Part 1 กว่าจะถึงปราก
http://ppantip.com/topic/30133151
Part 2 ต้องมนต์ปราก
http://ppantip.com/topic/30177626
Part 3 Cesky Krumlov
http://ppantip.com/topic/30209229
Part 4 Salzburg
http://ppantip.com/topic/30257336
Part 5 Hallstatt
http://ppantip.com/topic/30289694
สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน จากรีวิวตอนที่ 5 นับเวลาได้เกือบเดือนทีเดียว
นอกจากภารกิจอันยุ่งเหยิงแล้ว อุปสรรคของตอนนี้ก็เนื่องจากหลังจากเมียงมองรูปจากเวียนนา
และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดช่วงเวลานั้น มันหม่นๆ หมองๆ ไม่สวยงามอย่างตอนที่ผ่านมา แรงกระตุ้นเลยเบาบางลงไป
แต่ถึงยังไงมันก็ถือเป็นการเดินทางบทหนึ่ง ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่สุขน้อยที่สุด (ถ้าเทียบกับที่อื่นที่เจอตลอดทริป)
มันก็มีอะไรซุกซ่อนอยู่ ...แต่อาจต้องพยายามเพ่งผ่านม่านหมอกเงาสลัวอยู่สักหน่อย
ก่อนหน้านี้ “กรุงเวียนนา” เป็นหนึ่งในแดนในฝันของผม ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม
ทั้งความสวยงามของภูมิทัศน์ สถาปัตยกรรมที่ไม่น้อยหน้ากว่าใครๆ สมกับเป็นหนึ่งในมหาอำนาจแห่งยุโรปในช่วงเวลาหนึ่ง
ต้นกำเนิดศิลปินชื่อก้องโลกมากมาย จนสามารถจินตนาการถึงเสียงดนตรีที่ล่องลอยขับกล่อมทั่วทุกหนแห่งของเมือง
แต่ ...ผมก็ได้รับเกียรติอันน่าดีใจ(ปนเสียงสะอื้น) ที่น้อยคนจะได้เจอ คือวันที่เวียนนาเปล่งความน้อยที่สุด( มั้ง)
เพราะทั้งวันอุณหภูมิตกลงไปต่ำกว่าศูนย์ ลมพัดแรง จนก้าวสู่สภาพของคำว่า “หนาวอันทารุณ”
พระอาทิตย์หลบอยู่หลังเมฆสีเทาอ่อน เทาเข้ม และดำทะมึน สลับสับเปลี่ยนกันทั้งวัน
หมอกสีตุ่นๆ ชื้นเย็น ตละคลุ้งปกคลุมและบดบังทัศนียภาพสวยๆ เกือบหมดสิ้นจนน่าเจ็บใจ
ขนาดตอนก่อนนอนเมื่อคืน ผมคาดโทษเวียนนาไว้แล้วนะ
ว่าแม้จะต้อนรับผมด้วยบรรยากาศทึมๆ แต่ให้โอกาสแก้ตัว “วันนี้ต้องฟ้าใสนะ”
ถ้ายังหม่นๆ อีกละก็ .... ผมจะ... ผมจะ... เอ...ผมจะอะไรดีหว่า
….ผมจะโกรธ!!!!!
แต่... ตอนเริ่มต้นวันผมแอบเห็น “เวียนนา” มองกลับมาอย่างเย็นชาแทนคำตอบว่า ….ใครจะสน ????...
[CR] << Winter Wonderland >> << Czech – Austria – Hungary >> Part 6 Vienna วันฟ้าหม่น
Part 2 ต้องมนต์ปราก http://ppantip.com/topic/30177626
Part 3 Cesky Krumlov http://ppantip.com/topic/30209229
Part 4 Salzburg http://ppantip.com/topic/30257336
Part 5 Hallstatt http://ppantip.com/topic/30289694
สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน จากรีวิวตอนที่ 5 นับเวลาได้เกือบเดือนทีเดียว
นอกจากภารกิจอันยุ่งเหยิงแล้ว อุปสรรคของตอนนี้ก็เนื่องจากหลังจากเมียงมองรูปจากเวียนนา
และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดช่วงเวลานั้น มันหม่นๆ หมองๆ ไม่สวยงามอย่างตอนที่ผ่านมา แรงกระตุ้นเลยเบาบางลงไป
แต่ถึงยังไงมันก็ถือเป็นการเดินทางบทหนึ่ง ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่สุขน้อยที่สุด (ถ้าเทียบกับที่อื่นที่เจอตลอดทริป)
มันก็มีอะไรซุกซ่อนอยู่ ...แต่อาจต้องพยายามเพ่งผ่านม่านหมอกเงาสลัวอยู่สักหน่อย
ก่อนหน้านี้ “กรุงเวียนนา” เป็นหนึ่งในแดนในฝันของผม ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม
ทั้งความสวยงามของภูมิทัศน์ สถาปัตยกรรมที่ไม่น้อยหน้ากว่าใครๆ สมกับเป็นหนึ่งในมหาอำนาจแห่งยุโรปในช่วงเวลาหนึ่ง
ต้นกำเนิดศิลปินชื่อก้องโลกมากมาย จนสามารถจินตนาการถึงเสียงดนตรีที่ล่องลอยขับกล่อมทั่วทุกหนแห่งของเมือง
แต่ ...ผมก็ได้รับเกียรติอันน่าดีใจ(ปนเสียงสะอื้น) ที่น้อยคนจะได้เจอ คือวันที่เวียนนาเปล่งความน้อยที่สุด( มั้ง)
เพราะทั้งวันอุณหภูมิตกลงไปต่ำกว่าศูนย์ ลมพัดแรง จนก้าวสู่สภาพของคำว่า “หนาวอันทารุณ”
พระอาทิตย์หลบอยู่หลังเมฆสีเทาอ่อน เทาเข้ม และดำทะมึน สลับสับเปลี่ยนกันทั้งวัน
หมอกสีตุ่นๆ ชื้นเย็น ตละคลุ้งปกคลุมและบดบังทัศนียภาพสวยๆ เกือบหมดสิ้นจนน่าเจ็บใจ
ขนาดตอนก่อนนอนเมื่อคืน ผมคาดโทษเวียนนาไว้แล้วนะ
ว่าแม้จะต้อนรับผมด้วยบรรยากาศทึมๆ แต่ให้โอกาสแก้ตัว “วันนี้ต้องฟ้าใสนะ”
ถ้ายังหม่นๆ อีกละก็ .... ผมจะ... ผมจะ... เอ...ผมจะอะไรดีหว่า
….ผมจะโกรธ!!!!!
แต่... ตอนเริ่มต้นวันผมแอบเห็น “เวียนนา” มองกลับมาอย่างเย็นชาแทนคำตอบว่า ….ใครจะสน ????...