ขวางความเจริญหรือขวางโกง? .... คอลัมน์บ้านเกิดเมืองนอน ...โดย..สิริอัญญา ...แนวหน้าออนไลน์

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักต่อสู้ตัวยงที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ขอให้เป็นการต่อสู้ก็จะต่อสู้อย่าง
ไม่ลดราวาศอก และเพราะเป็นคนอย่างนี้จึงต้องตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและกลายเป็นผู้ร่อนเร่สัมภเวสีจน
กระทั่งถึงทุกวันนี้

ความเป็นนักต่อสู้นั้นต้องถือว่า เป็นคุณสมบัติที่เป็นยอดของความเป็นคนและสัตว์ทั้งหลาย แต่ที่สำคัญกว่า
ก็คือความรู้ยิ่งว่าเรื่องไหนสมควรต่อสู้หรือไม่ เพราะหากไปต่อสู้ในทุกเรื่องก็มีแต่พ่ายแพ้เพราะไม่มีใครที่
สามารถต่อสู้ได้ทุกเรื่อง ทุกเวลา และกับทุกคนได้

แม้พิชัยสงครามก็สอนสั่งเอาไว้นักหนาว่าผู้เป็นขุนพลนั้น นอกจากจะต้องรู้ว่ารบอย่างไรให้ชนะแล้ว ยังต้อง
รู้ยิ่งกว่านั้นคือรู้ว่าควรรบหรือไม่ ซึ่งต้องรู้ก่อน

ดังนั้นผู้เป็นยอดขุนพลจึงรบหรือต่อสู้ต่อเมื่อรู้ว่าต้องต่อสู้ และเมื่อต่อสู้แล้วก็ย่อมได้ชัยชนะ ต่างจากพวก
งมงายบัดซบที่ไม่รู้ว่า เรื่องไหนจะต้องต่อสู้หรือไม่ต้องต่อสู้ หรือต่อสู้ไปทุกเรื่องเหมือนกับควายเขาเกที่
ชนดะไปหมด แม้กระทั่งภูเขา จนตัวตายนั่นแหละ

แต่ถึงอย่างไรคนที่มีจิตใจเป็นนักสู้ก็ยังดีกว่าผู้ที่มีจิตใจเป็นไก่ตัวเมียซึ่งผิดวิสัยไก่ชน แทนที่จะตีได้ชนเป็น
กลับยอมให้เขาปี้กลายเป็นไก่ตัวเมีย ทั้งที่ออกไข่ก็ไม่ได้ไปเสียฉิบ

เป็นไก่ตัวเมียนับว่าเสียศักดิ์ไก่ชนแล้ว ยังไม่ร้ายเท่านักอุ้มไก่หรือนักเลงไก่ที่ไม่รู้จักว่าไก่ตัวผู้หรือไก่ตัวเมีย
หรือหลงอุ้มไก่ตัวเมียไปชน ก็มีแต่จะพ่ายแพ้และอับอายขายหน้าร่ำไป ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังมีนักอุ้มไก่ตัวเมียซึ่ง
ยังไม่รู้ตัว ยังคงกระเตงอุ้มไก่ตัวเมียไปตีกับเขาทั้งที่แพ้มาไม่รู้กี่ยกแล้ว ไม่รู้จักเข็ดหลาบ หากยังไม่สำนึก
ก็ต้องถือว่า คนพวกนี้แหละเป็นพวกหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบหากว่าจะต้องเสียชาติสิ้นแผ่นดิน

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จัดเป็นยอดนักสู้ แต่เป็นนักสู้ที่ไม่รู้ว่าอะไรควรสู้หรือไม่ควรสู้ จึงต่อสู้ดะไปและทำให้
ต้องประสบชะตากรรมดังเช่นทุกวันนี้ และที่สำคัญมี ลักษณะการบางอย่างที่เห็นได้ว่าเป็นพวกอยู่ไม่สุข คือ
อยู่ดีไม่ว่าดี ก็มีการกระทำบางอย่างที่ทำให้ผู้คนขุ่นแค้นเคืองใจได้เสมอๆ

ดังนั้นแผ่นดินนี้ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมีคนรักมาก และบางคนก็รักจนหลง แต่ก็มีคนเกลียดชัง
มากเช่นเดียวกัน และถ้าหากจะถามกันว่าในแผ่นดินนี้ใครที่ผู้คนเกลียดชังมากที่สุด คำตอบก็คงจะออกมา
ไม่ผิดที่คาดหมายกันเท่าใดนัก

2-3 วันมานี้อยู่ดีไม่ว่าดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เขียนเฟซบุ๊คกล่าวหาบรรดาผู้ที่คัดค้านการกู้เงิน
2 ล้านล้านบาทว่า เป็นพวกขัดขวางความเจริญของบ้านเมือง เพราะถ้ากู้เงินรายนี้แล้ว ถึงแม้จะมีหนี้แต่ก็
ทำให้ประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย

นี่ก็เรียกว่าอยู่ดีไม่ว่าดี เพราะที่เขียนเฟซบุ๊คนั้นแม้จะดูเข้าท่าและอาจทำให้คนโง่หลงเชื่อหลงใหลได้ แต่คน
ที่ไม่โง่ในแผ่นดินนี้ก็มีอยู่มาก เขาย่อมรู้เท่าทัน และย่อมชิงชังรังเกียจการกระทำเช่นนี้ เพราะว่า

ประการแรก เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้นเป็นการกู้มาทำเมกะโปรเจกท์
คือรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ และที่เขาคัดค้านนั้น ไม่ได้ขัดขวางความเจริญหรือ
ไม่ต้องการความเจริญดังที่มีการเขียนเฟซบุ๊ค แต่ที่ค้านเพราะเขาเห็นว่า เป็นแผนการทางการเมืองที่
กู้มาโกง โครงการนี้จึงถูกเรียกขานว่าโครงการกู้มาโกง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้โต้แย้งว่า
ไม่ได้กู้มาโกง

ประการที่สอง เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่ารัฐบาลไทยตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จนถึงรัฐบาลนางยิ่งลักษณ์
ได้ทำสัญญากับรัฐบาลจีนในการพัฒนารถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูงมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ฉบับ
เฉพาะที่ลงนามความร่วมมือกันในรัฐบาลนี้ก็มีถึง 3 ฉบับ และเอกอัครราชทูตจีนก็แถลงปาวๆ กลางเมืองว่า
จีนพร้อมร่วมมือกับไทยในโครงการที่ว่านี้ ไม่ว่าจะให้จีนรับสัมปทานลงทุนทั้งหมดก็ได้ จะร่วมทุนกันก็ได้
หรือจะว่าจ้างกันก็ได้

หมายความว่าประเทศไทยสามารถทำเมกะโปรเจกท์เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียวตามที่
ตกลงกับจีนไว้ โดยใช้วิธีให้สัมปทานเช่นเดียวกับสัมปทานรถไฟฟ้า BTS การให้สัมปทานทางด่วนต่างๆ
ที่ทำกันเป็นปกติ แล้วทำไมไม่ทำโดยใช้วิธีที่ไม่ต้องกู้และไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่สักบาทเดียวเล่า?

น่าเสียดายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่พูดถึงประเด็นนี้แม้แต่คำเดียว จึงทำให้ผู้คนต้องกังขาในเจตนาเขียน
เฟซบุ๊คนี้

ประการที่สาม เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าถ้าอยากจะกู้เงินให้ผูกพันลูกหลานไปถึง 50 ปีกันนักก็กู้มาแล้ว
เอาเงินเข้าคลังตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเสียก่อนแล้วทำเป็นงบประมาณเบิกจ่ายออกไป จะเป็นงบประมาณ
ประจำปีก็ได้ หรือเป็นงบประมาณระหว่างปีก็ได้

แล้วทำไมไม่ทำตามแบบแผนการใช้เงินแผ่นดิน ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 169 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าต้องออก
เป็นกฎหมายงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ ตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง และตามกฎหมาย
ว่าด้วยการโอนเงินงบประมาณ กลับจะกู้มาแล้วเอาไปใช้ตามอำเภอใจโดยที่ไม่มีโครงการอะไรเลยสักอย่าง
เดียว มีแต่สิ่งที่เรียกว่ายุทธศาสตร์เป็นกระดาษสองแผ่นเนื้อความ 76 บรรทัดเท่านั้น

นี่แหละที่ต้องท้วงติงกันบ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณเขียนเฟซบุ๊คคราวนี้ไม่เข้าท่า เพราะไม่ได้แก้ปัญหาค้าง
คาใจผู้คน มิหนำซ้ำกลับไปเที่ยวกล่าวหาคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยว่า ขัดขวางความเจริญ ซึ่งรังแต่จะเพิ่มศัตรูอยู่ร่ำไป

คนเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้แล้วพึงมีหลักในการเจรจาว่ากล่าวบ้าง ถ้าไม่รู้ก็จะบอกให้สักบทหนึ่ง เป็นคำสอน
ของพระพุทธองค์ในการกล่าวคำพูดจาว่าจะต้องพูดความจริง ต้องพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต้องพูดด้วยความ
เมตตา ต้องพูดด้วยคำหวาน ต้องพูดให้ต้องใจคน ก็จะเป็นมงคลแก่ตนแล

ก็พึงทบทวนว่าที่เที่ยวกล่าวหาใครต่อใครว่าขัดขวางความเจริญนั้น มันสอดคล้องกับที่พระพุทธเจ้า
สั่งสอนหรือไม่?

http://www.naewna.com/politic/columnist/6211

นี่คือกระบอกเสียงของ ปชป.  .... เหมือนตัวแทนของปชป.
อลงกรณ์ พลบุตร   คิดแบบไหน  อ่านคอลัมน์นี้  ก็จะรู้ได้ว่ายากส์ที่ปชป.จะเปลี่ยน
ไม่ใช่แฟน ....  แต่ก็มาทำหน้าที่แทนคุณ "อดีตหัวหน้าเผ่า"  เอา "แนวหน้า"
มาให้อ่านกันค่ะ   ...สวัสดี...คุณข้าง...ค่ะ...  น่าจะมาอ่านนะ ...

ยิ้มยิ้มยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่