ผมขับรถต่างจังหวัดบ่อย   เห็นคนใช้รถ eco car ค่อนข้างเยอะ

เกริ่นไว้ก่อนนะครับ   ไม่ใช่คนมีความรู้หรืออะไรมากมาย   แต่ที่รู้มาเป็นรถยนต์เน้นความประหยัดและใช้ในเมืองเป็นหลัก  เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,200 cc.

แต่ที่เห็นในประเทศไทย  ใช้รถ eco car เหมือนรถซีดานทั่วไป  มิหน่ำซ้ำ  ยังขับไปแข่งกับรถกระบะด้วย  ซึ่งรถกระบะในยุดปัจจุบันนี้  เครื่อง 3,000 - 3,200 cc.   ความเร็วปลายๆ 170 up

หลายท่าน  เอารถเล็กๆ มาใช้ต่างจังหวัดบนถนนหลวงและขับด้วยความเร็วสูงๆ  แถมปาดซ้ายปาดขวาอีกต่างหาก   มุดซ้ายที  มุดขวาที  เพราะคิดว่าตัวเล็กและคล่อง


สองวันที่แล้วเห็น eco car ไล่จี้ท้ายรถกระบะด้วยความเร็วสูง  น่าจะเกิน 140 km/hr  เมื่อมาเจอโค้งหักศอก  รถกระบะอัดเข้าโค้งยางร้อง อิ๊ด อาท แล้วก็ใส่ทางตรง  ทิ้งห่าง eco car


แต่แล้วเจ้ากรรม  eco car ไม่ได้ดูศักยภาพของรถตัวเองเลย  เห็นโค้งหักศอกแล้วก็ยังไม่เบคร แถมยังอัดในโค้ง  เพื่อหวังจะไล่ให้ทันรถกระบะ  แต่ด้วยฐานล้อที่แคบและยางหน้าแคบ น้ำหนักรถน้อย ก็เลยหลุดโค้งไปตามระเบียบ    รถหมุนกลิ้งอยู่หลายตลบ   


ผมขับตามหลังมาห่างเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น   รีบจอดรถลงไปดูคันอื่นๆ  วิ่งตามหลังกันมา ช่วยเหลือคนเจ็บ   แต่ไม่กล้าขยับตัว    โทรเรียกตำรวจนานไม่มาสักที    รถร่วมมูลนิธิมาเร็วปานสายฟ้าแล็บมาถึง  เอาเตียงสนามมารับตัวคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล


ผมเองกับคนอื่นๆ  ยังยืนไม่หายขาสั่นเลย  eco car คันดังกล่าว  เป็นเศษเหล็กไปในพริบตา แค่อยากบอกและเล่าให้ฟังนะครับ


ไม่ว่ารถอะไรทั้งสิ้น  อยู่ที่สติและความไม่ประมาท    ถ้าจะขับแข่งกันจริงๆ  eco car ก็สู้รถกระบะไม่ได้อย่าดันทุรังเลย   เสียทั้งชวิตและทรัพย์สิน  มันไม่คุ้มกันจริงๆ ครับ


งบน้อย  เงินมีไม่ถึง หรือ อยากประหยัด ก็ขับ eco car ไม่มีใครว่า  ทุกคนต้องการความสะดวกด้วยกันทั้งนั้นล่ะ   แต่การขับขอให้ค่อยๆ ไปล่ะกัน