วอร์เรน บัฟเฟตต์ นิตยสาร Fortune (27 ก.พ 2,012) ; บัฟเฟตต์ พูดๆๆ เกี่ยวกับ... ทอง ในอีก 100ปี_ข้างหน้า
ในบรรดาสินทรัพย์จำพวกนี้ อันดับ1 คือ “ทองคำ” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนลท. ที่กลัวสินทรัพย์อื่นๆ แทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินกระดาษ (อันที่จริง สินทรัพย์หลายชนิด ก็มีเหตุผล ควรที่สมควรจะกลัวอยู่) , อย่างไรก็ตาม ทองคำ มีจุดอ่อนอยู่ 2ประการ คือ...
1) ตัวมันเอง เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ >> 2) ไม่ทำให้เกิด Product_ผลิตผล อะไรๆ ขึ้นมา ได้... เล๊ย!
จริงอยู่ที่ ทองคำ มีประโยชน์ในแง่ของอุตสาฯ & ใช้เป็นเครื่องประดับได้ แต่ๆๆ Demand_ในแง่ดังกล่าว มีอยู่จำกัด & ไม่สามารถทำให้ ทอง เพิ่ม Volume_ปริมาณ ขึ้นได้ , ถ้าคุณ มีทองคำ 1ออนซ์ ทองคำนั้น ย่อมมีปริมาณ 1ออนซ์เท่าเดิม ตราบจน ชั่ว... " กัลปาวสาน "
สิ่งสำคัญ! ที่ดึงดูดแฟนพันธุ์แท้_ทองคำ คือ ความเชื่อที่ว่า...
ผู้คนจะเกิดความกลัว ในสินทรัพย์อื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ความเชื่อดังกล่าว ก็ได้รับการพิสูจน์ แล้วว่า เป็น... " ความจริง " ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่สูงขึ้นๆ ของทองคำ ก็ยิ่งทำให้คนมีความกระตือรือร้น อยากจะซื้อมัน จนดึงดูดให้ผู้ลงทุนเชื่อว่า การเพิ่มขึ้นของราคาทอง เป็นไปตามข้อสรุปทางการลงทุน ที่สมเหตุสมผลแล้ว , นักลงทุน ที่ชอบแห่ตามกัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนประเภทไหนๆ มักจะสร้างความจริง ของตัวเองขึ้นมาเสมอ อย่างน้อย ก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง *
ในช่วง 15ปี_ที่ผ่านมา ทั้ง หุ้นInternet & บ้าน ได้แสดงให้เห็นถึง ภาวะความ เฟ้อ... " เกินไป "
อันเป็นผลมาจาก + ผสมผสานกัน ระหว่างข้อสรุปที่มีเหตุผลกับ ราคาที่เกินกว่าเหตุ , ในภาวะฟองสบู่ มหาชน ที่เคยลังเลสงสัย มักยอมศิโรราบต่อ “ข้อพิสูจน์” ที่ตลาด “จัดให้” & กลุ่มของผู้ซื้อ ก็จะขยายตัวออกไปอย่างใหญ่หลวง จนเพียงพอที่จะทำให้พฤติกรรม แห่ตามกันนั้นหมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วฟองสบู่ ที่โตเกิน ก็จะ แตก... " โพล๊ะๆๆ ออก " & เมื่อนั้น ภาษิตโบราณ ก็จักได้รับการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง … “ สิ่งที่ คนฉลาด ทำในตอนเริ่มต้น & คนโง่ จะทำมัน ในท้ายที่สุด ”
ณ. วันนี้ คลังทองคำของโลก มีอยู่ประมาณ 170,000เมตริกตัน หากเอาทองทั้งหมด มาหลอมรวมกัน เรา จะได้... " ลูกบาศก์_ทองคำ "
ที่มีความกว้าง_ยาว_ลึก ด้านละ 68ฟุต (เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ขนาดของมันวางลงบนสนามเบสบอล ได้ พอดิบ_พอดี) ณ. ราคา 1,750ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ในเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ ราคาของทองคำทั้งหมดในโลก จะมีมูลค่ารวมกัน เท่ากับ 9.6ล้านล้าน$ โดยเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “ก้อน A”
Example : เอาล่ะ ทีนี้มาสร้าง “ก้อน B” กันบ้าง ก้อน B ที่ว่านี้ มีราคาเท่ากับ... ก้อน A
แต่ๆๆ เราสามารถใช้มัน ซื้อไร่นา ทั้งหมด ใน USA. (จำนวน 400ล้านเอเคอร์ ทำรายได้รวมกัน 200,000ล้าน$ ต่อปี) บวกกับ(+) บริษัท Exxon Mobil จำนวน 16บริษัท ( Exxon Mobil คือ บริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยสมมุติว่า เรามีบริษัทนี้อยู่ 16แห่ง แต่ละแห่ง ทำกำไรได้ปีละ 40,000ล้าน$ ) หลังจากซื้อของดังกล่าวแล้ว เราจะยังเหลือเงินติดตัวไว้ใช้ราวๆ 1ล้านล้าน$ (สมมุติว่า เราไม่ได้รู้สึกว่า ตัวเองใช้เงินเกินตัว)
คุณพอจะใช้จินตนาการได้ไหมว่า จะมี นลท. คนไหนๆ ในโลก ที่มีเงิน 9.6ล้านล้าน$ แล้วจะเลือกซื้อ ก้อน A แทนที่ จะซื้อ... ก้อน B ?
นอกจาก มูลค่าของทอง จะถูกประเมิน อย่างไม่สมเหตุสมผลแล้ว ราคาปัจจุบัน ยังทำให้ตัวมันถูกผลิตขึ้น ปีละคิดเป็นมูลค่า 160,000ล้าน$
ซึ่งผู้ซื้อ ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับ หรือ ซื้อไปใช้ในทางอุตสาฯ รวมทั้ง คนที่กำลังกลัว & นักเก็งกำไร จะค่อยๆ รับเอา Supply_อุปทาน ส่วนเพิ่มนี้ไว้เรื่อยๆ ก่อนที่ราคา ณ. ปัจจุบัน จะกลายเป็น... ราคาสมดุล ในที่ซู๊ดดดดดดดดด
ในเวลา 1ศตวรรษ_นับจากนี้ ที่ดิน 400ล้านเอเคอร์ จะผลิตข้าวโพด ธัญพืช Cotton & พืชผลอื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก , และจะ ผลิตผลผลิต ที่มีคุณค่าเหล่านั้นต่อไป ไม่ว่าค่าเงินจะเป็นอย่างไรก็ตาม , ในขณะที่ Exxon Mobil จะทำเงินปันผล ให้กับเจ้าของอีกนับ... ล้านล้าน$ & จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ มูลค่าหลายล้านล้าน$ เช่นกัน (อย่าลืมว่า คุณมี Exxon อยู่ 16บริษัท) ในขณะที่ทองคำ 170,000ตัน จะไม่เพิ่ม Volume_ปริมาณ ขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว & ไม่สามารถสร้างผลิตผลอะไรใดๆ ได้ทั้งสิ้น , คุณอาจลูบคลำ ก้อนทองคำนี้ ด้วยความรัก แต่มันจะไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆ แน่นอน
ต้องยอมรับว่า เมื่อคนในยุค 100ปี_นับจากนี้ รู้สึกกลัว พวกเขาก็จะยังกระโดด เข้าหา... " ทองคำ " อยู่นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า ก้อน A ที่มีมูลค่า 9.6ล้านล้านเหรียญ จะทวีมูลค่าต่อไปในอนาคต ในอัตรา ที่ด้อยกว่า... ก้อน B อย่างมาก เป็นแน่แท้ ---- # # #
*** ผู้หยั่งรู้... " ทองคำ " >> ในอีก 100ปี... " ข้างหน้า "
ในบรรดาสินทรัพย์จำพวกนี้ อันดับ1 คือ “ทองคำ” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนลท. ที่กลัวสินทรัพย์อื่นๆ แทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินกระดาษ (อันที่จริง สินทรัพย์หลายชนิด ก็มีเหตุผล ควรที่สมควรจะกลัวอยู่) , อย่างไรก็ตาม ทองคำ มีจุดอ่อนอยู่ 2ประการ คือ...
1) ตัวมันเอง เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ >> 2) ไม่ทำให้เกิด Product_ผลิตผล อะไรๆ ขึ้นมา ได้... เล๊ย!
จริงอยู่ที่ ทองคำ มีประโยชน์ในแง่ของอุตสาฯ & ใช้เป็นเครื่องประดับได้ แต่ๆๆ Demand_ในแง่ดังกล่าว มีอยู่จำกัด & ไม่สามารถทำให้ ทอง เพิ่ม Volume_ปริมาณ ขึ้นได้ , ถ้าคุณ มีทองคำ 1ออนซ์ ทองคำนั้น ย่อมมีปริมาณ 1ออนซ์เท่าเดิม ตราบจน ชั่ว... " กัลปาวสาน "
สิ่งสำคัญ! ที่ดึงดูดแฟนพันธุ์แท้_ทองคำ คือ ความเชื่อที่ว่า...
ผู้คนจะเกิดความกลัว ในสินทรัพย์อื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ความเชื่อดังกล่าว ก็ได้รับการพิสูจน์ แล้วว่า เป็น... " ความจริง " ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่สูงขึ้นๆ ของทองคำ ก็ยิ่งทำให้คนมีความกระตือรือร้น อยากจะซื้อมัน จนดึงดูดให้ผู้ลงทุนเชื่อว่า การเพิ่มขึ้นของราคาทอง เป็นไปตามข้อสรุปทางการลงทุน ที่สมเหตุสมผลแล้ว , นักลงทุน ที่ชอบแห่ตามกัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนประเภทไหนๆ มักจะสร้างความจริง ของตัวเองขึ้นมาเสมอ อย่างน้อย ก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง *
ในช่วง 15ปี_ที่ผ่านมา ทั้ง หุ้นInternet & บ้าน ได้แสดงให้เห็นถึง ภาวะความ เฟ้อ... " เกินไป "
อันเป็นผลมาจาก + ผสมผสานกัน ระหว่างข้อสรุปที่มีเหตุผลกับ ราคาที่เกินกว่าเหตุ , ในภาวะฟองสบู่ มหาชน ที่เคยลังเลสงสัย มักยอมศิโรราบต่อ “ข้อพิสูจน์” ที่ตลาด “จัดให้” & กลุ่มของผู้ซื้อ ก็จะขยายตัวออกไปอย่างใหญ่หลวง จนเพียงพอที่จะทำให้พฤติกรรม แห่ตามกันนั้นหมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วฟองสบู่ ที่โตเกิน ก็จะ แตก... " โพล๊ะๆๆ ออก " & เมื่อนั้น ภาษิตโบราณ ก็จักได้รับการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง … “ สิ่งที่ คนฉลาด ทำในตอนเริ่มต้น & คนโง่ จะทำมัน ในท้ายที่สุด ”
ณ. วันนี้ คลังทองคำของโลก มีอยู่ประมาณ 170,000เมตริกตัน หากเอาทองทั้งหมด มาหลอมรวมกัน เรา จะได้... " ลูกบาศก์_ทองคำ "
ที่มีความกว้าง_ยาว_ลึก ด้านละ 68ฟุต (เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ขนาดของมันวางลงบนสนามเบสบอล ได้ พอดิบ_พอดี) ณ. ราคา 1,750ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ในเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ ราคาของทองคำทั้งหมดในโลก จะมีมูลค่ารวมกัน เท่ากับ 9.6ล้านล้าน$ โดยเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “ก้อน A”
Example : เอาล่ะ ทีนี้มาสร้าง “ก้อน B” กันบ้าง ก้อน B ที่ว่านี้ มีราคาเท่ากับ... ก้อน A
แต่ๆๆ เราสามารถใช้มัน ซื้อไร่นา ทั้งหมด ใน USA. (จำนวน 400ล้านเอเคอร์ ทำรายได้รวมกัน 200,000ล้าน$ ต่อปี) บวกกับ(+) บริษัท Exxon Mobil จำนวน 16บริษัท ( Exxon Mobil คือ บริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยสมมุติว่า เรามีบริษัทนี้อยู่ 16แห่ง แต่ละแห่ง ทำกำไรได้ปีละ 40,000ล้าน$ ) หลังจากซื้อของดังกล่าวแล้ว เราจะยังเหลือเงินติดตัวไว้ใช้ราวๆ 1ล้านล้าน$ (สมมุติว่า เราไม่ได้รู้สึกว่า ตัวเองใช้เงินเกินตัว)
คุณพอจะใช้จินตนาการได้ไหมว่า จะมี นลท. คนไหนๆ ในโลก ที่มีเงิน 9.6ล้านล้าน$ แล้วจะเลือกซื้อ ก้อน A แทนที่ จะซื้อ... ก้อน B ?
นอกจาก มูลค่าของทอง จะถูกประเมิน อย่างไม่สมเหตุสมผลแล้ว ราคาปัจจุบัน ยังทำให้ตัวมันถูกผลิตขึ้น ปีละคิดเป็นมูลค่า 160,000ล้าน$
ซึ่งผู้ซื้อ ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับ หรือ ซื้อไปใช้ในทางอุตสาฯ รวมทั้ง คนที่กำลังกลัว & นักเก็งกำไร จะค่อยๆ รับเอา Supply_อุปทาน ส่วนเพิ่มนี้ไว้เรื่อยๆ ก่อนที่ราคา ณ. ปัจจุบัน จะกลายเป็น... ราคาสมดุล ในที่ซู๊ดดดดดดดดด
ในเวลา 1ศตวรรษ_นับจากนี้ ที่ดิน 400ล้านเอเคอร์ จะผลิตข้าวโพด ธัญพืช Cotton & พืชผลอื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก , และจะ ผลิตผลผลิต ที่มีคุณค่าเหล่านั้นต่อไป ไม่ว่าค่าเงินจะเป็นอย่างไรก็ตาม , ในขณะที่ Exxon Mobil จะทำเงินปันผล ให้กับเจ้าของอีกนับ... ล้านล้าน$ & จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ มูลค่าหลายล้านล้าน$ เช่นกัน (อย่าลืมว่า คุณมี Exxon อยู่ 16บริษัท) ในขณะที่ทองคำ 170,000ตัน จะไม่เพิ่ม Volume_ปริมาณ ขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว & ไม่สามารถสร้างผลิตผลอะไรใดๆ ได้ทั้งสิ้น , คุณอาจลูบคลำ ก้อนทองคำนี้ ด้วยความรัก แต่มันจะไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆ แน่นอน
ต้องยอมรับว่า เมื่อคนในยุค 100ปี_นับจากนี้ รู้สึกกลัว พวกเขาก็จะยังกระโดด เข้าหา... " ทองคำ " อยู่นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า ก้อน A ที่มีมูลค่า 9.6ล้านล้านเหรียญ จะทวีมูลค่าต่อไปในอนาคต ในอัตรา ที่ด้อยกว่า... ก้อน B อย่างมาก เป็นแน่แท้ ---- # # #