ผมเคยเป็นปุถุชน คนหนา เรียกว่าหนามากๆ เคยเป็นพวกวัตถุนิยม ไม่เห็นว่าเรื่องสวรรค์-นรกหลังความตายเป็นเรื่องจริงหรือน่ากลัวอันใด เคยคิดว่าทำบุญไม่ได้บุญ ทำบาปไม่มีบาป เหตุเพราะศาสนาพุทธที่เคยรู้จักก็มีแต่เรื่องของศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ เครื่องลางปลุกเสก น้ำมนต์ผ้ายันต์กันภัยกันผี พระเณรตามวัดวาที่เห็นก็ไม่น่านับถือ ตอนดึกๆกินลาบ กินเกี๊ยว ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เป็นที่พึ่งทางใจไม่ได้ คอยแต่บอกให้ทำบุญๆ เพื่อจะได้บุญ ตายไปจะได้มีเสบียงเลี้ยงวิญญาณตน ความเชื่อในแนวนี้ ไม่ได้ช่วยอะไรให้ผมมีจิตใจที่ดีขึ้นหรือทำให้ผมกลัวอะไร จนเมื่อสองปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ศึกษาเรื่องการปฏิรูปพระพุทธศาสนาครั้งสำคัญในประเทศไทย ผมจึงได้มีโอกาสรับรู้ว่า พระพุทธศาสนาของเรานี้ ได้ผสมปนเปกับพราหมณ์ หนำซ้ำยังลัทธิเก่าแก่ของแต่ละแคว้นอีกต่างหาก ผมศึกษาต่อเนื่องในแนวที่ปราศจากเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ต่อมาเรื่อยๆ จนเริ่มจับแกนได้ ว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้คน มีชีวิตอยู่อย่างไร้ทุกข์โดยสิ้นเชิง มีจิตที่ลอยอยู่เหนือกระแสสังคมหรือความเชื่อต่างๆ และไม่มีประโยชน์ที่จะไปกลัวหรือวาดหวังฝากฝังกับชีวิตหลังความตาย เรื่องภพภูมิ สวรรค์-นรก ทั้งหมด การเวียนว่ายในวัฎฎสงสาร มีอยู่และจบลงได้ ในชีวิตจิตใจที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ได้ และคนธรรมดา คนหนาอย่างเราๆ ถ้าทำถูกก็สามารถทำความทุกข์ให้สิ้นสุดได้จริงในชีวิตนี้ ไม่ต้องรอความหวังในชาติไหนๆอีก เพื่อนๆมีความเห็นมาแลกเปลี่ยนกันว่าอย่างไรบ้างครับ?
ศาสนาพุทธ มีแก่นแท้ และ เปลือกนอก ใช่หรือไม่ครับ?