เห็นว่าบทความนี้ดี เลยเอามาแบ่งปันกันค่ะ
จากสภาพอากาศบ้านเราที่ไม่เป็นไปตามฤดูกาล แทบจะร้อนอบอ้าวไปตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์รถ
ที่ต้องทำงานหนักทุกวันก็ย่อมต้องการการดูแลรักษา โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความร้อนที่สูงจัด
บางครั้งอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดการ overheat ได้ ซึ่งนำไปสู่การทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ่อมเป็นจำนวนมาก
หรือบางครั้งเมื่อรถยนต์โดนแสงแดดแผดเผาเป็นเวลานานๆ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของรถยนต์ก็อาจเกิดการเสื่อมสภาพได้
เป็นอันตรายต่อการขับขี่ ดังนั้นจึงนำข้อควรรู้การดูแลรถในหน้าร้อนมาฝาก เพื่อให้ได้เดินทางขับขี่อย่างสบายใจและปลอดภัยที่สุด
-
หลีกเลี่ยงการขับรถบนผิวถนนที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน ควรหยุดพักรถทุกระยะ 200 - 300 กิโลเมตร เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ร้อนจัด
-
ไม่จอดรถบนพื้นถนนที่มีน้ำเจิ่งนองเป็นเวลานาน แล้วนำรถไปวิ่งบนผิวถนนที่ร้อนจัดในทันที เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
อย่างกะทันหัน จะทำให้ยางบวมหรือยางระเบิด ก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
- หมั่นตรวจสอบสภาพที่ปัดน้ำฝน เพราะความร้อนจะทำให้ยางปัดน้ำฝน แข็งและกรอบ ทำให้ประสิทธิภาพของยางปัดน้ำฝนน้อยลง
-
ติดตั้งฟิล์มกรองแสง โดยพิจารณาจากคุณสมบัติต่างๆ ของฟิล์ม เช่น ค่าการลดความร้อน, ค่าการลดรังสีอัลตร้าไวโอเลต,
ค่าการสะท้อนแสง ซึ่งฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์คุณภาพดีนั้นจะสามารถลดความร้อนจากแสงแดดได้สูงสุดเพียง 68% เท่านั้น
หากโฆษณาว่าสามารถลดความร้อนได้สูงกว่านี้ไม่ควรหลงเชื่อ
-
ไม่ปรับตำแหน่งของเทอร์โมสตรัทไปที่ Cool อยู่ตลอดเวลา หรือไม่เปิดกระจกเมื่อเปิดแอร์ จะช่วยถนอมคอมเพรสเซอร์
ไม่ให้ทำงานหนักตลอดเวลา
-
ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ หมั่นเติมน้ำสะอาด และถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 4-6 เดือน
หากเป็นรถใหม่ ควรตรวจสอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ควรตรวจสอบ 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์
-
ปิดประตูรถทุกบานให้สนิท เพราะไฟในรถ เช่น ไฟประตู ไฟเพดาน จะติดอัตโนมัติ หากปิดไม่สนิทแล้วทิ้งไว้เป็นเวลานาน
ทำให้ความร้อนสะสมตัว ระบบไฟอาจช็อตขึ้นแล้วลุกไหม้ได้
-
วิธีลดความร้อนในห้องโดยสาร หากจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน ให้ลดกระจกด้านหนึ่งลงให้สุด
แล้วเปิด-ปิด ประตูฝั่งตรงข้ามหลายๆ ครั้ง (ขณะที่เราเปิดประตู อากาศภายนอกจะไหลผ่านช่องหน้าต่างที่เราเปิดเอาไว้)
สุดท้าย ขณะขับขี่สามารถสังเกตอาการเครื่องยนต์ร้อนจัด ได้จากเข็มวัดอุณหภูมิที่หน้าปัด โดยปกติจะอยู่ระหว่างตัว C และ H
(85 - 90 องศาเซลเซียส)
หากเข็มวัดอุณหภูมิเคลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้รีบปิดแอร์เพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์
และนำรถจอดเข้าข้างทาง พร้อมเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อระบายความร้อน
หากมีไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากฝากระโปรงรถ ควรรอจนความร้อนของเครื่องยนต์ลดลงก่อน และห้ามราดน้ำลงไปที่เครื่องยนต์
เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
เครดิต :
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000045461
ข้อควรรู้้้เกี่ยวกับการดูแลรถในหน้าร้อนค่ะ
จากสภาพอากาศบ้านเราที่ไม่เป็นไปตามฤดูกาล แทบจะร้อนอบอ้าวไปตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์รถ
ที่ต้องทำงานหนักทุกวันก็ย่อมต้องการการดูแลรักษา โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความร้อนที่สูงจัด
บางครั้งอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดการ overheat ได้ ซึ่งนำไปสู่การทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ่อมเป็นจำนวนมาก
หรือบางครั้งเมื่อรถยนต์โดนแสงแดดแผดเผาเป็นเวลานานๆ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของรถยนต์ก็อาจเกิดการเสื่อมสภาพได้
เป็นอันตรายต่อการขับขี่ ดังนั้นจึงนำข้อควรรู้การดูแลรถในหน้าร้อนมาฝาก เพื่อให้ได้เดินทางขับขี่อย่างสบายใจและปลอดภัยที่สุด
- หลีกเลี่ยงการขับรถบนผิวถนนที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน ควรหยุดพักรถทุกระยะ 200 - 300 กิโลเมตร เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ร้อนจัด
- ไม่จอดรถบนพื้นถนนที่มีน้ำเจิ่งนองเป็นเวลานาน แล้วนำรถไปวิ่งบนผิวถนนที่ร้อนจัดในทันที เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
อย่างกะทันหัน จะทำให้ยางบวมหรือยางระเบิด ก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
- หมั่นตรวจสอบสภาพที่ปัดน้ำฝน เพราะความร้อนจะทำให้ยางปัดน้ำฝน แข็งและกรอบ ทำให้ประสิทธิภาพของยางปัดน้ำฝนน้อยลง
- ติดตั้งฟิล์มกรองแสง โดยพิจารณาจากคุณสมบัติต่างๆ ของฟิล์ม เช่น ค่าการลดความร้อน, ค่าการลดรังสีอัลตร้าไวโอเลต,
ค่าการสะท้อนแสง ซึ่งฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์คุณภาพดีนั้นจะสามารถลดความร้อนจากแสงแดดได้สูงสุดเพียง 68% เท่านั้น
หากโฆษณาว่าสามารถลดความร้อนได้สูงกว่านี้ไม่ควรหลงเชื่อ
- ไม่ปรับตำแหน่งของเทอร์โมสตรัทไปที่ Cool อยู่ตลอดเวลา หรือไม่เปิดกระจกเมื่อเปิดแอร์ จะช่วยถนอมคอมเพรสเซอร์
ไม่ให้ทำงานหนักตลอดเวลา
- ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ หมั่นเติมน้ำสะอาด และถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 4-6 เดือน
หากเป็นรถใหม่ ควรตรวจสอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ควรตรวจสอบ 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- ปิดประตูรถทุกบานให้สนิท เพราะไฟในรถ เช่น ไฟประตู ไฟเพดาน จะติดอัตโนมัติ หากปิดไม่สนิทแล้วทิ้งไว้เป็นเวลานาน
ทำให้ความร้อนสะสมตัว ระบบไฟอาจช็อตขึ้นแล้วลุกไหม้ได้
- วิธีลดความร้อนในห้องโดยสาร หากจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน ให้ลดกระจกด้านหนึ่งลงให้สุด
แล้วเปิด-ปิด ประตูฝั่งตรงข้ามหลายๆ ครั้ง (ขณะที่เราเปิดประตู อากาศภายนอกจะไหลผ่านช่องหน้าต่างที่เราเปิดเอาไว้)
สุดท้าย ขณะขับขี่สามารถสังเกตอาการเครื่องยนต์ร้อนจัด ได้จากเข็มวัดอุณหภูมิที่หน้าปัด โดยปกติจะอยู่ระหว่างตัว C และ H
(85 - 90 องศาเซลเซียส)
หากเข็มวัดอุณหภูมิเคลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้รีบปิดแอร์เพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์
และนำรถจอดเข้าข้างทาง พร้อมเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อระบายความร้อน
หากมีไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากฝากระโปรงรถ ควรรอจนความร้อนของเครื่องยนต์ลดลงก่อน และห้ามราดน้ำลงไปที่เครื่องยนต์
เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
เครดิต :http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000045461