เหตุเพราะสงสารลูกและความไม่ใส่ใจของแม่ กลายเป็นผลร้ายกับลูก

ด้วยความที่ลูกเกิดที่นครสวรรค์ ค่อนข้างร้อนและอากาศนิ่ง เลยไม่ค่อยเป็นไร พอย้ายมาอยู่เมืองหนาวอย่าง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ด้วยอากาศที่แปรปรวนและเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล (3 ขวบ) ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นระยะๆ ไปหาหมอทีไรก็อาการเดิมๆ ไอ น้ำมูก ตัวร้อนมีไข้สูง "ต่อมทอลซิลบวม อักเสบ อ๊ะ เอายาไปกิน ยาฆ่าเชื้อต้องกินให้หมดนะค่ะคุณแม่ ไม่งั้นจะดื้อยา ไม่หายขาด" กลับมา ลูกก็กินง่าย ใช้ไซริงดูดหายๆ ยกเว้นยาฆ่าเชื้อ ขาวๆ เหม็นๆ บรมมะขม กินเป็นอ้วก จับล็อคป้อนกันซะ หมดแรงทั้งแม่ทั้งลูก ร้องจนอ้วก กลายเป็นแทบไม่ได้กินเลย พออาการไข้เบื้องต้นหาย ก็หยุดยา ไม่อยากจับยื้อกันอีก...สงสารลูก ยาไม่หมดก็ทิ้งไป (ยาฆ่าเชื้อมีอายุ 7 วันนับจากผสมน้ำแล้วเปิดขวด) เป็นแบบนี้เข้าปีที่สองตั้งแต่ย้ายมา

จนเมื่อวันที่ 11 เมษาที่ผ่านมา กลับจากโรงเรียนวันสุดท้ายก่อนปิดยาว ด้วยมีอาการตัวร้อนๆ ตกกลางคืนไข้สูง ก็ให้กินยาพาราของเด็ก เช็ดตัว ดีขึ้น ไม่มีไอ จาม น้ำมูก แต่เริ่มอาเจียร กินนมก็อาเจียร วันที่ 12 เมษาเริ่มเห็นมีผื่นขึ้นตามข้อพับ มีเม็ดเลือดขึ้นเป็นจุดๆ  เบื่ออาหาร ยังอาเจียร จนถึงวันที่ 13 เมษา ตื่นเช้าไข้สูงมาก วัดได้39 กลัวจะเป็นไข้เลือดออก เพราะผื่นออกเยอะขึ้น รีบพาไปโรงพยาบาล หมอสั่งเจาะเลือดทันที ส่งไปห้องฉุกเฉิน มีผู้ช่วยหมอชายอีกคนมาช่วยล็อค เราก็ร้องไปกับลูกด้วย ใจจะขาดแทน โดนเจาะตรงข้อพับแขน ดูดเข้าหลอดไป 1 หลอด แล้วเจาะที่หลังมือ เค้นบีบให้เลือดพุ่งเข้าหลอด อีก 1 หลอด (ไม่เข้าใจทำไมต้องให้เลือดพุ่ง แฟนบอก พุ่งจู๊ดดดดน่ากลัวมาก) รอฟังผลออกมา ไม่เป็นไข้เลือดออก แต่เป็นไข้สกาเลตหรือ โรคอีดำ อีแดง (ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร แค่ให้ดูที่ลิ้นจะเป็นตุ่ม เรียกว่า ลิ้นสตรอเบอร์รี่) แล้วสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อ 3 ขวด กำชับให้กินให้ครบ 10 วัน ถึงจะหายดีแล้วก็ต้องกินให้ครบ ไม่งั้นอาจจะเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วหรือไตวายภายหลังได้ (นัดอีกวันที่ 18 เมษา น่าจะให้ยาเพิ่มเพราะไม่พอถึง 10 วัน) เราฟังก็ตกใจ อะไร ทำไม หัวใจกะไตมาเกี่ยวกับอะไรด้วย กลับมาบ้าน ค้นหาข้อมูล เลยรู้ว่า โรคนี้เกิดจากต่อมทอลซิลอักเสบเพราะติดเชื้อแบคทีเรีย ที่เรียกว่า ตัวร้ายเบอร์ 1 เลย คือ สเตร็ปโตคอคคัส (streptococcus) กลุ่มเอ ทำให้เกิดเป็นโรคนี้ ถ้าหากกินยาฆ่าเชื้อไม่ถึงกำหนด อาจจะต้องมีโรคแทรกซ้อนตัวร้ายที่ต้องรักษากันตลอดชีวิตเชียว ตอนนี้เลยหาวิธีกินยาฆ่าเชื้อได้ไม่อ้วก ใช้วิธีผสมน้ำหวานเฮลบลูบอล อัตราส่วน ยา 7 ซีซี (หมอสั่ง) น้ำหวาน 1 ซีซี ยอมกินหมดแต่โดยดี ถามว่าหวานมั๊ย ลูกบอกว่า หวานดี ไม่เหม็นไม่ขม (ดูจากท่าทางลูก กินแล้วก็เล่นต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปกติอ้วกซะไม่มีดี)

เพราะความสงสารไม่อยากบังคับลูก และเพราะความไม่ใส่ใจในคำเตือนของหมอ เลยทำให้ลูกเป็นต่อมทอลซิลอักเสบอยู่เรื่อยๆ หมอประจำก็เปรยๆว่า อาจจะต้องผ่าตัดต่อมทอลซิลถ้าโตขึ้น....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่