http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=291667.msg5933700;topicseen#new
เป็นเรื่องราวดีของคุณ Itsball ซึ่งโพสในเวปไทยแลนด์สู้ๆ ผมอ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าบ้านเรามันช่างน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เนื้อเรื่องนี้อาจจะยาวไปหน่อยนะครับ คงไม่ว่ากัน
ก่อนอื่นต้องขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่มาของภาพนี้ก่อน ว่าวันนี้ผมมีโอกาสได้ตามมาเชียร์ทีมรักถึงสนามไทยญี่ปุ่นดินแดง
ระหว่างเดินมองหาที่นั่งก็เห็นแฟนบอลสองคนนี้เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงปรบมือจากแฟนบอลชลบุรีคนอื่นๆ
ซึ่งเสียงปรบมือที่มีให้เค้าทั้งสองคนนั้นคือเสียงปรบมือต้อนรับ ปรบมือให้กับสปิริตของทั้งสองคน ถึงแม้ว่าตาของเค้า
ทั้งสองคนจะมองไม่เห็นก็ตามที แต่เค้าก็ยังเข้ามาให้กำลังใจทีมรักถึงขอบสนาม
ผมจึงเข้าไปนั่งคุยด้วยกับทั้งสองคนได้ฟัง ได้คุย ได้สอบถาม อะไรหลายๆอย่างเลยทีเดียว
คนเสื้อสีขาวชื่อ"ฟลุค" คนเสื้อสีน้ำเงินชื่อ"ต้น" (แฟนชลบุรีหลายๆคนอาจจะเคยเห็นหน้าของทั้งสองคนนี้บ้างแล้ว เพราะเค้าตามไปเชียร์ในหลายๆสนามที่ไปเยือน)
บทสนทนาของผมกับทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น น้องเค้าเล่าว่าเดิมทีเดียวเค้าเป็นแฟนของสโมสรธนาคารกรุงเทพ แต่พอดีสโมสรปิดตัวลงไปเค้าจึงมองหาทีมใหม่ที่จะเชียร์
แล้วก็มาลงตัวที่ชลบุรีเอฟซีแห่งนี้ เพราะเหตุผลที่ว่ากองเชียร์เยอะ เชียร์กันสนุกเร้าใจ ผมจึงถามต่อว่าการมองไม่เห็นของเค้าเป็นอุปสรรคกับการดูบอลมากน้อยแค่ไหน
ทั้งสองตอบออกมาเหมือนกันเลยว่ามันก็อาจจะลำบากบ้างเพราะต้องมโนภาพตามอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีเสียงบรรยายให้ก็นึกภาพง่ายหน่อย แต่ถ้าไม่มีก็อาศัยเสียงเฮของแฟนบอลคนอื่นๆ
พูดจบก็พลางหยิบวิทยุขนาดเล็กพร้อมหูฟังจูนคลื่นกีฬาเพื่อฟังคำบรรยาย ปากก็มีบ่นไปตามประสาว่าเมื่อไหร่จะตัดโฆษณาเสียที เค้ารอฟังบรรยายอยู่นะ
ระหว่างนั้นผมก็อาสาเป็นผู้บรรยายให้ทั้งสองคนฟัง ดุจตัวเองเป็นผู้บรรยายเองงั้นแหละ ใจนึงก็กลัวคนที่อยู่ด้านข้างรำคาญ แต่ก็คิดว่ากองเชียร์ชลบุรีด้วยกันคงไม่ใจแคบกันหรอก
ผมสังเกตว่าทั้งสองใจจดใจจ่อกับคำบรรยายที่ออกจากปากผมตลอดเวลา ยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆมากกับการกระทำของตัวเองในวันนี้
แต่ไม่สนใจเพราะผมคิดว่าอะไรที่เราแบ่งปันให้เค้าได้ก็ช่วยกันไป พักครึ่งผมได้มีโอกาสเดินจูงทั้งสองไปเข้าห้องน้ำที่อาคารกีฬาเวศน์ ระยะทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว
ทั้งเดินขึ้นบันได ทางลาด ขอบฟุตบาธ อีกเยอะแยะ แฟนบอลหลายคนก็อำนวยความสะดวกให้ผมและทั้งสองเดินผ่านไปก่อน หลังจากพาทั้งสองเสร็จกิจส่วนตัวก็กลับมาที่สนามอีกครั้ง
มีใจความตอนหนึ่งของบทสนทนาของทั้งสองซึ่งทำให้ผมคิดว่าสโมสรหลายๆแห่งน่าจะให้ความสำคัญกับกลุ่มคนพิเศษเหล่านี้บ้าง
อาทิเช่นโซนที่นั่งของผู้พิการ ลิฟท์ เสียงบรรยายระหว่างเกมส์ อาจจะมีบ้างบางสโมสรที่ทั้งสองไปเยือนมาแล้ว
เช่น บุรีรัมย์ บางกอกกล๊าส เมืองทอง ได้มีการจัดการอำนวยความสะดวกต่างๆให้
ฟลุคบอกว่า เพื่อนเค้าหลายๆคนก็เชียร์ทีมฟุตบอลไทยนะ แต่พอมาแล้วมันไม่ค่อยเอื้ออำนวยเค้าก็ไม่อยากมากัน
และย้ำอีกด้วยว่าถ้าอะไรหลายๆอย่างมันสะดวกกว่านี้นะ เค้าจะชวนเพื่อนๆมาเป็นสิบคนเลย พลางยิ้มอย่างมีความสุข
มีแถมนิดนึง ฟลุคบอกว่าเค้าเคยพูดคุยกับผู้ใหญ่ในชลบุรีท่านหนึ่งว่า ตอนที่เอเอฟซีมาตรวจประเมิน ทำไมถึงจัดให้พวกเขาได้ใช้หูฟังบรรยาย แต่หลังจากนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆ
อยากจะให้สานต่อโครงการดีๆอย่างนี้ต่อไป ไม่ใช่ทำแค่ตอนประเมินเท่านั้น
นั่งดูบอลจนจบเกมส์ ผมก็พาทั้งสองเดินลงจากสแตนด์เชียร์ พอดีมีพี่แฟนบอลชลบุรีคนหนึ่งเดินมาทักฟลุคว่าบ้านอยู่ท่าน้ำนนท์ใช่มั้ย กลับกับเค้าได้นะ เค้าอาสาไปส่ง
ผมงี้รู้สึกประทับใจในความมีน้ำใจของพี่คนนั้นมาก ส่วนต้นอยู่แถวสะพานใหม่ ผมจึงอาสาไปส่งเค้าขึ้นรถเมล์ที่อนุสาวรีย์ชัย
จากนั้นจึงค่อยขับรถกลับชลบุรีด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
ก่อนกลับผมได้ให้เบอร์โทรกับทั้งสองคนเอาไว้ ว่าถ้ามาชลบุรีสเตเดี้ยมเมื่อไหร่ให้โทรหาผม จะพาเค้าเข้าสนามเองผมมีตั๋วหลายใบ
สุดท้ายอยากฝากบอกผ่านไปยังสโมสรต่างๆด้วยนะครับ ว่ายังมีกลุ่มคนพิเศษกลุ่มนี้ที่ต้องการพื้นที่ในสังคมทัดเทียมกับเราทุกๆคน กีฬาสร้างรอยยิ้ม สร้างมิตรภาพ
มุมน่ารักมุมหนึ่งข้างสนามบอลไทยที่อยากให้สโมสรสนใจแฟนบอลกลุ่มนี้บ้าง จากเวป Thailandsusu
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=291667.msg5933700;topicseen#new
เป็นเรื่องราวดีของคุณ Itsball ซึ่งโพสในเวปไทยแลนด์สู้ๆ ผมอ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าบ้านเรามันช่างน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เนื้อเรื่องนี้อาจจะยาวไปหน่อยนะครับ คงไม่ว่ากัน
ก่อนอื่นต้องขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่มาของภาพนี้ก่อน ว่าวันนี้ผมมีโอกาสได้ตามมาเชียร์ทีมรักถึงสนามไทยญี่ปุ่นดินแดง
ระหว่างเดินมองหาที่นั่งก็เห็นแฟนบอลสองคนนี้เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงปรบมือจากแฟนบอลชลบุรีคนอื่นๆ
ซึ่งเสียงปรบมือที่มีให้เค้าทั้งสองคนนั้นคือเสียงปรบมือต้อนรับ ปรบมือให้กับสปิริตของทั้งสองคน ถึงแม้ว่าตาของเค้า
ทั้งสองคนจะมองไม่เห็นก็ตามที แต่เค้าก็ยังเข้ามาให้กำลังใจทีมรักถึงขอบสนาม
ผมจึงเข้าไปนั่งคุยด้วยกับทั้งสองคนได้ฟัง ได้คุย ได้สอบถาม อะไรหลายๆอย่างเลยทีเดียว
คนเสื้อสีขาวชื่อ"ฟลุค" คนเสื้อสีน้ำเงินชื่อ"ต้น" (แฟนชลบุรีหลายๆคนอาจจะเคยเห็นหน้าของทั้งสองคนนี้บ้างแล้ว เพราะเค้าตามไปเชียร์ในหลายๆสนามที่ไปเยือน)
บทสนทนาของผมกับทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น น้องเค้าเล่าว่าเดิมทีเดียวเค้าเป็นแฟนของสโมสรธนาคารกรุงเทพ แต่พอดีสโมสรปิดตัวลงไปเค้าจึงมองหาทีมใหม่ที่จะเชียร์
แล้วก็มาลงตัวที่ชลบุรีเอฟซีแห่งนี้ เพราะเหตุผลที่ว่ากองเชียร์เยอะ เชียร์กันสนุกเร้าใจ ผมจึงถามต่อว่าการมองไม่เห็นของเค้าเป็นอุปสรรคกับการดูบอลมากน้อยแค่ไหน
ทั้งสองตอบออกมาเหมือนกันเลยว่ามันก็อาจจะลำบากบ้างเพราะต้องมโนภาพตามอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีเสียงบรรยายให้ก็นึกภาพง่ายหน่อย แต่ถ้าไม่มีก็อาศัยเสียงเฮของแฟนบอลคนอื่นๆ
พูดจบก็พลางหยิบวิทยุขนาดเล็กพร้อมหูฟังจูนคลื่นกีฬาเพื่อฟังคำบรรยาย ปากก็มีบ่นไปตามประสาว่าเมื่อไหร่จะตัดโฆษณาเสียที เค้ารอฟังบรรยายอยู่นะ
ระหว่างนั้นผมก็อาสาเป็นผู้บรรยายให้ทั้งสองคนฟัง ดุจตัวเองเป็นผู้บรรยายเองงั้นแหละ ใจนึงก็กลัวคนที่อยู่ด้านข้างรำคาญ แต่ก็คิดว่ากองเชียร์ชลบุรีด้วยกันคงไม่ใจแคบกันหรอก
ผมสังเกตว่าทั้งสองใจจดใจจ่อกับคำบรรยายที่ออกจากปากผมตลอดเวลา ยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆมากกับการกระทำของตัวเองในวันนี้
แต่ไม่สนใจเพราะผมคิดว่าอะไรที่เราแบ่งปันให้เค้าได้ก็ช่วยกันไป พักครึ่งผมได้มีโอกาสเดินจูงทั้งสองไปเข้าห้องน้ำที่อาคารกีฬาเวศน์ ระยะทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว
ทั้งเดินขึ้นบันได ทางลาด ขอบฟุตบาธ อีกเยอะแยะ แฟนบอลหลายคนก็อำนวยความสะดวกให้ผมและทั้งสองเดินผ่านไปก่อน หลังจากพาทั้งสองเสร็จกิจส่วนตัวก็กลับมาที่สนามอีกครั้ง
มีใจความตอนหนึ่งของบทสนทนาของทั้งสองซึ่งทำให้ผมคิดว่าสโมสรหลายๆแห่งน่าจะให้ความสำคัญกับกลุ่มคนพิเศษเหล่านี้บ้าง
อาทิเช่นโซนที่นั่งของผู้พิการ ลิฟท์ เสียงบรรยายระหว่างเกมส์ อาจจะมีบ้างบางสโมสรที่ทั้งสองไปเยือนมาแล้ว
เช่น บุรีรัมย์ บางกอกกล๊าส เมืองทอง ได้มีการจัดการอำนวยความสะดวกต่างๆให้
ฟลุคบอกว่า เพื่อนเค้าหลายๆคนก็เชียร์ทีมฟุตบอลไทยนะ แต่พอมาแล้วมันไม่ค่อยเอื้ออำนวยเค้าก็ไม่อยากมากัน
และย้ำอีกด้วยว่าถ้าอะไรหลายๆอย่างมันสะดวกกว่านี้นะ เค้าจะชวนเพื่อนๆมาเป็นสิบคนเลย พลางยิ้มอย่างมีความสุข
มีแถมนิดนึง ฟลุคบอกว่าเค้าเคยพูดคุยกับผู้ใหญ่ในชลบุรีท่านหนึ่งว่า ตอนที่เอเอฟซีมาตรวจประเมิน ทำไมถึงจัดให้พวกเขาได้ใช้หูฟังบรรยาย แต่หลังจากนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆ
อยากจะให้สานต่อโครงการดีๆอย่างนี้ต่อไป ไม่ใช่ทำแค่ตอนประเมินเท่านั้น
นั่งดูบอลจนจบเกมส์ ผมก็พาทั้งสองเดินลงจากสแตนด์เชียร์ พอดีมีพี่แฟนบอลชลบุรีคนหนึ่งเดินมาทักฟลุคว่าบ้านอยู่ท่าน้ำนนท์ใช่มั้ย กลับกับเค้าได้นะ เค้าอาสาไปส่ง
ผมงี้รู้สึกประทับใจในความมีน้ำใจของพี่คนนั้นมาก ส่วนต้นอยู่แถวสะพานใหม่ ผมจึงอาสาไปส่งเค้าขึ้นรถเมล์ที่อนุสาวรีย์ชัย
จากนั้นจึงค่อยขับรถกลับชลบุรีด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
ก่อนกลับผมได้ให้เบอร์โทรกับทั้งสองคนเอาไว้ ว่าถ้ามาชลบุรีสเตเดี้ยมเมื่อไหร่ให้โทรหาผม จะพาเค้าเข้าสนามเองผมมีตั๋วหลายใบ
สุดท้ายอยากฝากบอกผ่านไปยังสโมสรต่างๆด้วยนะครับ ว่ายังมีกลุ่มคนพิเศษกลุ่มนี้ที่ต้องการพื้นที่ในสังคมทัดเทียมกับเราทุกๆคน กีฬาสร้างรอยยิ้ม สร้างมิตรภาพ