดุม ก็แบบช็อคกันเลย แฟนรีบเดินไปดูตามทางเผื่อหล่น รึ ลืม รึป่าว สุดท้ายก็คือโดนแน่ๆ ค่ะ เลยรีบโทรยกเลิกบัตรเครดิตทั้งหมด
แฟนเราเฟลมากเลย เรา แม่ กับอา ก็ต้องช่วยกันปลอบ เค้าบอกประมาทไป เจ็บใจตัวเอง
คือก่อนหน้านี้แฟนเราหยิบกระเป๋ามานับตังค์จริงๆ ค่ะ ในตลาดนัด จะซื้อของแล้วก็ใส่กลับเข้ากางเกง ...แล้วคงเพราะไม่ติดกระดุมด้วยกระเป๋าช่องใหญ่อีก เลยสบจังหวะ
ถือว่าประมาท พลาดไปเองค่ะ จำไว้เป็นบทเรียนเลย
ก็เป็น เรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆค่ะ ไว้นึกอะไรได้จะมาเล่าอีกนะคะ ยังไม่ได้รีวิวเลย อยากรีวิวเหมือนกันค่ะ แต่กลัวรีวิวไม่สนุก หุหุ เที่ยวแต่ในเนเธอร์แลนด์ค่ะ ไม่ค่อยได้ไปไหนเลย
เรากับสามีไปเบลเยี่ยมมาวันนึง เพราะพ่อกับแม่อายุมากหน่อย จะลุยๆ ไปไกลๆ ก็ไม่ไหว แค่นี้ก็แย่แล้ว เพราะอากาศยังหนาวอยู่เลยค่ะ ช่วงที่ไป ปกติอาบอกว่าต้องอุ่นแล้ว ดอกไม้ออกเยอะแล้วไปดูทิวลิปเลยไม่เห็นเลยค่ะ สวนด้านนอกยังไม่ออกเลย Y_Y