ตัดปืนออกไปเลยนะครับ ถ้าคุณไม่มีใบพก หรือไม่ใช่โจรที่มีปืนเถื่อนแล้วพร้อมจะโยนทิ้งแบบไม่เสียดาย หรือไ่ม่ใช่ลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย ก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงกับ กม. ที่โทษรุนแรงพอสมควร
----------------------------
มาตรา 8 ทวิ : ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด
มาตรา 72 ทวิ ( วรรค 2 และ 3 )
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสองด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
ผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา :
http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976387&Ntype=19
---------------------------------------
จะเห็นว่าทุกวันนี้โจรเยอะครับ แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่โจร ( และอันธพาล ) ทุกคนที่จะมีปืน ดังนั้นการที่เราใช้อาวุธป้องกันตัวเป็นบ้าง ( ไม่ใช่ฝึกแต่ศาสตร์การหลบหลีกแบบ จขกท.
) น่าจะสามารถทำให้เราเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันได้พอสมควร เช่นบรรดาสาวๆ ที่เดินกลับบ้านคนเดียว เจอแวนซ์เจอขี้เมาจะมาลวนลาม หรือมากระชากกระเป๋า เป็นต้น
แต่ในยุคสมัยนี้ไม่ใช่ยุคหนังจีนกำลังภายใน ที่แต่ละคนสามารถพกพาอาวุธเดินไปมาได้อย่างอิสระเสรี ( เว้นแต่เข้าเขตสถานที่ราชการ ) ดังนั้นอาวุธจำพวกดาบ กระบี่ หอก ขวาน ฯลฯ ตัดทิ้งไปเลยเช่นกัน ทำให้เหลืออาวุธแค่ 2 ชนิดหลักๆ ที่พอจะพกพาได้ นั่นคืออาวุธประเภทมีดสั้น และกระบองสั้น
- มีดสั้น หรือมีดพก จะเห็นว่าเป็นวิชาหลักที่ทหารส่วนใหญ่ต้องฝึก และเป็น Tactics ที่บรรดามิจฉาชีพนิยมเช่นกัน ที่เห็นบ่ิอยๆ คือ
"มีดผีเสื้อ" ( Balisong หรือ Butterfly Knife ) ตามภาพนี้ ที่เห็นกันจนชินตาในหนังแนวนักเลง,มาเฟียทั้งหลาย
หรืออีกแนวคือพวก Combat Knife ( นึกไม่ออกก็มีดทหารสำหรับติดดาบปลายปืนนั่นแหละ ) ซึ่งถ้าใช้เป็น อาวุธรูปร่างแนวๆ เดียวกันอย่างคัตเตอร์ มีดปอกผลไม้ มีดหั่นผักก็เอามาใช้แทนได้ในเวลาคับขัน
อันนี้เป็น Clip สาธิตมีดที่ดูแล้วเพลินดี ( คนสาธิตคือ Vladimir Vasiliev สอน Systema อยู่ที่แคนาดา )
- กับอีกแนวหนึ่งคืออาวุธประเภทกระบองสั้น ที่หลายคนมักจะพกไว้ในยานพาหนะของตน ไม่ว่าจะเป็นคมแฝก กระบองยาม หรือแม้แต่บรรดาพี่ๆ รถเมล์ หรือพี่ๆ แท็กซี่ จะมีแป๊บเหล็กยาว 1 ฟุตนิดๆ ไว้เสมอ นอกจากนี้หากจะพกในกระ้เป๋า ก็มีอาวุธประเภท "กระบองดิ้ว" ที่พับให้สั้นพอเก็บใส่กระเป๋าได้ ( แถมบางคนบอกว่าถ้าใช้เป็น แม้แต่ไม้กลอง หรือด้ามไม้กวาดเล็กๆ ยังใช้แทนได้เลย )
ส่วนอันนี้เป็นตัวอย่างวิชากระบองสั้นที่หลายคนคุ้นเคย นั่นคือ
"Eskrima" ของฟิลิปปินส์
-----------------------------------------
อาวุธทั้ง 2 ประเภทนี้ ถ้าพกไป โทษจะเป็นแค่ลหุเท่านั้น ตาม ป.อาญา
มาตรา 371 ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาทและให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น
ที่มา :
http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976518&Ntype=21
-------------------------------------
ตามนี้แหละครับ
อย่างที่บอก ผมเห็นโจรโดยเฉพาะใน กทม. ชุกชุมมาก เป็นห่วงสุจริตชนโดยเฉพาะสาวๆ หน้าหวานทั้งหลาย ไหนจะเจอคุกคามทางเพศ ไหนจะเจอพวกจ้องฉกทรัพย์สิน
เป็นที่มาของคำถามนี้แหละครับ อาวุธทั้ง 2 ประเภท อย่างไหนเหมาะกับสภาพสังคมปัจจุบันมากกว่ากัน ทั้งในแง่พกพา การใช้ และโอกาสในการสู้คดีความ เมื่อได้ป้องกันตัวเองไปแล้ว และอีกฝ่ายบาดเจ็บ ( หรืออาจถึงตาย )
รบกวนทุกท่านด้วยครับ
ปล.ส่วน จขกท. ไม่มีใครให้ปกป้อง และไม่คิดจะปกป้องใคร ดังนั้นฝึกวิ่งและหลบหลีกต่อไปดีกว่า
กระบอง VS มีดพก : อาวุธชนิดไหนเหมาะกับสภาพสังคมปัจจุบันที่สุดครับ?
----------------------------
มาตรา 8 ทวิ : ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด
มาตรา 72 ทวิ ( วรรค 2 และ 3 )
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสองด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
ผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา : http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976387&Ntype=19
---------------------------------------
จะเห็นว่าทุกวันนี้โจรเยอะครับ แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่โจร ( และอันธพาล ) ทุกคนที่จะมีปืน ดังนั้นการที่เราใช้อาวุธป้องกันตัวเป็นบ้าง ( ไม่ใช่ฝึกแต่ศาสตร์การหลบหลีกแบบ จขกท. ) น่าจะสามารถทำให้เราเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันได้พอสมควร เช่นบรรดาสาวๆ ที่เดินกลับบ้านคนเดียว เจอแวนซ์เจอขี้เมาจะมาลวนลาม หรือมากระชากกระเป๋า เป็นต้น
แต่ในยุคสมัยนี้ไม่ใช่ยุคหนังจีนกำลังภายใน ที่แต่ละคนสามารถพกพาอาวุธเดินไปมาได้อย่างอิสระเสรี ( เว้นแต่เข้าเขตสถานที่ราชการ ) ดังนั้นอาวุธจำพวกดาบ กระบี่ หอก ขวาน ฯลฯ ตัดทิ้งไปเลยเช่นกัน ทำให้เหลืออาวุธแค่ 2 ชนิดหลักๆ ที่พอจะพกพาได้ นั่นคืออาวุธประเภทมีดสั้น และกระบองสั้น
- มีดสั้น หรือมีดพก จะเห็นว่าเป็นวิชาหลักที่ทหารส่วนใหญ่ต้องฝึก และเป็น Tactics ที่บรรดามิจฉาชีพนิยมเช่นกัน ที่เห็นบ่ิอยๆ คือ "มีดผีเสื้อ" ( Balisong หรือ Butterfly Knife ) ตามภาพนี้ ที่เห็นกันจนชินตาในหนังแนวนักเลง,มาเฟียทั้งหลาย
หรืออีกแนวคือพวก Combat Knife ( นึกไม่ออกก็มีดทหารสำหรับติดดาบปลายปืนนั่นแหละ ) ซึ่งถ้าใช้เป็น อาวุธรูปร่างแนวๆ เดียวกันอย่างคัตเตอร์ มีดปอกผลไม้ มีดหั่นผักก็เอามาใช้แทนได้ในเวลาคับขัน
อันนี้เป็น Clip สาธิตมีดที่ดูแล้วเพลินดี ( คนสาธิตคือ Vladimir Vasiliev สอน Systema อยู่ที่แคนาดา )
- กับอีกแนวหนึ่งคืออาวุธประเภทกระบองสั้น ที่หลายคนมักจะพกไว้ในยานพาหนะของตน ไม่ว่าจะเป็นคมแฝก กระบองยาม หรือแม้แต่บรรดาพี่ๆ รถเมล์ หรือพี่ๆ แท็กซี่ จะมีแป๊บเหล็กยาว 1 ฟุตนิดๆ ไว้เสมอ นอกจากนี้หากจะพกในกระ้เป๋า ก็มีอาวุธประเภท "กระบองดิ้ว" ที่พับให้สั้นพอเก็บใส่กระเป๋าได้ ( แถมบางคนบอกว่าถ้าใช้เป็น แม้แต่ไม้กลอง หรือด้ามไม้กวาดเล็กๆ ยังใช้แทนได้เลย )
ส่วนอันนี้เป็นตัวอย่างวิชากระบองสั้นที่หลายคนคุ้นเคย นั่นคือ "Eskrima" ของฟิลิปปินส์
-----------------------------------------
อาวุธทั้ง 2 ประเภทนี้ ถ้าพกไป โทษจะเป็นแค่ลหุเท่านั้น ตาม ป.อาญา
มาตรา 371 ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาทและให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น
ที่มา :
http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976518&Ntype=21
-------------------------------------
ตามนี้แหละครับ
อย่างที่บอก ผมเห็นโจรโดยเฉพาะใน กทม. ชุกชุมมาก เป็นห่วงสุจริตชนโดยเฉพาะสาวๆ หน้าหวานทั้งหลาย ไหนจะเจอคุกคามทางเพศ ไหนจะเจอพวกจ้องฉกทรัพย์สิน
เป็นที่มาของคำถามนี้แหละครับ อาวุธทั้ง 2 ประเภท อย่างไหนเหมาะกับสภาพสังคมปัจจุบันมากกว่ากัน ทั้งในแง่พกพา การใช้ และโอกาสในการสู้คดีความ เมื่อได้ป้องกันตัวเองไปแล้ว และอีกฝ่ายบาดเจ็บ ( หรืออาจถึงตาย )
รบกวนทุกท่านด้วยครับ
ปล.ส่วน จขกท. ไม่มีใครให้ปกป้อง และไม่คิดจะปกป้องใคร ดังนั้นฝึกวิ่งและหลบหลีกต่อไปดีกว่า