เป็นกระทู้แรกที่ตั้งใน pantip เลยขอนำเรื่องราวพร้อมภาพจากการเดินทางมาแบ่งปันให้กันครับ
เมื่อต้นเดือนที่แล้วผมวางแผนเดินทางจะไปถ่ายรูปเล่นที่ บางปู โดยเริ่มต้นเดินทางด้วยรถตู้จาก ตลาดแฮปปี้แลนด์ ไปสุดสายที่ตลาดปากน้ำ ในราคา 25 บาท ต่อคน หากต้องการเดินทางไปบางปูเลย ให้ลงรถที่สามแยก หรือบอกคนขับรถก็ได้ครับ เขาจะจอดให้ แล้วค่อยต่อรถสองแถวไป แต่ผมอยากดูหอยดูปลาที่ตลาดปากน้ำก่อน จึงนั่งเข้าตัวเมืองสมุทรปราการไปลงยังตัวตลาดปากน้ำเลย
อ่อ...ทริปนี้ผมเดินทางพร้อมกล้องคู่ใจ d200 ที่สมบุกสมบัน เดินทางด้วยกันมาตลอดเกือบ 7 ปี แม้คุณภาพหลาย ๆ ด้านจะสู้กล้องน้องใหม่ๆ ไม่ได้ แต่ว่าเจ้าปู่ d200 มันอึดเหลือหลาย ก็เลยใช้มันต่อไป ฮ่าๆ เพราะไฟล์ภาพที่ได้สำหรับผมแล้ว มันก็โอเคอยู่นะ!
หอยแครงหลายขนาดหลากราคา
ปลาน้อยใหญ่สด ๆ มากมาย
กั้งที่น่าเอามาทอดกระเทียมพริกไทย หรือแช่น้ำปลาจริงๆ
ผมไม่ค่อยชอบกินแมงดา แต่อยากกินปูที่อยู่ด้านหลังมากกว่า
เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังตลาดปากน้ำ เป็นท่าเรือข้ามฝากไปยังพระสมุทรเจดีย์ได้
ผมก็เก็บภาพไปเรื่อยเปื่อย เพราะวางแผนจะไปถ่ายภาพที่บางปูต่อในช่วงเย็น
เรือข้ามฝากที่ออกทุก 10-15 นาที (โดยประมาณ)
แถวตลาดมีนกชายฝั่งให้เห็นอยู่หลายชนิดเหมือนกัน เช่นเจ้านกยางเปีย (Little Egret : Egretta garzetta)
หรือเจ้านกนางแอ่นแปซิฟิค (Pacific Swallow : Hirundo tahitica.)
ด้วยความที่มีเวลาเหลือ ผมจึงตัดสินใจนั่งเรือเล่น กะจะข้ามไปถ่ายรูปพระสมุทรเจดีย์แล้วค่อยนั่งเรือกลับ แต่เมื่อข้ามมาถึงจึงพบว่ามีคิวรถสองแถวใหญ่ (คันใหญ่จริง ๆ) จากท่าเรือไปยังป้อมพระจุลได้ ด้วยความที่คิดว่าเวลาเหลือเฟือ ไหน ๆ ก็ข้ามมาแล้วปล่อยไหลไปเลยละกัน สองท้าวจึงก้าวขึ้นสองมือควักเงิน 8 บาทเป็นค่าโดยสาร
รถมาส่งลงถึงหน้าป้อมเลยครับ เจอเรือหลวงแม่กลองตระหง่านอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะผมไปวันธรรมดาด้วยหรือว่าผมมาตอนแดดมันส่องหัวกบาลแบบจัง ๆ จึงมีนักท่องเที่ยวแค่ไม่กี่คน
เพิ่งเคยมาครั้งแรก ก็เดินตากแดดหัวดำปีนป่ายถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ
ภายในเรือเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้แบบจุใจ เดินเข้าเดินออกได้เกือบทุกห้อง
ปืนต่อสู้อากาศยานประจำเรือ รุ่นอะไร ใช้ยังไงอันนี้ผมไม่รู้ รู้อย่างเดียวคือการจับเหล็กกลางแดดนี่แทบทำให้มือพองได้
ปืนเสือหมอบ ดาวเด่นประจำป้อมพระจุล ที่ท่าน ร.5 ทรงสั่งจากอังกฤษมาติดตั้งไว้ เพียง 2 เดือนก็ได้ใช้สู้รบกับฝรั่งเศษในเหตุการ์ณ ร.ศ.112
เสร็จจากเดินชมป้อมจึงมาพักกินข้าว ชาร์ตพลังที่สโมสรท้ายเรือแม่กลอง อาหารอร่อย ราคากลาง ๆ ด้วยความหิวจึงไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้
พออิ่มแล้วจึงเดินเล่นริมน้ำแถว ๆ นั้น ซึ่งก็มีนกหากินอยู่หลากหลายเช่นกัน ในภาพคือนกยางเปีย ที่มีอยู่หลายตัว
นกกาน้ำเล็ก (Little Cormorant : Phalacrocorax niger) ผมไมได้เชี่ยวเป็นนักดูนกหรอก ส่วนมากถ่ายมาแล้วค่อยเปิดหนังสือคู่มือดูนกประกอบเอาทีหลัง
มาเป็นขาวดำกันบ้างครับ
ลมพัดเย็น ๆ อากาศดีมาก จนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็เกือบ 5 โมง ทำให้ต้องเลิกแผนที่จะเดินทางกลับไปยังบางปู ผมจึงเลือกจะไปเก็บแสงยามเย็นของวันที่พระสมุทรเจดีย์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการในเรื่องนึง...
ช่วงเย็น ๆ มีคนเดินทางมากันเยอะมาก มีทั้งมาออกกำลังกาย พาครอบครัวมาเที่ยว ผมมายืนรอสองแถวบริเวณลานจอดรถหน้าอนุสาวรีย์ ร.5 นั่งกินน้ำมะพร้าวรถเข็นรออยู่จนเกือบชั่วโมงจนรู้สึกแปลกใจ ทำไมสองแถวไม่เห็นเข้ามาเลยหว่าแสงก็จะหมดแล้ว จึงตัดสินใจไปถามพี่ทหารแถวนั้น ทำให้ได้คำตอบแทบช้อค "รถหมดแล้วน้อง... สามโมงครึ่งถึงสี่โมงก็หมดแล้ว!!!" อึ้งกันเลยทีเดียว ที่นี่ก็ไม่มี taxi เข้ามาด้วยสิ
นั่งรอเป็นหมาไปเลยผม... สุดท้ายจึงไปได้เบอร์รถรับจ้างจากสโมสรท้ายเรือ เป็นพี่ทหารที่ออกเวรแล้ว มารับจ้างขับรถไปส่ง โดยไปส่งได้ไกลสุดที่ท่าเรือพระสมุทรเจดีย์เท่านั้น คิดค่าบริการ 150 บาท ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมอดได้ภาพพระอาทิตย์ยามเย็นไป และก็สุดการเดินทางหนึ่งวันในครั้งนี้ไปด้วย
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ จบละ
สุดท้ายฝากเพจรูปถ่ายผมกันด้วยนะครับ
www.facebook.com/sillythingphotography
เที่ยวง่าย ๆ ใกล้เมืองกับตลาดปากน้ำ - ป้อมพระจุล กับ DSLR รุ่นปู่ D200
เมื่อต้นเดือนที่แล้วผมวางแผนเดินทางจะไปถ่ายรูปเล่นที่ บางปู โดยเริ่มต้นเดินทางด้วยรถตู้จาก ตลาดแฮปปี้แลนด์ ไปสุดสายที่ตลาดปากน้ำ ในราคา 25 บาท ต่อคน หากต้องการเดินทางไปบางปูเลย ให้ลงรถที่สามแยก หรือบอกคนขับรถก็ได้ครับ เขาจะจอดให้ แล้วค่อยต่อรถสองแถวไป แต่ผมอยากดูหอยดูปลาที่ตลาดปากน้ำก่อน จึงนั่งเข้าตัวเมืองสมุทรปราการไปลงยังตัวตลาดปากน้ำเลย
อ่อ...ทริปนี้ผมเดินทางพร้อมกล้องคู่ใจ d200 ที่สมบุกสมบัน เดินทางด้วยกันมาตลอดเกือบ 7 ปี แม้คุณภาพหลาย ๆ ด้านจะสู้กล้องน้องใหม่ๆ ไม่ได้ แต่ว่าเจ้าปู่ d200 มันอึดเหลือหลาย ก็เลยใช้มันต่อไป ฮ่าๆ เพราะไฟล์ภาพที่ได้สำหรับผมแล้ว มันก็โอเคอยู่นะ!
หอยแครงหลายขนาดหลากราคา
ปลาน้อยใหญ่สด ๆ มากมาย
กั้งที่น่าเอามาทอดกระเทียมพริกไทย หรือแช่น้ำปลาจริงๆ
ผมไม่ค่อยชอบกินแมงดา แต่อยากกินปูที่อยู่ด้านหลังมากกว่า
เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังตลาดปากน้ำ เป็นท่าเรือข้ามฝากไปยังพระสมุทรเจดีย์ได้
ผมก็เก็บภาพไปเรื่อยเปื่อย เพราะวางแผนจะไปถ่ายภาพที่บางปูต่อในช่วงเย็น
เรือข้ามฝากที่ออกทุก 10-15 นาที (โดยประมาณ)
แถวตลาดมีนกชายฝั่งให้เห็นอยู่หลายชนิดเหมือนกัน เช่นเจ้านกยางเปีย (Little Egret : Egretta garzetta)
หรือเจ้านกนางแอ่นแปซิฟิค (Pacific Swallow : Hirundo tahitica.)
ด้วยความที่มีเวลาเหลือ ผมจึงตัดสินใจนั่งเรือเล่น กะจะข้ามไปถ่ายรูปพระสมุทรเจดีย์แล้วค่อยนั่งเรือกลับ แต่เมื่อข้ามมาถึงจึงพบว่ามีคิวรถสองแถวใหญ่ (คันใหญ่จริง ๆ) จากท่าเรือไปยังป้อมพระจุลได้ ด้วยความที่คิดว่าเวลาเหลือเฟือ ไหน ๆ ก็ข้ามมาแล้วปล่อยไหลไปเลยละกัน สองท้าวจึงก้าวขึ้นสองมือควักเงิน 8 บาทเป็นค่าโดยสาร
รถมาส่งลงถึงหน้าป้อมเลยครับ เจอเรือหลวงแม่กลองตระหง่านอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะผมไปวันธรรมดาด้วยหรือว่าผมมาตอนแดดมันส่องหัวกบาลแบบจัง ๆ จึงมีนักท่องเที่ยวแค่ไม่กี่คน
เพิ่งเคยมาครั้งแรก ก็เดินตากแดดหัวดำปีนป่ายถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ
ภายในเรือเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้แบบจุใจ เดินเข้าเดินออกได้เกือบทุกห้อง
ปืนต่อสู้อากาศยานประจำเรือ รุ่นอะไร ใช้ยังไงอันนี้ผมไม่รู้ รู้อย่างเดียวคือการจับเหล็กกลางแดดนี่แทบทำให้มือพองได้
ปืนเสือหมอบ ดาวเด่นประจำป้อมพระจุล ที่ท่าน ร.5 ทรงสั่งจากอังกฤษมาติดตั้งไว้ เพียง 2 เดือนก็ได้ใช้สู้รบกับฝรั่งเศษในเหตุการ์ณ ร.ศ.112
เสร็จจากเดินชมป้อมจึงมาพักกินข้าว ชาร์ตพลังที่สโมสรท้ายเรือแม่กลอง อาหารอร่อย ราคากลาง ๆ ด้วยความหิวจึงไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ พออิ่มแล้วจึงเดินเล่นริมน้ำแถว ๆ นั้น ซึ่งก็มีนกหากินอยู่หลากหลายเช่นกัน ในภาพคือนกยางเปีย ที่มีอยู่หลายตัว
นกกาน้ำเล็ก (Little Cormorant : Phalacrocorax niger) ผมไมได้เชี่ยวเป็นนักดูนกหรอก ส่วนมากถ่ายมาแล้วค่อยเปิดหนังสือคู่มือดูนกประกอบเอาทีหลัง
มาเป็นขาวดำกันบ้างครับ
ลมพัดเย็น ๆ อากาศดีมาก จนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็เกือบ 5 โมง ทำให้ต้องเลิกแผนที่จะเดินทางกลับไปยังบางปู ผมจึงเลือกจะไปเก็บแสงยามเย็นของวันที่พระสมุทรเจดีย์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการในเรื่องนึง...
ช่วงเย็น ๆ มีคนเดินทางมากันเยอะมาก มีทั้งมาออกกำลังกาย พาครอบครัวมาเที่ยว ผมมายืนรอสองแถวบริเวณลานจอดรถหน้าอนุสาวรีย์ ร.5 นั่งกินน้ำมะพร้าวรถเข็นรออยู่จนเกือบชั่วโมงจนรู้สึกแปลกใจ ทำไมสองแถวไม่เห็นเข้ามาเลยหว่าแสงก็จะหมดแล้ว จึงตัดสินใจไปถามพี่ทหารแถวนั้น ทำให้ได้คำตอบแทบช้อค "รถหมดแล้วน้อง... สามโมงครึ่งถึงสี่โมงก็หมดแล้ว!!!" อึ้งกันเลยทีเดียว ที่นี่ก็ไม่มี taxi เข้ามาด้วยสิ
นั่งรอเป็นหมาไปเลยผม... สุดท้ายจึงไปได้เบอร์รถรับจ้างจากสโมสรท้ายเรือ เป็นพี่ทหารที่ออกเวรแล้ว มารับจ้างขับรถไปส่ง โดยไปส่งได้ไกลสุดที่ท่าเรือพระสมุทรเจดีย์เท่านั้น คิดค่าบริการ 150 บาท ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมอดได้ภาพพระอาทิตย์ยามเย็นไป และก็สุดการเดินทางหนึ่งวันในครั้งนี้ไปด้วย
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ จบละ
สุดท้ายฝากเพจรูปถ่ายผมกันด้วยนะครับ
www.facebook.com/sillythingphotography