คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ในฐานะพ่อของลูกสาววัย 12 , ลูกชาย 10 ขวบ นะครับ
เฉพาะย่อหน้านี้ บางส่วนดังนี้ (เฉพาะที่ขีดเส้นใต้ นะครับ)
ฉันรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจมากที่เห็นน้องเอเป็นแบบนี้ เพราะรู้สึกว่า แฟนฉันกำลัง รังแกลูก อยู่
ฉันคุยกับเขาอย่างเปิดอก ว่าอยากให้ปรับเปลี่ยน อยากให้สอนลูก ให้ลูกมีชีวิตเหมือนเด็กอายุ 13 ไม่ใช่ เด็กอายุ 5 ขวบ ที่รับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวไม่ได้ อย่าตามใจมาก ต้องมีเหตุผล เขาก็บอกว่า เขาอยากให้ลูกมีความสุขเวลาอยู่กับเขา กลัวลูกไม่มาหาเขาอีก ถ้าไม่ตามใจ ฉันเลยถามไปว่า คุณอยากให้ลูกอยุ่กับคุณเพราะคุณมีเงินให้ หรือ อยากให้เขามา เพราะรู้สึกอยากมาโดยไม่มีเงื่อนไข ฉันบอกไปว่า ฉันรับไม่ได้ กับวิธีเลี้ยงลูกของเขา ฉันเอง ต้องมาอึดอัด ลำพังทำให้ทุกอย่าง ก็รู้สึกว่า มันแปลกแล้วเพราะน้องไม่ใช่เด็ก เขาก็บอกว่า ถ้าฉันไม่อยากทำ เขาก็จะทำเอง มันเป็นวิถีชีวิตของเขา เขาทำแบบนี้มาตลอด พอสักหน่อยลูกโตคงดีขึ้นเอง ถ้าฉันเห็นว่าอะไรไม่ดี ก็จัดการสิ เขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทำให้เขารู้สึกแย่
คุณ "คิด" ถูกแล้วครับ
จากข้อ 1 ในเนื้่อหาของคุณ
คุณพ่อเขาเอาใจลูกผิดวิธีครับ (ค่อนข้างมาก)
การตามใจลักษณะนั้น หากเป็น บางวันแค่นิดหน่อย ก็พอไหว เช่น วันที่ลูกไม่สบาย
หรืออาจผ่านการสอบมาหลายวันแล้วให้สิทธิ์พิเศษสัก 1 วัน เป็นต้นครับ
จากข้อ 2
บางทีผมก็เป็นเช่นนั้น แต่ก็ต้องพยายามบังคับและสอนให้เขาเข้าใจว่า ต้องรู้จักที่จะทำเองครับ
เรื่องซักผ้า ก็สอนให้เขาทำเองให้ได้ แม้จะไม่ได้กำหนดเป็นหน้าที่
เรื่องล้างจาน แม้ส่วนใหญ่คุณพ่อจะล้าง แต่ก็มีการจัดคิวให้ช่วยกัน สลับกัน พี่น้อง ครับ
บางทีคุณพ่อซะอีก ขี้โกง ทานกาแฟเสร็จ ฝากลูกไปล้างแก้วให้ก็มีครับ
นั่นคือ เขาต้องทำเป็น เพียงแต่ยังไม่ได้กำหนดหน้าที่เป็นกิจวัตร
จากข้อ 3
เอาเฉพาะเรื่องพูดคำหยาบ และด่าพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ ผมเจอมาแบ่งหลัก ๆ เป็น 2 Case ครับ
3.1 คนในครอบครัว พูดคำหยาบกันเอง เด็กเลยติด
3.2 คนในครอบครัว ไม่ได้พูดคำหยาบ เด็ำกไปจำมาจากที่อื่น (ทีวี , เพื่อน , สังคมภายนอก)
หากเป็น 3.1 ทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะผู้ใหญ่ไม่รู้ตัว และมองว่าเป็นเรื่องปกติ
หากเป็น 3.2 ต้องสอนครับ อย่างผมนี่ ห้ามพูดคำหยาบให้ผมได้ยิน ไม่งั้นโดนทำโทษครับ ตอนสมัยเด็ก ก็ให้เขา่ยืนตบปากตัวเอง
โตขึ้น ก็ลงโทษแบบอื่น เช่น งดดูทีวี งดใช้คอมพิวเตอร์
จากข้อ 4
เหนื่อยใจครับ ผู้ใหญ่ต้องสอนครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณ lovenannan นะครับ
(รวมถึงความเห็นที่ 2-3 ด้วยครับ)
เขาบอกว่า อย่าเปรียบเทียบ คนจะดีมันขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่เพราะแม่สอนอย่างเดียว
ข้อนี้ คิดผิดมากครับ
100 คน จะมีสักกี่คนเีชียว ที่จะ "คิดเป็น" ว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้น ดีหรือไม่ดี
การอบรมสั่งสอน จากผู้ใหญ่ คือสิ่งสำคัญครับ
ผมไม่ค่อยกล้าแนะนำคุณตรง ๆ
เอาเป็นว่า พื้นฐานแนวความคิดของเพื่อนชายคุณ ท่านนี้ อันตรายมากครับ
จะตรงไปไหม(ขออภัยล่วงหน้าจริง ๆ ครับ)
ถ้าจะบอกว่า หากใช้อนาคตร่วมกับเขา ก็ไม่ควร "มีลูก" กับเขาครับ
.
เฉพาะย่อหน้านี้ บางส่วนดังนี้ (เฉพาะที่ขีดเส้นใต้ นะครับ)
ฉันรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจมากที่เห็นน้องเอเป็นแบบนี้ เพราะรู้สึกว่า แฟนฉันกำลัง รังแกลูก อยู่
ฉันคุยกับเขาอย่างเปิดอก ว่าอยากให้ปรับเปลี่ยน อยากให้สอนลูก ให้ลูกมีชีวิตเหมือนเด็กอายุ 13 ไม่ใช่ เด็กอายุ 5 ขวบ ที่รับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวไม่ได้ อย่าตามใจมาก ต้องมีเหตุผล เขาก็บอกว่า เขาอยากให้ลูกมีความสุขเวลาอยู่กับเขา กลัวลูกไม่มาหาเขาอีก ถ้าไม่ตามใจ ฉันเลยถามไปว่า คุณอยากให้ลูกอยุ่กับคุณเพราะคุณมีเงินให้ หรือ อยากให้เขามา เพราะรู้สึกอยากมาโดยไม่มีเงื่อนไข ฉันบอกไปว่า ฉันรับไม่ได้ กับวิธีเลี้ยงลูกของเขา ฉันเอง ต้องมาอึดอัด ลำพังทำให้ทุกอย่าง ก็รู้สึกว่า มันแปลกแล้วเพราะน้องไม่ใช่เด็ก เขาก็บอกว่า ถ้าฉันไม่อยากทำ เขาก็จะทำเอง มันเป็นวิถีชีวิตของเขา เขาทำแบบนี้มาตลอด พอสักหน่อยลูกโตคงดีขึ้นเอง ถ้าฉันเห็นว่าอะไรไม่ดี ก็จัดการสิ เขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทำให้เขารู้สึกแย่
คุณ "คิด" ถูกแล้วครับ
จากข้อ 1 ในเนื้่อหาของคุณ
คุณพ่อเขาเอาใจลูกผิดวิธีครับ (ค่อนข้างมาก)
การตามใจลักษณะนั้น หากเป็น บางวันแค่นิดหน่อย ก็พอไหว เช่น วันที่ลูกไม่สบาย
หรืออาจผ่านการสอบมาหลายวันแล้วให้สิทธิ์พิเศษสัก 1 วัน เป็นต้นครับ
จากข้อ 2
บางทีผมก็เป็นเช่นนั้น แต่ก็ต้องพยายามบังคับและสอนให้เขาเข้าใจว่า ต้องรู้จักที่จะทำเองครับ
เรื่องซักผ้า ก็สอนให้เขาทำเองให้ได้ แม้จะไม่ได้กำหนดเป็นหน้าที่
เรื่องล้างจาน แม้ส่วนใหญ่คุณพ่อจะล้าง แต่ก็มีการจัดคิวให้ช่วยกัน สลับกัน พี่น้อง ครับ
บางทีคุณพ่อซะอีก ขี้โกง ทานกาแฟเสร็จ ฝากลูกไปล้างแก้วให้ก็มีครับ
นั่นคือ เขาต้องทำเป็น เพียงแต่ยังไม่ได้กำหนดหน้าที่เป็นกิจวัตร
จากข้อ 3
เอาเฉพาะเรื่องพูดคำหยาบ และด่าพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ ผมเจอมาแบ่งหลัก ๆ เป็น 2 Case ครับ
3.1 คนในครอบครัว พูดคำหยาบกันเอง เด็กเลยติด
3.2 คนในครอบครัว ไม่ได้พูดคำหยาบ เด็ำกไปจำมาจากที่อื่น (ทีวี , เพื่อน , สังคมภายนอก)
หากเป็น 3.1 ทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะผู้ใหญ่ไม่รู้ตัว และมองว่าเป็นเรื่องปกติ
หากเป็น 3.2 ต้องสอนครับ อย่างผมนี่ ห้ามพูดคำหยาบให้ผมได้ยิน ไม่งั้นโดนทำโทษครับ ตอนสมัยเด็ก ก็ให้เขา่ยืนตบปากตัวเอง
โตขึ้น ก็ลงโทษแบบอื่น เช่น งดดูทีวี งดใช้คอมพิวเตอร์
จากข้อ 4
เหนื่อยใจครับ ผู้ใหญ่ต้องสอนครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณ lovenannan นะครับ
(รวมถึงความเห็นที่ 2-3 ด้วยครับ)
เขาบอกว่า อย่าเปรียบเทียบ คนจะดีมันขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่เพราะแม่สอนอย่างเดียว
ข้อนี้ คิดผิดมากครับ
100 คน จะมีสักกี่คนเีชียว ที่จะ "คิดเป็น" ว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้น ดีหรือไม่ดี
การอบรมสั่งสอน จากผู้ใหญ่ คือสิ่งสำคัญครับ
ผมไม่ค่อยกล้าแนะนำคุณตรง ๆ
เอาเป็นว่า พื้นฐานแนวความคิดของเพื่อนชายคุณ ท่านนี้ อันตรายมากครับ
จะตรงไปไหม(ขออภัยล่วงหน้าจริง ๆ ครับ)
ถ้าจะบอกว่า หากใช้อนาคตร่วมกับเขา ก็ไม่ควร "มีลูก" กับเขาครับ
.
แสดงความคิดเห็น
ฉันไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย ?
ฉันกำลังวางแผนจะแต่งงานหลังจากคบหาดูใจแฟนมาได้สักระยะ ฉันรู้สึกดีใจที่ได้เจอผู้ชายที่ดีพอสมควรและเราสามารถเข้ากันได้ดีในระดับหนึ่ง ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะหมั้นก่อนในเดือนมิถุนายนนี้ แต่ตอนนี้ฉันทะเลาะกับเขาด้วยเรื่อง "ลูก"
แฟนฉันเป็นพ่อหม้ายลูกติด คนโตอายุ 20 คนเล็ก 13 ก่อนคบกันเราเปิดอกคุยกันถึงแฟนเก่าของเขาเรื่องสาเหตุการหย่าร้างซึ่งสรุปคร่าวๆว่าฝ่ายหญิงต้องการหย่าโดยที่เขาไม่ได้ผิดและให้ลูกอยู่ในปกครองของฝ่ายแม่ โดยเขาสามารถไปรับลูกหรือเจอได้ตามสะดวกถ้าลูกต้องการ
ก่อนคบกับฉันเขาเคยคบผู้หญิงที่ทางญาติหามาให้ คบกันประมาณ 4 เดือน ผู้หญิงบอกเลิกเนื่องจากรับไม่ได้ที่เขามีลูกติด
แต่สำหรับฉันเรื่องลูกเขาไม่เป็นปัญหาเพราะคิดว่าเราต้องยอมรับอดีตของกันและกันให้ได้โดยทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เมื่อฉันได้พบลูกเขา เราก็สามารถเข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาหมั่นไส้หรือไม่ชอบหน้ากัน ฉันและเขาจะไปรับลูกมาทานข้าว กินขนม ดูหนัง กันบ่อยๆ ซึ่งฉันเห็นว่า เขารักลูกมาก ทำให้ฉันรู้สึกดี เพราะเชื่อว่า ถ้าเขารักลูกมากขนาดนี้ ลูกของเราก็คงรักมากเช่นกัน
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องมานั่งทบทวนว่า ฉันพร้อมจะใช้ชีวิตคู่กับเขาหรือไม่ เริ่มต้นจากปิดเทอมนี้ เนื่องจากเขาบอกฉันว่า จะไปรับลูกสาวคนเล็ก (สมมุติว่าชื่อน้อง A) มาพักค้างที่บ้านเพราะปิดเทอม โดยขอให้ฉันมาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนเอ ซึ่งฉันก็ไม่ขัดข้อง
น้องเอ อายุ 13 เป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนโยน รักสัตว์ แต่เอาแต่ใจตัวเองมาก และก้าวร้าวในบางที
สิ่งที่ทำให้ฉัน รู้สึกว่า ฉันทำใจไม่ได้ เริ่มจาก
1.กิจวัตรประจำวัน น้องเอ ตื่นนอน ประมาณ 8 โมงเช้า และ นั่งเฝ้าหน้าคอมพิวเตอร์นับจากเวลานั้น โดยไม่เคย ล้างหน้า หรือแปรงฟัน จนกว่าพ่อเขา จะไปบอกให้อาบน้ำ ซึ่งก็ราวๆ สิบโมง ฉันมีหน้าที่ทำกับข้าวให้พ่อและลูกกิน โดยที่น้องเอ จะมากินข้าวตอน 9 โมง (ยังไม่ล้างหน้าหรือแปรงฟัน) โดยที่พ่อเขาจะเตรียมข้าว กับข้าวและน้ำ วางไว้รอ และหลังจากน้องเอ กินเสร็จก็จะวางจานไว้ตรงนั้น เพื่อให้พ่อเขาเก็บ
หลังจากน้องเอกินข้าวเสร็จก็จะกลับไปเลนเกมส์และเฟสบุคต่อ จากนั้น พ่อเขาก็จะมาบอกให้ไปอาบน้ำ ซึ่งน้องเอใช้เวลาอาบน้ำ 2 - 3 นาที (อันนี้จับเวลาแล้ว) น้องเอ ไม่ชอบแปรงฟัน และมักจะโกหกพ่อว่าแปรงแล้ว พ่อเขาก็จะมีหน้าที่ไปจับแปรงสีฟันว่าเปียกหรือเปล่าแล้วบังคับแปรงฟันอีกครั้ง โดยใช้เวลา 30 วินาที ในการแปรงฟัน พอบ่ายๆพ่อเขาก็เตรียมขนม น้ำอัดลม หรืออย่างอื่น แล้าเอาเข้าไปให้ในห้องนอนให้น้องเอ กินในห้องนอน
2.เรื่องเสื้อผ้า น้องเอ อายุ 13 ซักเสื้อผ้าเองไม่เป็น น้องเอจะถอดเสื้อผ้าลงในตะกร้าพ่อเขา แล้ว พ่อมีหน้าที่ซักเสื้อผ้าให้ลูก ตอนมาน้องเอมีประจำเดือน และประจำเดือนจะติดชั้นใน ฉันบอกให้พ่อเขาสอนลูกซักผ้า เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาก็จะซักอยู่แล้ว ซักเสร็จเขาก็ตาก
3.เรื่องความก้าวร้าว น้องเอ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจมาก อยากได้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น แม้ของสิ่งนั้นจะไร้สาระหรือแพงแค่ไหน เมื่อพ่อเขาปฎิเสธ น้องเอ ก็จะ ใช้คำพูดหยาบๆเช่น ป๊า นี่เลวทรามต่ำช้า จริงๆ ลูกขออะไรก็ไม่เคยได้ ทั้งๆที่ได้ทุกครั้งที่ขอ เพราะถึงแม้พ่อเขาบอกว่าไม่ซื้อให้สักพักก็ยอมซื้อให้อยู่ดี หรือใช้คำพูดหยาบคายอื่นๆ ที่ฉันฟังแล้วอึ้ง อันนี้ไม่ขอนำเสนอ
4.เรื่องการใช้เงิน ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ต้องมีค่าจ้าง เนื่องจากน้องเอ ติดเกมส์มาก เล่นวันละ 14 ชั่วโมง ขึ้นไป ดังนั้นการออกจากบ้านถือว่าเป็นเรื่องเสียเวลาของเธอ โดยที่พ่อต้องจ่ายค่าออกจากบ้าน วันละ 300 บาท และเธอก็จะเหวี่ยงวีนจนทำให้กิจกรรมนอกบ้านกร่อยตลอด ต้องกลับบ้านกันหมด เช่น เธอ อยากกิน MK ทั้งๆที่เพิ่งกินข้าวมา พอกินไม่หมด เพราะทุกคนอิ่มกันแล้ว พ่อเธอก็จะตำหนิ น้องเอก็จะบอกว่า แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แม่ก็พามากินทุกครั้ง คำนี้ทำให้พ่อเขาต้องเงียบ
ฉันรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจมากที่เห็นน้องเอเป็นแบบนี้ เพราะรู้สึกว่า แฟนฉันกำลัง รังแกลูก อยู่
ฉันคุยกับเขาอย่างเปิดอก ว่าอยากให้ปรับเปลี่ยน อยากให้สอนลูก ให้ลูกมีชีวิตเหมือนเด็กอายุ 13 ไม่ใช่ เด็กอายุ 5 ขวบ ที่รับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวไม่ได้ อย่าตามใจมาก ต้องมีเหตุผล เขาก็บอกว่า เขาอยากให้ลูกมีความสุขเวลาอยู่กับเขา กลัวลูกไม่มาหาเขาอีก ถ้าไม่ตามใจ ฉันเลยถามไปว่า คุณอยากให้ลูกอยุ่กับคุณเพราะคุณมีเงินให้ หรือ อยากให้เขามา เพราะรู้สึกอยากมาโดยไม่มีเงื่อนไข ฉันบอกไปว่า ฉันรับไม่ได้ กับวิธีเลี้ยงลูกของเขา ฉันเอง ต้องมาอึดอัด ลำพังทำให้ทุกอย่าง ก็รู้สึกว่า มันแปลกแล้วเพราะน้องไม่ใช่เด็ก เขาก็บอกว่า ถ้าฉันไม่อยากทำ เขาก็จะทำเอง มันเป็นวิถีชีวิตของเขา เขาทำแบบนี้มาตลอด พอสักหน่อยลูกโตคงดีขึ้นเอง ถ้าฉันเห็นว่าอะไรไม่ดี ก็จัดการสิ เขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทำให้เขารู้สึกแย่
ฉันจะจัดการลูกของเขาได้อย่างไร ถ้าฉันทำ ก็คงกลายเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายตามสูตร ที่เห็นอะไรขัดหูขัดตา ไม่พอใจสักอย่าง ฉันคงผิดเอง ที่เป็นห่วง ห่วงเด็กคนนี้ ห่วงว่า เขาจะโตมาเป็นยังไง เมื่อเอามาเทียบกับเด็กๆในวัยนี้ที่ฉันรู้จัก น้องห่างไกลกับคำว่า "โต" แต่ตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้วว่า ลูกเขา เรื่องของเขา
ฉันสับสนไปหมด กลัวอนาคตที่จะยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรา และคงจะตัดสินใจเร็วๆนี้ ขอบคุณที่อ่านนะคะ แค่แวะมาระบาย